ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Career, Eat

ถ้าอยากทำธุรกิจของตัวเอง ต้องเชื่อสัญชาติญาณ และต้องทำจนแพ้ให้ได้!



รู้จักกับนุ่นมาเป็นสิบปี เห็นกันตั้งแต่เป็นเด็กสาววัยใส สาวมาร์เก็ตติ้งตำแหน่งดีบริษัทเริ่ด จนผ่านมาจนนุ่นอายุจะเข้าเลขสี่ และเธอหยุดทำงานประจำ หันมาสร้างธุรกิจเล็กๆ ของเธอเอง เมื่อสามปีที่แล้วเราคุยโทรศัพท์กันเยอะมากๆ นุ่นเล่าความฝัน สิ่งที่อยากสร้าง ไอเดียมากมาย เวลาผ่านไปพร้อมๆ กับธุรกิจที่เธอเซ็ตขึ้นมา และวันนี้เธอเล่าย้อนไปถึงตอนนั้นว่า “เฟลจริง งมและเฟลไปเกือบปี” เป็นเวลาเกือบปีที่เธอไม่ได้มีรายได้อะไร ใช้เงินเก็บเป็นทุนสร้างธุรกิจ ลองผิดลองถูกชนิดที่เรียกว่า “ลองจนเปลี่ยนนิสัยเราไปเลย” นุ่นเคยเป็นสาวเพอร์เฟ็คชันนิสท์ จะทำอะไรต้องเป๊ะ ต้องไม่พลาด เธอดีดตัวเลข รอบคอบกับทุกสิ่ง เอ็กเซลอย่างเปรี๊ยะ แต่มาวันนี้เธอกลับบอกว่า “รู้แล้วว่าแพ้เป็นยังไง” และที่น่าสนใจคือ เธอบอกต่ออีกว่า “ทำธุรกิจต้องแพ้เท่านั้น ถึงจะเดินต่อได้”

Farmhomm

เลยอยากให้นุ่นแชร์ความคิดที่เธอสู้กับตัวเองมา จนวันนี้แบรนด์ Farmhomm ของเธอกับผลิตภัณฑ์หนังปลาซาลมอนทอดกรอบ ทำให้นุ่นสามารถมีเงินเย็นที่เก็บไว้ไม่ต้องถอน มีเงินอีกก้อนสำหรับไว้ซื้อกองทุน และเงินอีกก้อนใช้จ่ายทั่วไป ไปเที่ยว และเอาไปลงทุนต่อ นุ่นจากที่เคยเป็นสาวออฟฟิศเข้างานเช้า กลับบ้านไม่เห็นพระอาทิตย์ เธอสามารถเล่นโยคะ ขับรถไปเที่ยวคนเดียว ไปสอนหนังสือ เรียนคอร์สที่อยากเรียน ไปเจอเพื่อนบ่อยแค่ไหนก็ได้ ดูแลครอบครัวเต็มที่ นุ่นบอกเลยว่า “มีความสุขและพอกับชีวิตแบบนี้จริงๆ” ทั้งหมดที่เป็นเธอในวันนี้มาจาก 3 สิ่งที่เธอเชื่อและทำคือ 1. เชื่อสัญชาติญาณตัวเอง 2. อย่าหยุดหาความรู้ และ 3. ต้องแพ้ให้เป็น ทั้งหมดคือตัวขับเคลื่อนหัวใจ สมอง และชีวิตของเธอ จนเกิดเป็นบาลานซ์ เป็นเหมือนหลักให้ชีวิตที่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ มั่นคงในที่นี้นุ่นบอกว่า “ไม่ได้ว่าเรารวยนะ” เอาเข้าจริงๆ เงินที่เธอหาได้ตอนนี้ ยังน้อยกว่าตอนที่ทำงานประจำด้วยซ้ำ แต่ผลที่ได้กลับมากกว่า เพราะบาลานซ์นั้นแหละ

Farmhomm

ทำให้นุ่นลดเป็น และใส่ใจบางอย่างมากขึ้น ปรับไปปรับมาจนเกิดเป็นสมดุลใหม่ของชีวิต ที่ก็ยังขับเคลื่อนเธอให้เดินหน้าต่อไป แต่เป็นวิถีชีวิตสามปีที่ผ่านมา ที่เธอพูดได้เต็มปากเลยว่า “เลือกเองหมด” นั่นเอง ทั้งหมดที่เปลี่ยนชีวิตเธอเป็นเธอในวันนี้ จริงๆ มาจากแรงขับและความสงสัยของเธอว่า “อยากรู้ว่าชีวิตที่อิสระ เราเลือกเอง เรากำหนดเองเป็นยังไง คิดเลยว่ามันต้องมีรูปแบบชีวิตอีกสิ ที่ไม่ใช่แค่มาทำงาน รีบกินข้าว กลับไปทำงาน” เธอเลยตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เพื่อจะมาหาชีวิตแบบนั้นในแบบของเธอ “จะรีวิวตัวเองก่อนว่าเรามีอะไรทำให้เรามีความสุขมั้ย แล้วพอได้คำตอบก็ตัดสินใจเลย” นุ่นเชื่ออย่างหนึ่งก็คือทุกสิ่งต้องเก็บหอมรอมริบไปเรื่อยๆ “คือการค่อยๆ เก็บทีละร้อยสองร้อยน่ะ ยังไงวันหนึ่งก็จะเก็บได้เยอะแน่นอน แต่เราต้องปรับต้นทุนชีวิตด้วยนะ พอตัดอะไรออกไป เราจะใช้เงินน้อยลงมาก และเงินที่ค่อยๆ เก็บนั่นล่ะ มันจะงอกขึ้นมาเกิดบาลานซ์ในชีวิตตามมา จนมันได้มากกว่าที่เคยได้ มากกว่านี่ไม่ได้หมายถึงเงินนะ แต่ได้สุขภาพ เวลา ความสุขพ่วงมาด้วย” พอลาออกนุ่นก็คิดว่าจะทำธุรกิจอะไร ตรงนี้ล่ะที่เธอบอกว่ายาก “จะเริ่มจาก 6 ไป 7 นี่ง่ายกว่าจาก 0 ไป 1 มาก” เพราะกว่าจะเจอว่าจะทำอะไร ต้องลอง ต้องพังก่อนเท่านั้น สำหรับนุ่นเธอเรียกชีวิตตัวเองช่วงนั้นว่า

Farmhomm

“งมไป 10 เดือนเต็ม” แต่ในขณะที่เธองม นุ่นทำอะไรไปด้วยตลอด เธอบอกว่า “ผิดก็ต้องทำ ต้องทำทุกอย่างให้ไฟเราไม่มอด และตอนนี้ล่ะที่จะรู้เลยว่าสิ่งสำคัญมากคือ การใช้สัญชาติญาณตัวเอง” สิ่งที่เกิดกับนุ่นคือพอเธอลองทำ แล้วผิด ก็จะได้เรียนรู้ และเกิดเป็นสัญชาติญาณขึ้นมา ได้ลับคมสัญชาติญาณตัวเองไปเรื่อยๆ จนเริ่มรู้ว่าอะไรที่ใช่ และอะไรไม่ใช่ อีกสิ่งที่เธอค้นพบคือ “อย่าหยุดเรียนรู้เด็ดขาด” ให้คิดว่าทุกสิ่งที่กำลังเจอคือกำลังได้ความรู้ ต้องไปปะทะ และค้นหาไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นอย่าพยายามเค้นความคิด ให้ปล่อยอิสระไป ความรู้ที่เก็บๆ ไว้อยู่ดีๆ จะแว่บเกิดเป็นไอเดียที่ปังได้เลย และพอได้ลอง ได้รู้ ได้ทำแล้ว นุ่นแอบบอกทางลัดให้ว่า “ทำธุรกิจอย่าไปคิดอะไรยากๆ” เธอบอกว่าโอกาสที่จะเกิดก็จะยากตามมา นุ่นเองช่วงแรกๆ เธอพยายามทำธุรกิจโมเดลสตาร์ทอัพ เธอพยายามทำแพลตฟอร์มที่เรียกได้ว่ายากทีเดียว แล้วความยากก็ทำให้ไม่เวิร์คจริงๆ จากตอนนั้นนุ่นเลยเอาใหม่ เธอเริ่มใช้สัญชาติญาณมากขึ้น จนวันหนึ่งได้ไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยว

Farmhomm
Farmhomm

แล้วเห็นมีถุงหนังปลากรอบขาย เธอก็แค่คิดว่า น่าจะมีหนังปลาดีๆ ทำมาขาย “ตอนนั้นยังไม่รู้จักหนังปลาทอดใดๆ ที่ดังๆ คือไม่รู้เลย รู้แต่ว่าเราชอบกินหนังปลาทอด และอยากได้แบบดีๆ ออกมากิน” แว่บแค่นั้นปั๊บ นุ่นก็ทำต่อทันที เธอหาซัพพลายเออร์ คิดต่อยอด เธออยากได้หนังปลาทอดที่มีสมุนไพรด้วย จะได้ตัดความคาวของหนังปลา ก็เลยคิดสองสูตร หนังปลาทอดสมุนไพร และต้มยำ และคิดต่อว่าต้องเป็นสมุนไพรสดสิ พริกคั่วต้องหอม มะกรูดต้องสด แล้วนุ่นก็บุกไปโรงงาน ไปพัฒนาสูตร ทำจนออกมาเป็นหนังปลาที่เธอชอบ อร่อยจริง คุณภาพดีจริง แล้วนุ่นก็ขายเลย ตอนนี้ล่ะที่ทำให้นุ่นเข้าใจอีกเรื่อง “โอเปอรชั่นสำคัญกว่าพาวเวอร์พอยท์” นุ่นบอกว่าจะคิดอะไร วางแผนอะไรน่ะทำได้นะ แต่พอมาถึงตอนทำจริงนั่นล่ะ จะเจอทุกปัญหาเลย ต้องวางระบบ ต้องเจอปัญหาให้เยอะที่สุด จะได้รู้ว่าจะต้องคิดกันความผิดพลาดอะไรบ้าง แล้วนุ่นก็มักเลือกชนเองทุกอย่าง ชนแล้วก็เฟลไปหลายครั้ง บางทีก็ตัดสินใจพลาด ขาดทุนเพิ่ม ท้อ เซ็ง

Farmhomm
Farmhomm

มาหมดทุกอารมณ์ ไปออกบูธขายที่ออฟฟิศสู้กับมือโปรคนอื่นๆ เจอคนทำเจ๋งกว่า และอื่นๆ อีกมากมาย ทำจนมาถึงวันที่นุ่นพูดกับตัวเองว่า “เราเจ๊ง” นุ่นเคยเจ๊งกับสิ่งที่คาดการณ์พลาด และนั่นคือสิ่งที่เธอกลัวที่สุด แต่แล้วไง ถ้าคิดจะทำธุรกิจก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ ตอนนี้ล่ะเธอถึงเข้าใจคำว่า “แพ้ให้เป็น” ที่สุด เพราะแพ้เธอเลยได้มีก้าวต่อไป และต่อไป ฟาร์มหอมอยู่มา 3 ปีแล้ว ทำรายได้ให้นุ่นมีเงินเก็บ มีชีวิตที่เธอฝัน และให้เธอมีความสุขจริงๆ แบบที่ไม่ต้องคาใจกับตัวเอง ถามนุ่นว่าถ้าจะให้กำลังใจใครที่กำลังคิดสร้างธุรกิจของตัวเองอยู่ จะบอกว่าอะไร เธอบอกว่า “เราทุกคนตื่นเช้ามามีต้นทุนในชีวิตเท่ากัน คือเรามี 24 ชั่วโมง อย่าไปคิดเปรียบเทียบกับใคร ให้คิดว่า 24 ชั่วโมงของเรา เราจะใช้มันยังไง รูปแบบธุรกิจแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราต้องเชื่อ ต้องฉีกตัวเองให้ได้ก่อน และต้องมีแบบฝึกหัดให้ตัวเองทุกวัน ทำไปเถอะ ได้น้อยก็ค่อยๆ เก็บไป อย่าหยุดเดินเด็ดขาด อย่าหยุดหาความรู้ เพราะเมื่อไหร่ที่หยุดเดิน เราจะถอยหลัง และเราจะไม่มีทางเห็นชีวิตในแบบที่เราอยากให้เป็น ขอให้เชื่อ และลุยเลย” ผู้หญิงคนนี้ได้ลองแล้ว เธอปะทะความกลัวของตัวเองแล้ว หวังว่าเรื่องราวของนุ่นจะอินสไปร์สาวๆ ใครที่มีฝัน หรือยังไม่รู้ว่าฝันของเราคืออะไร ทำเลยนะ เล็กและง่ายนี่ล่ะ แล้วเชื่อในสัญชาติญาณ รับมือกับความแพ้ให้ได้ แล้วเดี๋ยวจักรวาลจะพาไปต่อเอง ขอให้มีไฟกันนะคะ

คลีโอขอขอบคุณเรื่องราวจากคุณนุ่น @Farmhomm ฟาร์มหอมนะคะ

อ่านเรื่องราวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ทาง CleoThailand หรือ FB: @CleoThailand

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']