12 หนังรักที่เกี่ยวกับการ “หย่าร้าง” ดูแล้วมีกำลังใจมูฟออนเลย

ถ้ารักให้สุดแล้ววันหนึ่งต้องมาหย่ากัน ก็ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ใครที่กำลังเจอสภาวะแบบนี้ อยากหาอะไรมาอัพให้ใจฟูๆ บ้าง ลองดู 15 หนังความรักที่ต้อง “หย่าร้าง” นี้นะ ไม่ได้แย่อย่างที่คิดแน่นอน ถ้าไปต่อไม่ได้ แล้วต้องจบกันไป ต่างคนต่างแยกย้าย อาจมีความรักใหม่ หรือมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าไปเลย คนที่รักกัน แต่งงานกันมา แล้วต้องมาถึงทางแยก “หย่าร้าง” กัน ความจริงก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่นะ คนเรามาค้นพบหัวใจตัวเองทีหลังได้ หรือพยายามแล้วไปกันไม่รอด หรืออาจจะเจ็บปวดในตอนแรก แต่ดีกว่าฝืนกันไป คลีโอมีหนังเกี่ยวกับการ “หย่าร้าง” มาให้ลองไปดูกันนะ เริ่ดทุกเรื่อง!! 1.Kramer VS. Kramer หนังดังที่คอหนังยุค 80’s ไม่มีใครพลาดเรื่องนี้ ประชันกันเลยทั้งเมอรีล สตรีพ และดัสติน ฮอฟฟ์แมน เป็นหนังที่ตามล่าความดราม่ากันในศาล ที่เป็นเรื่องของเบื้องหลังครอบครัวสุดเพอร์เฟ็คท์ โจอันนา นางเอกได้ลุกขึ้นมาหลังจากเธอขอหย่ากับเท็ด ว่าเธอต้องการสิทธิ์ในการเลี้ยงลูกชายของเธอ เขาไม่ยอม ก็เลยต้องฟาดกันในศาล เป็นเรื่องความซับซ้อนของจิตใจของคนเรา ความเชื่อของคนเป็นแม่ที่คิดว่าตัวเองเลี้ยงลูกได้ดีกว่า และคนเป็นพ่อที่ไม่เข้าใจว่าเขาจะด้อยกว่าเรื่องเลี้ยงลูกตรงไหน หนังเข้มข้นในทั้งบทและการแสดง เรื่องนี้ได้รางวัลออสการ์ไปถึง 5 รางวัลเลยล่ะ 2. […]

Schwarzkopf ‘Natural & Easy’ สีผมสวยแบบมือโปรด้วยพลังธรรมชาติ ทวงคืนความอ่อนวัยแบบไม่ตกเทรนด์

Schwarzkopf (ชวาร์สคอฟ) แบรนด์สีผมตัวจริงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 120 ปี คว้า แจ็คกี้ ชาเคอลีน นักแสดงสาวมากความสามารถ เปิดตัว แชมพูปิดผมขาว ‘Schwarzkopf Natural & Easy’ 3 เฉดสี จับเทรนด์สีผมที่ไม่จำกัดอยู่แค่เฉดสีเข้มเดิม ๆ อีกต่อไป

เจ้าของฟาร์ม “บ้านสวนปรีดา” กับหมวกคู่ใจจาก UPTOYOU ที่พร้อมลุยในทุกๆวัน!

ทางคลีโอได้มีโอกาสสัมภาษณ์พี่ต้อง เจ้าของฟาร์มบ้านสวนปรีดา ต้องบอกเลยว่าน่าสนใจมากๆ ด้วยวิธีการเล่าเรื่องของเธอทำให้รู้เลยว่าเธอรักในสิ่งที่ตัวเองทำจริงๆ เธอรักสัตว์ทุกตัวที่เธอเลี้ยง และคำว่าฟาร์มของเธอแตกต่างจากคนอื่นเพราะเธอไม่ได้หวังผลประโยชน์จากพวกสัตว์น่ารักๆเหล่านี้เลย…ความตั้งใจของพี่ต้องคืออยากให้ทุกคนได้มาเอ็นจอยร่วมกัน ณ บ้านสวนปรีดาแห่งนี้โดยที่ไม่ต้องนึกถึงความเครียดใดๆ แค่มีความสุขกับธรรมชาติและสิ่งรอบตัวเท่านั้นเอง…งานนี้พี่ต้องขอพาทัวร์ฟาร์ม มากับชุดที่พร้อมลุยและหมวกที่ขาดไม่ได้เลยจาก UPTOYOU ที่ทำให้ลุคการทำงานของเธอคอมพลีทสุดๆ

รักเพื่อนสนิทมานาน แล้วต้องเสียเขาไปให้คนอื่น เจ็บปวดจะตาย!

“ฉันรักเธอ” ที่ยังคงเป็นประโยคคลาสสิคในใจเสมอมา สำหรับคนที่แอบรักเพื่อนตัวเอง เพื่อนที่มีบทสนทนาดีพๆ อยู่ด้วยกันทีไรเหมือนตกห้วง เราคิดเหมือนๆ กัน บางทีพูดออกมาก็แทบจะประโยคเดียวกัน ติดแค่ “เราเป็นเพื่อนกัน” ความรักที่ไม่เคยได้บอก ที่ต้องมาเจ็บปวดที่สุด วันที่เขามีคนรัก ผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่เรา! คนที่รักเพื่อนสนิท ที่เขาไปมีแฟนเป็นคนอื่นเท่านั้น ถึงจะเข้าใจความเจ็บปวดในใจแบบนี้ได้ดี ความรักแบบจูลส์รักไมเคิลใน My Best Friend’s Wedding เธอรักเขามา 9 ปี และก็มั่นใจว่าเราก็รักเธอแบบเดียวกัน แต่วันหนึ่งเขาไปเลือกคิม ผู้หญิงอีกคนที่ดูแล้วก็ไม่เห็นจะน่าเข้าใจเขาเท่าเธอนี่นา แล้วไม่ใช่ว่าฟ้าไม่ส่งสัญญาณมาบอกจูลส์นะ ช่วงเวลาที่เธอคบกับไมเคิล เขาใช่ที่สุด ทั้งสองคนคลิกกันและมีความสุขที่สุด จูลส์รู้จักเขาดี ทั้งสองมีเพลงของตัวเอง เรียกว่าเข้าใจกันดีอย่างลึกซึ้ง แต่ในความเป็นจูลส์ เธอกลัวความรัก กลัวการต้องมีใครมาเป็นเจ้าของหัวใจเธอ เธอเลยรักษาแค่ระยะความเป็นเพื่อนกับเขามาตลอด จนวันที่เขาไม่เลือกเธอนนั่นล่ะ เธอถึงเพิ่งมาคิดได้ ความรักแบบนี้มันเหมือนกับว่า “โลกนี้มีเราเพียงสองคนก็จริง แต่เราก็กลัวว่าจะเสียกันและกันไป เราเลยเลือกที่จะเป็นแค่เพื่อนกัน” สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือเมื่อเรากำลังจะเสียอีกคนไป เมื่อนั้นแหละที่เรารู้สึกว่า “ฉันพลาดที่สุด” เราต้องมองเห็นเพื่อนรักเดินไปกับผู้หญิงอีกคน ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าในโลกนี้ไม่มีใครจะเข้าใจความรู้สึกเขาได้ดีเท่าฉัน ความรักที่ไม่เปิดกว้าง ความรักที่มีความเป็นตัวตนมาค้ำไว้ มักปิดสิ่งดีงามไม่ให้ไหลเข้ามาในหัวใจเรา และล็อคเราเอาไว้ในนั้น […]




Career

เมื่อเจอคนร่วมงานผีๆ และการลาออกไม่ใช่คำตอบ



สิ่งที่คุณจะทำคือ…

เอาเป็นว่าตอนนี้รู้แล้วว่าการได้เพื่อนร่วมงานดีเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ เพราะในชีวิตนี้คุณอาจจะได้เจอคนร่วมงานเพี้ยนๆ (ขอไม่เรียกว่าเพื่อนร่วมงานนะ colleague ดีเกินไป เป็น coworker ก็พอ) ความพังที่เขาได้กระทำกับเราและคนอื่นเรียกว่าคนเขียนหนังสือ How-To อาจจะต้องอยากเก็บเป็น case study เลยทีเดียวว่าทำไมรวมนิสัยแย่ๆ เอาไว้ในคนเดียวได้มากขนาดนี้

ประสบการณ์จริงที่เราได้เจอมาและอยากแชร์เพื่อเป็นหนทางเวลาที่เจอคนแบบนี้แล้วมันตัน มันท้อ อยากเดินเข้าไปลาออกซะเดี๋ยวนี้ แต่คิดอีกทีทำไมเราต้องออกไปลำบากในขณะที่ยังไม่มีงานใหม่ และถ้ายังมีข้อดีที่ได้ทำงานที่นี่อีกตั้งหลายอย่าง พอตั้งสติได้ก็เข้า google หาวิธีจัดการกับคนร่วมงานที่ไม่น่ามีอะไรจะร่วมด้วยต้องทำยังไง เราไปเจอคำแนะนำที่ดูเข้าท่าและลองทำตามนี้แล้ว เออ เวิร์คจริง หลายข้อมาจากอาจารย์โรเบิร์ต ซัตตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด อาจารย์โรเบิร์ตเขียนหนังสือ “The No Asshole Rule” และ “The Asshole Survival Guide” เอามาปรับใช้ดู พอผ่อนๆ ความเครียดไปได้บ้าง สาวคลีโอคนไหนเจอสถานการณ์นี้อยู่มาดูกัน

1. กลับบ้านมาดูตัวเอง

เวลาที่เราเจอคนที่ทำงานทำแย่ๆ ใส่หรือเจอเหตุการณ์แทงข้างหลัง เอาเราไปด่า ขโมยผลงาน คนที่พูดเก่งแต่ทำไม่เห็นเก่งเหมือนที่พล่าม อย่างแรกดูตัวเองว่าตลอดมาเราทำงานเป็นยังไง เอาแบบไม่เข้าข้างตัวเองเลยนะ เราสร้างประโยชน์ในที่ทำงานมากแค่ไหน เราซื่อสัตย์กับงานที่ทำ อาจจะไม่ได้เพอร์เฟ็กต์เป็นสุดยอดพนักงานดีเด่น พลาดบ้าง อ่อนไปบ้าง แต่เราก็คิดและทำเต็มที่ มีน้ำใจกับคนอื่น ตรงนี้จะปูทางให้คุณไปสู่ข้อต่อไปได้ไม่ยาก

2. หาเพื่อนร่วมงานที่รักและเข้าใจกัน

อาจจะ 2-3 คนที่มาเป็นแนวร่วมไปด้วยกัน เพื่อนที่ไม่ได้สปอยล์แต่มองความเป็นจริง และถ้าคุณเป็นกลุ่มคนทำงานจริงจัง คนอื่นจะมองว่าคุณมีภาษีดีกว่า พูดอะไรก็น่าเชื่อถือ จะพูดถึงใครก็พูดด้วยเหตุผล เอาการทำงานมาว่ากันตรงๆ เวลาต้องประชุมและฉะฝีปาก อย่างน้อยก็มีกรุ๊ปให้เข้าไประบายความรู้สึก มีเพื่อนที่เห็นใจ ข้อนี้สำคัญมากว่าเราจะไม่ใช่คนหัวเดียวกระเทียมลีบในสถานการณ์นี้ มีคนคอยซัพพอร์ตเราอยู่ และการจะมีข้อนี้ คุณต้องเป็นคนดีจริงใจด้วยเนื้อแท้ก่อนเลย

3. มองให้เป็นเรื่องขำๆบ้าง

อารมณ์ขันคือสิ่งที่จะทำให้คุณผ่อนหนักเป็นเบา บางทีคนๆ นั้นอาจจะทำเรื่องแย่ๆ อย่างต่อเนื่องและไม่ได้ทำกับเราคนเดียว การได้ยินเรื่องคนนั้นทุกๆ วัน ก็เริ่มจะทำให้ขำขึ้นมาในใจ คนบ้าอะไรไม่ทำเรื่องดีๆ ซักวันเหรอ พอคุณเริ่มแชร์เรื่องต่างๆ กับเพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ และเขาคนนั้นก็เป็นคนตลก เหมือนกัน เวลาด่าจะไม่ใช่เรื่องเครียด แต่จะกลายเป็นมุขขำๆ จิกกัดกัน ดูเป็นคนขี้เมาท์นะ…ก็ใช่ไง คนบางคนก็ต้องโดนเมาท์บ้าง

4. เอาตัวออกห่างจากคน toxic

โชคดีที่ตอนนี้โลกของการทำงานเปลี่ยนไป หลายบริษัทให้อิสระในการไม่ต้องนั่งทำงานติดโต๊ะ ต้องมานั่งปล่อยรังสีอำมหิตใสกันทั้งวัน ประสาทกินพอดี ถ้าทำได้ลอง work from home บ้าง ไปนั่งทำงานในร้านกาแฟเงียบๆ แถวใต้ตึก พอไม่ต้องเจอหน้าคนที่ไม่ชอบบ่อยๆ ก็โฟกัสงานได้มากขึ้น

5. บอกตัวเองว่าต้องผ่านไปได้

ข้อนี้อาจารย์โรเบิร์ตสอนว่าให้เราพูดกับตัวเองว่า ถ้าเราเอาชนะเรื่องนี้ไปได้วันนี้ อีกหนึ่งสัปดาห์ อีก 6 เดือนหรืออีกปีหนึ่ง เราจะมองว่าเรื่องนี้ธรรมดามาก เอาตัวเองให้อยู่เหนือปัญหาเข้าไว้

6. รวบรวมหลักฐานเอาไว้วันที่เหมาะสม

วันนี้เราอาจตกเป็นรองคนเหล่านี้ เพราะเขาสร้างภาพลักษณ์เก่งกว่า มีตำแหน่งสูงกว่า ใกล้ชิดหัวหน้าและผู้บริหารระดับสูง แต่สำหรับคนนิสัยไม่ดี เหยียดคนอื่น จ้องแต่จะสร้างผลงานให้ตัวเอง วันหนึ่งคนเหล่านี้มีโอกาสที่จะตายด้วยตัวของตัวเองสูง และถ้ามีคนเปิดดราม่านี้ซึ่งคุณไม่จำเป็นต้องเริ่มเอง หลักฐานทุกสิ่งที่คนนี้เคยทำเอาไว้จะแผ่หลาเบิกเนตรทุกคนที่เคยเชื่อเขา ศรัทธาในการทำดีและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

7. ยืนหยัดในความเป็นตัวเอง

สัญชาตญาณนักสู้ของคุณจะต้องลุกเป็นไฟ เมื่อถึงเวลาที่ต้องขึ้นมาโต้กลับ ข้อนี้ขอเชื่ออาจารย์โรเบิร์ต เพราะอาจารย์บอกว่าเขาเองเป็นคนที่เชื่อในเรื่องการของลุกขึ้นมาสู้ คุณก็คงอยากสู้ถ้ารู้ว่าสนามนั้นคุณจะไม่แพ้ บางครั้งอาจต้องใช้เวลา ต้องรวมกำลังคนที่คุณเชื่อใจได้ รวมทั้งอำนาจระดับสูงที่ต้องสั่งสมกันมาบ้าง จัดการอย่างมีศิลปะและแยบยล คิดให้ดีๆ เพราะพลาดนิดเดียว คุณอาจเสียเปรียบตลอดไป

สุดท้ายแล้วอาจารย์บอกว่าก่อนจะลุยแหลก ยังอาจมีทางเลือกอื่นๆ ที่ไม่ต้องฟาดฟันกับคนที่ทำงานที่เราไม่ชอบได้อีกมากมาย เผลอๆ เขาอาจไม่เคยรู้ตัวว่าตัวเองนิสัยไม่ดีขนาดนั้น เพราะไม่เคยมีใครพูดเตือนเขาตรงๆ อย่าลืมที่จะให้โอกาสและเป็นคนเปิดใจก่อน ไม่แน่นะว่าเขาอาจกลายเป็นเพื่อนร่วมงานดีๆ ของเราในอนาคตเลยก็ได้ ใครจะรู้!?!

More