ใครจะเคยรู้ว่าก่อนที่จะมาเป็นนักแสดงระดับพระกาฬขนาดนี้ สมัยที่ทอม แฮงค์ ยังไม่ดัง เขามีเงินเอาไว้ใช้ในครอบครัวแค่เดือนละไม่ถึง 2,000 บาท ทอมต้องไปยืมเงินจากโปรดิวเซอร์หลายคนมาเป็นค่าเช่าบ้าน ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่พอเขาเริ่มประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่าง ทอม แฮงค์ยืนอยู่ในจุดที่สามารถเลือกหนังที่อยากจะเล่น ดังนั้นเขาต้องเรียนรู้ที่จะพูดคำยากๆ ต่อคนอื่นอย่างคำว่า “ไม่” และนี่เป็นหลักที่สำคัญต่อเจ้าของธุรกิจ คนเป็นฟรีแลนซ์และธุรกิจเล็กๆ อีกมากมายเอาไว้ใช้กันได้
ทอมเคยให้สัมภาษณ์ว่า “บทเรียนที่ผมได้เข้าใจก็คือคุณจะมองเห็นตัวเองทำงานในสิ่งที่ตัวเองชอบได้ยังไง การตอบตกลงแล้วก็ทำงานไปงั้นๆ หรือกล้าที่จะปฏิเสธ เพราะนั่นหมายถึงว่าคุณได้ตัดสินใจเลือกเรื่องราวที่คุณอยากจะเล่าและประเภทของคาแร็กเตอร์ที่คุณต้องการจะเล่น” เหมือนกับเรื่องการทำงานของทุกๆ คนเช่นกัน เราอยากให้คนมองเราแบบไหน นี่เลยกลายเป็นกฎของทอม แฮงค์ที่แปลความได้ว่า…
เราจะทำให้งานและชีวิตมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้น แค่เริ่มจากเรียนรู้ที่จะพูดว่า “ไม่”
กฎของทอม แฮงค์ ซึ่งนับเป็นพระบิดาแห่งวงการฮอลลีวู้ดนี้ช่วยให้เราพัฒนาวิธีจัดการกับตัวเอง เป็นด้านหลักของความฉลาดทางอารมณ์ เพราะว่าทุกครั้งที่เราตกลงทำบางสิ่งที่เราไม่อยากทำ เท่ากับเรากำลังปฏิเสธในสิ่งที่เราทำไปพร้อมกัน เหมือนว่าถ้าเรา “ได้” จนเป็นนิสัยกับทุกคำขอของคน แค่เพราะเราอยากดูเป็นคนช่วยเหลือ มีน้ำใจ หรือรับทุกงานมาทำแบบไม่ดูอะไรเลย เรากำลังไปบล็อคความสำเร็จที่กำลังมาอยู่แบบไม่รู้ตัว
จำไว้ว่าทุกๆ การตัดสินใจ มีผลตามมาเสมอ บางครั้งอาจจะไม่กี่ชั่วโมงต่อวัน เป็นไม่กี่วันต่อสัปดาห์ แล้วเป็นไม่กี่สัปดาห์ต่อปี ดังนั้นคนที่กำลังจะเริ่มธุรกิจและมีแววว่าจะไปได้ดี ต้องมีจุดยืนที่ชัดเจนและต้องเลือกหน่อยว่าเราจะใช้เวลาไปกับเรื่องไหน เราไม่จำเป็นต้องตามใจลูกค้าทุกคน ขอให้โฟกัสไปที่ลูกค้าที่ทำให้เรามีความสุขจริงๆ
ถ้างานที่เราไม่ชอบหรือไม่อยากทำ แต่ต้องทำจริงๆ ลองหาคนที่ถนัดแล้วจ้างเขามาทำเป็นจ็อบๆ ก็ได้ในช่วงแรก ส่วนตัวเราเอาเวลาไปทำสิ่งที่เป็นจุดแข็งของตัวเองดีกว่า ถ้าไม่อยากเหมาทำงานเป็นบ้าเป็นหลังทั้งสัปดาห์ ลองจัดตารางงานให้ทำเฉพาะเรื่องที่สำคัญก่อน
และแน่นอนว่าเราจะไม่เป็นคนที่ปฏิเสธทุกอย่างที่ขวางหน้า มองกว้างๆ ไกลๆ ถึงสิ่งนั้นจะไม่ได้ชอบมาก แต่ถ้าช่วยสร้างความสัมพันธ์และคอนเนคชั่นให้เราไปต่อ ก็อาจจะฝืนใจทำบ้าง เช่น บางคนไม่ชอบเข้าสังคม แต่การพบปะคนใหม่ๆ เราก็ต้องรู้จักพาตัวเองไปสู่โลกข้างนอกด้วย กฎของทอม แฮงค์ที่ว่ามาเลยต้องดูว่าคุณพร้อมที่จะทำมั้ย แล้วอะไรไม่สำคัญก็ปฏิเสธไปอย่างสุภาพ แล้วคุณจะมีเวลาเหลือกับสิ่งที่จำเป็นกับคุณจริงๆ