ในช่วงสองปีที่ผ่านมาทั้งโลกให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์มาตลอด รู้ว่าพวกเขาทำงานหนักมาก และคุณหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลเป็นด่านหน้าที่ work from home ไม่ได้ แถมยังต้องปะทะกับคนป่วยที่บางคนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังป่วยเป็น COVID-19 อยู่หรือเปล่า ความเสี่ยงเกิดขึ้นทุกวัน คลีโออยากรู้ว่าหัวใจของคุณหมอตอนนี้เป็นยังไง เลยขอถามคุณหมอเปิ้ล – แพทย์หญิงปิยวดี ชัยชาญพิมล แพทย์ฉุกเฉินหรือคุณหมอที่อยู่ ER ว่าประสบการณ์ครั้งนี้หนักจนเราเห็นใจจริงๆ
หมอเปิ้ลบอกว่าแผนกฉุกเฉินมีความเสี่ยงกว่าจุดอื่นๆ เพราะเป็นแผนกที่รับผู้ป่วยจากชุมชนเป็นที่แรก พอผู้ป่วยมาด้วยภาวะฉุกเฉินก็ต้องรีบรักษาก่อนจะซักประวัติความเสี่ยงโควิด เจ้าหน้าที่เลยต้องใส่ชุด PPE (Personal Protection Equipment) ซึ่งหมอเปิ้ลบอกว่าทรมานมากกกก ร้อนและอึดอัด เวลาจะคุยกับคนไข้ ญาติคนไข้หรือพยาบาลก็ต้องตะโกนคุยกัน กว่าจะใส่ชุดถอดชุดก็กินเวลาขึ้นจากแต่ก่อนที่ใส่เสื้อกาวน์ธรรมดา แล้วใส่ถอดต้องระมัดระวังเพราะไม่รู้ว่าชุดมีเชื้อด้วยมั้ย ต้องรอบคอบทุกขั้นตอน
.
หมอก็กลัวโควิดเหมือนทุกคน
คนทั่วไปออกไปข้างนอกมีนอยด์ๆ ว่าคนที่มาเดินอยู่ข้างๆ เสี่ยงติดโควิดมั้ย หมอนี่ไม่ต้องพูดถึงเวลาไปทำหัตถการกู้ชีพ คลุกวงในคนไข้โดยเฉพาะหมอฉุกเฉินที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ เพราะคนไข้จะไอและเชื้อสามารถแพร่กระจายใส่หมอที่ใส่ท่อได้ง่ายที่สุดและใกล้ที่สุด หมอเปิ้ลเล่าว่าเมื่อปีที่แล้วที่มีผู้ป่วยเป็นโควิดมาให้ใส่ท่อครั้งแรกตื่นเต้นมาก หัวใจเต้นแรงเหมือนผ่าทำคลอดหรือผ่าไส้ติ่งตอนเป็นนักเรียนแพทย์ ทั้งที่ใส่ท่อแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนมาเป็นสิบปี แต่เมื่อต้องมาใส่กับคนไข้ที่เป็นโควิด มองผ่านกล่องอะคริลิคในช่วงเวลานั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคุณหมอฉุกเฉิน แต่หมอเปิ้ลก็ผ่านมันมาได้
ดังนั้นหมอจะไม่ได้นึกถึงแค่ตัวเองว่าติดหรือยัง แต่จะเอาเชื้อไปให้ครอบครัวหรือคนใกล้ตัวด้วยนี่สิ ทำให้คุณหมอหลายคนรวมทั้งหมอเปิ้ลเองก็ต้องหยุดไปเจอครอบครัวหรือเพื่อนคนอื่นๆ บางคนถึงขั้นไปเช่าคอนโดอยู่คนเดียว เพราะไม่อยากให้พ่อแม่ที่บ้านต้องมาเสี่ยงติด ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่แค่เดือนสองเดือน แต่การแพร่ระบาดที่ลากยาวมาหลายเดือน หมอเปิ้ลบอกว่าเหงา โดดเดี่ยว เวลาใครนัดหมอเปิ้ลมาเจอ หมอเปิ้ลจะถามว่าไม่กลัวเราเหรอ เรายังกลัวตัวเองเลยนะ เป็นการเตือนสติคนรอบตัวว่าประมาทไม่ได้ ถึงหมอจะฉีดวัคซีนแล้วก็เสี่ยงเอาเชื้อมาติดได้อยู่
ฉีดวัคซีนแล้วยังต้องระวังตัวเอง
ตอนนี้คลีโอถามว่ามีการเร่งฉีดวัคซีนไปบ้าง สถานการณ์ดีขึ้นมั้ย หมอเปิ้ลบอกว่าผลข้างเคียงจากวัคซีนทำให้ปริมาณคนไข้ที่มาโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม เลยอยากแนะนำว่าถ้าเป็นอาการข้างเคียงที่เราต้องเตรียมพร้อม มีไข้ก็สามารถกินยาพาราเซตามอลลดไข้ ปวดเมื่อยตามตัวบ้าง ถ้ายังทนไหวและดูว่าไม่มีอาการรุนแรงถึงอันตรายควรพักรอดูอาการที่บ้านดีกว่า ไม่จำเป็นไม่ควรมาที่โรงพยาบาลทันที เพื่อลดความเสี่ยงและลดโอกาสที่จะรับเชื้อจากโรงพยาบาลด้วย
คิดถึงให้อดทนไปก่อน
รู้ว่าคนทางการแพทย์เสียสละขนาดนี้ ก็คงต้องเริ่มที่ตัวเราช่วยกัน ยังต้องสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยสบู่หรือใช้เจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ อย่าเพิ่งปาร์ตี้หรือกินข้าวร่วมกันเยอะๆ ใครที่ทำงานที่บ้านได้ก็ทำไปก่อน เพราะมีหลายคนที่ดูแลตัวเองไม่ได้ไปไหนนอกจากทำงานก็ยังเสี่ยงติดจากคนในที่ทำงานอยู่ ส่วนใครคิดถึงคุณพ่อคุณแม่ปู่ย่าตายายคนสูงอายุก็โทรคุยกันหรือวีดีโอคอลไปก่อน เอาให้ฉีดวัคซีนครบๆ และสถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้ค่อยเจอกันจะปลอดภัยกว่า
สุดท้ายนี้คลีโอขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่เสียสละความสุขของตัวเองฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันนะคะ