เวลาทำงานแล้วคาแร็กเตอร์ของบางคนช่างเฉิดฉายโดดเด่นเป็น rising star แบบที่ท่านผู้บริหารทั้งหลายจะต้องวางตัวเป็นระดับหัวหน้าคนต่อไป จะมีสัญญาณบอกว่าเส้นทางสายอาชีพของเรากำลังดูก้าวหน้ามาแต่ไกล และคุณเองก็สามารถรู้สึกได้ เวลาที่มีเหตุการณ์เหล่านี้ผ่านเข้ามาบ่อยๆ
1.โดนชาเลนจ์ให้ทำงานแปลกๆที่ไม่เคยทำ
ในทุกองค์กรคนแต่ละระดับก็มีหน้าที่ของตัวเอง อย่างถ้าเราเป็นเลเวลปฏิบัติการ เน้นทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย แต่ถ้ามีวันที่หัวหน้าบอกให้คุณเริ่มทำพรีเซนเทชั่น และให้เป็นตัวแทนโปรเจ็คท์ของทีมเพื่อให้ทีมอื่นๆ ได้รู้จักและเห็นความสามารถ ต้องห้ามคิดว่าทำไมหัวหน้าไม่ทำเอง เพราะนี่คือโอกาสออกมาจากถ้ำแล้วโชว์ศักยภาพ นายใหญ่ๆ จะเริ่มจำคุณได้ แต่งานแปลกๆ พวกนี้ทำแล้วต้องมีเป้าหมายให้โตขึ้น ต้องไม่ใช่มาแนวหลอกใช้หรือให้ลูกน้องออกหน้ารับกรรมแทน
จำไว้ว่า…ถึงไม่มั่นใจก็รับปากว่าจะทำให้ดีที่สุด ตัดคำว่า “ไม่ทำได้มั้ยคะ” “ไม่ไหวหรอกค่ะ” ออกไป อยากโตอยากอัพหน้าที่การงานก็ต้องกล้าออกจากคอมฟอร์ตโซน
2.สังเกตว่าคนชอบเดินมาถามและขอความช่วยเหลือจากเรา
ทำงานเก่งจนคนเข้ามาปรึกษากับช่วยงานคนอื่นเก่งนี่คนละเรื่องนะ เวลาที่น้องๆ ในทีมเลือกมาปรึกษาเรื่องงานต่างๆ กับเรา แปลว่าเรามีความเป็น mentor สามารถเมนท์และมีมุมมองที่เฉียบขาด สอนคนอื่นให้แก้ปัญหาได้
จำไว้ว่า…ถ้าเขาเข้ามาว่าหนูทำไม่เป็น พี่ทำให้หน่อย อันนี้ไม่ใช่แล้วนะ ขอความช่วยเหลือ เราสามารถช่วยให้ไอเดียหรือให้ประสบการณ์ที่เคยเจอ ไม่ต้องเข้าไปทำแทนเขา
3.เจ้านายส่งเราไปเป็นตัวแทนช่วยคนอื่น
ข้อนี้ชัดมากว่าบอสไว้ใจเราอย่างสุดติ่ง และเห็นว่าเราเก่งพอจะเข้าไปช่วยคนอื่นหรือทีมอื่นตามที่ร้องขอมาได้ ด้วยความสามารถอันจัดจ้านอาจโดนส่งข้ามแผนกจากหัวหน้าเซลส์ไปเป็นช่วยทีมมาร์เก็ตติ้งเพิ่มยอดกลางปีกะทันหัน และเขาจะบอกประมาณว่าพี่ยุ่งมาก ฝากเราไปช่วยดูแทนพี่หน่อยแล้วกัน
จำไว้ว่า…หัวหน้าส่งเราเข้าไปช่วยฟังปัญหา บางครั้งปัญหาก็ซับซ้อนใหญ่โตเกิดตัว อาจจะไม่ใช่เลเวลที่เราสามารถแก้ปัญหานั้นได้โดยตรง กลับมาหาทางออกกับเจ้านายที่เป็น supervisor แล้วเสนอกลับไปให้ทีมนั้นๆ ลงมือทำเอง
4.เจ้านายเรียกเราเข้าไปประชุมเรื่องที่ซีเรียส
ตั้งแต่วันแรกๆ ที่ทำงานเราจะเห็นพวกพี่ๆ ที่มีประสบการณ์ปิดห้องประชุมทั้งแก้ปัญหา ระดมไอเดียโปรเจ็คท์ใหม่ๆ ในวันที่เราได้รับเกียรติเข้าห้องนั้นบ้าง หมายถึงหัวหน้าเริ่มเห็นความคิดเห็นของเราน่าจะมีคุณค่าและมีประโยชน์ต่องานบ้างแล้ว
จำไว้ว่า…การเข้าประชุมไม่ต้องแสดงความเห็นแสนฉลาด และก็ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องเอาสิ่งที่เราเสนอ แต่เราควรสังเกตการณ์แล้วพยายามคิดให้แปลกใหม่ ตอบโจทย์สิ่งที่บริษัทต้องการ
5.หัวหน้าดูปล่อยๆ ให้เราเผชิญโลกเอง
สั่งงานแล้วก็ปล่อยให้เราโซโล่ ไม่ค่อยจี้ถามอะไรมากและให้เราไปนำเสนอกับคนอื่นโดยตรง ทำแบบนี้ทีมอื่นก็จะเริ่มมองว่าสั่งงานแล้วก็ปล่อยให้เราโซโล่ ไม่ค่อยจี้ถามอะไรมากและให้เราไปนำเสนอกับคนอื่นโดยตรง ทำแบบนี้ทีมอื่นก็จะเริ่มมองว่าเราคือคนทำงานหลักที่พึ่งพาได้รองลงมา และเราต้องจัดการงานอะไรหลายๆ อย่างเอง เหนื่อยหน่อยนะ แต่สิ่งที่ตามมาคือเราได้ฝึกทักษะอะไรหลายอย่าง มีโอกาสทำงานกับคนหลายเลเวล ได้ฝึกคิดว่าทำยังไงให้ได้งานตามเดดไลน์
จำไว้ว่า…หัวหน้าของเราเริ่มถอยและฝึกงานแนว management อย่าลืมอัพเดทสถานะว่างานที่ทำไปถึงไหนแล้วให้หัวหน้ารับทราบเป็นระยะๆ ถ้าอยากได้อะไรที่ช่วยเหลือจากหัวหน้าก็ต้องกล้าบอก อย่าเก็บความเครียดเอาไว้คนเดียวล่ะ