ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Entertainment, Love, Movies

The Bridges of Madison County สุดยอดหนังรักใครดูก็ต้องร้องไห้



ตำนานความรักซึมเข้าไปในใจจาก The Bridges of Madison County ที่สุดแห่งไอเดียความรักที่จุดประกายในใจเรามาเกือบ 30 ปี หนังเรื่อง The Bridges of Madison County สุดยอดหนังรักที่อยู่ในหัวใจรุ่นพี่เจนเอ็กซ์ ลองถามสิว่าหนังรักอะไรน้ำตาแตกและซาบซึ้งที่สุด ชื่อของ The Bridges of Madison County ที่ฉายในปี 1995 มีพระเอกคือปู่คลินท์ อีสต์วู้ด และเมอรีล สตรีพแสดงนำ จะเป็นเรื่องที่ทุกคนบอกเราว่า “อย่าพลาดหนังรักเรื่องนี้นะ” แบบว่าขึ้นลิสท์ท้อปทรีที่ต้องดูเลย

The Bridges of Madison County หนังรัก
โรเบิร์ต คิดแคด และฟานเชสก้า จอห์นสัน

ทำไมน่ะเหรอ? เพราะนี่คือหนังรักดัดแปลงจากหนังสือชื่อเดียวกันที่ โรเบิร์ต เจมส์ วอลเลอร์ เขียนมาได้กระทบกระเทือนต่อมความรักในใจรุนแรงที่สุด ไม่ได้กระทบแบบกระชาก และหวือหวานะ แต่คือการตอดๆ ซึมๆ ในแต่ละฉาก แต่ละอาการของตัวแสดง บทพูด แววตา จนก่อเป็นก้อนความรักที่รู้สึกได้ในใจ และไม่ลืม!

ถ้าจะให้แนะนำคือ “ให้อ่านหนังสือก่อน แล้วค่อยดูหนัง” จะละเมียดยิ่งกว่า หนังสือเรื่องนี้คือเบสท์เซลเลอร์แห่งยุคนั้น เล่มเล็กๆ แต่ทำเอาผู้ชายแมนๆ ร้องไห้กันหมด พี่เอ๋ บอกอคลีโอบอกว่า “พี่อ่านครั้งแรกร้องไห้ตลอดหลังอ่านได้ครึ่งเล่ม” รุ่นพี่ผู้ชายอีกคนบอกว่า “พี่อ่านจบแล้วไปร้องไห้โฮกกับตัวเองตอนอาบน้ำ”

เพราะ…นี่คือเรื่องราวความรักที่นักเขียนเขียนมาจากไอเดียความรัก “ที่ไม่สมหวัง แต่กลับแนบแน่นในใจได้จนตายจากกันไป” เป็นความรักที่มาจากความเข้าใจ ของคนที่ใช้ชีวิตมากันแล้ว หัวใจใฝ่หาแบบอะไรก็มาขวางไม่ได้ แต่เขากลับหยุดมันไว้ตรงนั้น

เป็นเรื่องราวของช่างภาพ National Geographic โรเบิร์ต คินแคด ที่ขับรถตามถ่ายสะพานมีหลังคา เขาอยากถ่ายสะพานโรสแมนในไอโอวา เขาขับถามทางจากเจ้าของบ้านหนังหนึ่ง เจอกับฟรานเซสก้า จอห์สัน แม่บ้านชาวอิตาเลียน ที่แต่งงานกับทหารอเมริกัน แล้วย้ายมาอยู่ไอโอวา คลินท์คือโรเบิร์ต เมอรีล สตรีพคือฟรานเซสก้า ผู้ชายที่เห็นโลกมาหมดแล้ว กับผู้หญิงที่ทิ้งความฝันเพื่อครอบครัว แต่จักรวาลนำพาสองคนนี้ให้มาเจอกัน รักกัน และเหมือนเป็นคนๆ เดียวกัน ที่สุดท้ายเลือกที่จะจากกัน “เพื่อรักษาความรักต่อกันไว้”

เวลาดูเรื่องนี้ให้สังเกตในทุกสิ่งทุกอย่างนะ เพราะคือความค่อยๆ ซึมไปในใจเราเรื่อยๆ ตั้งแต่ซีนแรก จดหมายที่โรเบิร์ตเขียนให้ฟรานเซสก้า “ผมกัดฟัน รวบรวมสติเพื่อให้ผมยังดำเนินชีวิตต่อไปได้ ทั้งที่รู้ว่าเราต้องเดินกันคนละทาง แต่พอผมมองผ่านเลนส์กล้อง คุณก็มาอยู่ตรงนั้น พอผมลงมือเขียนบทความ ผมกลับเขียนหาคุณ ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วว่า เราต่างส่งใจถึงกัน ส่งใจถึง 4 วันนั้นมาตลอดชั่วชีวิตเรา…ผมสัญญาว่าจะไม่เขียนหาคุณอีก”

The Bridges of Madison County หนังรัก
เขารักเธอทั้งชีวิต และเธอก็มีแต่เขาในหัวใจทั้งชีวิต

กลิ่นของความรักที่มาในทุกถ้อยคำในจดหมาย ผู้เขียนเรื่องนี้ตอนที่เขียนข้อความแบบนี้ เขาคงต้องใช้อัตราการเต้นของหัวใจจังหวะที่ช้ามากๆ และเต็มไปด้วยความรู้สึกรักที่เต็มหัวใจมากๆ เช่นกัน

ในทุกซีนที่เป็นแววตา ท่าทางของเมรีล สตรีพ และโรเบิร์ต บอกถึงอาการเขิน กล้าๆ กลัวๆ ดีใจ ตื่นเต้น ฉากตั้งแต่แรกที่เธอนั่งบนรถเขา แต่แอบมองทุกกิริยาของเขา ท่าทางที่เขาเปิดเก๊ะหน้ารถ ความลังเลตอนเขาถามว่าเอาบุหรี่มั้ย เป็นอาการเริ่มของความรัก จนไคลแม็กซ์ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราดูแล้วรู้สึกถึงความรักนั้นตาม

บวกกับความสงสัยในการใช้ชีวิตของโรเบิร์ต เธอคือแม่บ้านที่ไม่มีทางไปไหนได้ แต่เขาคือนักผจญภัยเห็นโลกกว้าง ประโยคจากเขาหลังจากที่เธอบอกว่า เธอมาจากเมืองในอิตาลีเล็กๆ ที่ไม่น่ามีใครรู้จัก แต่เขากลับบอกว่า “ผมเคยไปนะ ผมนั่งรถไฟผ่าน เป็นชนบทที่สวยงาม ผมก็เลยลงไปพักสองสามวัน” เธอสงสัยว่า คิดแค่นี้แล้วไปเลยได้เหรอ “คุณแค่ลงรถไฟเพราะมันสวยเลยเหรอ” บอกถึงการมองโลก การใช้ชีวิตที่ต่างกัน

The Bridges of Madison County หนังรัก
เพียง 4 วันที่เขามีกันและกัน

และพอเจอฉากที่โรเบิร์ตถามฟรานเซสก้าว่า “คุณรู้สึกยังไงกับไอโอว่า” เธอบอกเขาว่า “ฉันชอบไอโอว่านะ แต่มันไม่ใช่ฝันของฉันตอนที่ฉันเป็นเด็กสาว” คือคำตอบที่บอกถึงหัวใจของฟรานเซสก้า ว่าเธอนั่นล่ะอยากเป็นแบบเขา

หนังฉายความลังเล แต่เอาเว้ย! เป็นไงเป็นกันของนางเอก ท่าทางที่ฟรานเซสก้าชวนเขากินดินเนอร์มื้อแรกด้วยกัน บอกทุกอย่างในใจเธอแล้ว สายตาที่แอบดูเขาอาบน้ำ ตอนเตรียมอาหารที่เธอยิ้มกับตัวเองแล้วบอกตัวเองว่า “ดีจังเลย” นั่นคือยิ้มของผู้หญิงที่กำลังมีความรัก และเพียงมีเขาอยู่ ก็ทำให้เธอเอนจอยโลกของเธอตอนนั้น กับคำถามที่เธอขอให้เขาเล่าเรื่องตื่นเต้นที่เขาเจอให้เธอฟังหน่อย แล้วบอกเขาว่า “ฉันอยากไปจัง”

จนเธอได้อยู่ในวงแขนของเขา ฉากที่ฟรานเซสก้ารับโทรศัพท์ มีเพื่อนเธอโทร.เล่าถึงช่างภาพที่ขับผ่านเข้ามาในเมืองให้ฟัง เธอฟังเพื่อนพร้อมเอามือจัดปกคอเสื้อโรเบิร์ตตอนเขานั่งที่โต๊ะ แล้วเอามือวางบนบ่าเขา เหมือนจะบอกเขาเป็นนัยว่า “ไม่เป็นไรนะ” เป็นฉากที่อบอุ่นมาก นั่นทำให้เขาหันมามองมือเธอ แล้วเอามือเขาวางทาบ เป็นจุดเริ่มต้นของการไปสู่การเมคเลิฟ หลอมเป็นความรักอันแนบแน่น

และประโยคในร่างเปลือยใต้ผ้าห่มของทั้งสองกับคำพูดของฟรานเซสก้าว่า “พาฉันไปที่ไหนก็ได้ ตอนนี้เลย” ความรู้สึกผิดได้กลายมาเป็นความเข้าใจตัวเองที่สุดของฟรานเซสก้า เธอเขียนในจดหมายว่า “ตัวฉันเหมือนเป็นคนอีกคน แต่กลับเป็นตัวฉันเองกว่าที่ฉันเคยเป็นมา” เหมือนมีอะไรมาแทงในใจเรา ยิ่งถ้าใครต้องพยายามเก็บความตัวเองไว้เพื่อรักษาอะไรบางอย่าง คำพูดนี้น้ำตาไหลได้เลยนะ

การถ่ายทอดความรักทางสายตาที่ไม่โจ่งแจ้ง แต่ชอนไชเข้าไปในใจของทั้งสอง เราดูแล้วรู้สึกทุกครั้ง สายตาโรเบิร์ตที่มองฟรานเชสก้า ถ้าเราเป็นเธอก็คงต้องเขิน และพร้อมจะทรุดเข้าไปในแขนเขา สายตาที่ฟรานเซสก้ามองโรเบิร์ตตอนที่เธอถอดสร้อยคอสวมให้เขา แล้วบอกว่า “Keep it” คือความรักจากใจ

เลยอยากให้เวลาดูเรื่องนี้ ลองซึมๆ กับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เอาไว้ ตอนไคลแม็กซ์ของเรื่องจะท่วมท้นขึ้นมาให้สะอื้นเฮือกแน่นอน ฉากที่โรเบิร์ตเหมือนจะรู้ว่าฟรานเซสก้าคงไม่ทิ้งครอบครัวไปกับเขา เขาบอกเธอว่า

“ผมไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อน แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งแน่นอนที่จะมาแค่ครั้งเดียวในชีวิตเรา”

เขารอเธอจนเธอเลี้ยวรถจากไป

เขาขับรถจากเธอไป และเธอเจอเขาอีกครั้งก่อนที่เขาจะออกจากเมือง รู้เลยว่าเขารอเธอเปลี่ยนใจ ฉากที่เขายืนมองเธอกลางสายฝนเป็นครั้งสุดท้าย ขับรถเลื่อนออกไป รถติดไฟแดง รถเธอที่สามีเธอขับจอดข้างหลังรถเขา ฟรานเซสก้าเห็นเขาก้มหยิบสร้อยที่เธอให้ เอามาพันกระจกหน้า มือของฟรานเซสก้าจับลูกบิดประตูไว้แล้ว เธอบิดมันแล้ว เขากระพริบไฟรอเธอ สักพักเขาก็เลี้ยวรถจากเธอไป ฟรานเซสก้าปล่อยโฮไม่สนใจสามีที่นั่งอยู่ข้างๆ

เธอบอกว่า “มันผิดต่อหัวใจที่ฉันเลือกจะอยู่ แต่บอกฉันอีกครั้งเธอว่า ทำไมฉันถึงควรไปกับคุณ” ฟรานเซสก้าเลือกที่จะเก็บความรักของเธอและเขาเอาไว้ เพราะเธอเชื่อว่า “ถ้าฉันไปกับคุณ ฉันจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต และนั่นจะทำลายความรักของเรา” เราจะกลายเป็นสิ่งที่เราเลือก เหมือนกับประโยคที่เธอพูดว่า “We are the choices that we’ve made.

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']