เปิดกระเป๋าส่องไอเทม BABY BRIGHT ติดรางวัลบิวตี้ที่ต้องพกไปด้วยทุกที่!

หมดข้ออ้างไม่พร้อมสวยระหว่างวัน คิดว่าตอนเช้าเราเตรียมผิวมาอย่างดี แต่ไหนจะเจออากาศร้อน ฝน หน้ามันเยิ้มจนเป็นสิวกระทันหัน ต่อไปนี้จะไม่กลัวอีกแล้ว เพราะแค่เปิดกระเป๋า เรามี BABY BRIGHT ขึ้นมาเติมได้ทันที ไอเทมของแบรนด์นี้สาวๆ เลิฟมาก พกง่ายที่สุด ช่วยแก้ปัญหาเรื่องความสวยได้แบบที่คลีโอขอมอบรางวัล CLEO Beauty Hall of Fame 2023 ให้ มาดูกันว่า 3 โปรดักต์นี้จะเปลี่ยนลุคของหญิงสาวยุคนี้ได้ยังไงบ้าง?

5 เหตุผลแน่นๆ ที่คุณต้องถอย iPhone 15 แล้วล่ะ!

ตอนนี้คุณอาจรู้แล้วว่า iPhone 15 ใหม่ 4 รุ่นเปิดตัวแล้วและจะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 21 กันยายนนี้ คำถามที่ทุกคนมีในใจ.. ได้เวลาเปลี่ยนมือถือรึยัง ? เรามีคำตอบมาช่วยแล้ว มีอะไรใหม่บ้าง? ถอยเครื่องใหม่เลยดีมั้ย?

ครีเอทลุคผิวสวยโกลว์สุขภาพดี ด้วย 3 ไอเทมจาก Merrezca ที่มีรางวัลการันตีความสวยจึ้งตั้งแต่เช้าถึงดึก

หนึ่งในแบรนด์เมคอัพที่ขึ้นชื่อเรื่องงานคัลเลอร์ งานผิวที่ปกปิดสวยกริบ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า Merrezca ชนะใจสาวๆ ที่ชอบแต่งหน้า ด้วยโปรดักต์งานผิวที่ปกปิดได้เนียนสนิทแต่เนื้อบางเบาสบายผิวไม่เหนอะ และเมื่อออกโปรดักต์สีสันมาก็ทำได้ดีทั้งสีทั้งเท็กซ์เจอร์ และสำหรับ CLEO Beauty Hall of Fame 2023 ปีนี้ Merrezca ยังเป็นแบรนด์ที่ทางทีมคลีโอลองแล้วเลิฟมาก รวมทั้ง ได้รับคะแนนการโหวตจากคนอ่านหลายเสียงที่ชอบในหลายโปรดักต์ เพราะนอกจากสีสันหรือฟังก์ชั่นใช้งานหลักๆ แล้ว Merezzca ยังใส่การบำรุงเอาไว้เป็นไม้เด็ดที่ทำให้ผิวดูสวยโกลว์เป็นธรรมชาติ ยิ่งใช้ผิวยิ่งสวยขึ้น โดยเฉพาะกับ 3 ไอเท็มนี้ที่อยากแนะนำให้สาวๆ ได้ลองกับเหตุผลที่ต้องมอบรางวัลบิวตี้แห่งปียกให้เลย

3 มาสก์หน้าคุณหมอตัวดัง จาก BANOBAGI ที่โลก Social Media ต่างยกนิ้วคอนเฟิร์มว่าปัง! ส่งตรงจากรพ.บาโนบากิเกาหลี ครอบคลุมทุกปัญหาผิวคนไทย

มาค่ะสาวๆ ใครที่กำลังมองหาไอเท็มกู้ผิวเร่งด่วนแบบข้ามคืน คลีโอขอมาบอกต่อ 3 ไอเท็มจากคุณหมอเกาหลี ที่ออกแบบมาให้ครอบคลุมทุกปัญหาผิวเลย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาผิวหมองคล้ำ และปัญหาสิวต่างๆ รับรองว่าเอาอยู่แน่นอน แถมได้ผิวที่ไบรท์และกระจ่างใสขึ้นกลับมาด้วย ลองใช้แล้วบอกได้คำเดียวว่าดีจริง จนต้องขอมอบรางวัล CLEO Beauty Hall of Fame 2023 ให้ทั้ง 3 ชิ้นไปเลย เพราะปังมากจนอยากแชร์ต่อให้ทุกคนได้ลองจริงๆ มาดูกันดีกว่าว่าทั้ง 3 ชิ้นจะมีอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมาเล้ย




Career

ต้องการสิ่งไหน ขอให้ได้ทั้งหมด ด้วยสุดยอดเทคนิคเจรจาตามแบบนักสืบ FBI



หน่วยงานสืบสวนสอบสวนที่ต้องค้นหาความจริงจากคดีต่างๆ เหมือนที่เราเห็นในหนัง ทีมงาน FBI ที่ไม่ใช่แค่หยิบตราสัญลักษณ์ขึ้นมาเปิดเท่ๆ แต่พวกเขาต้องใช้เทคนิคแพรวพราวในการเจรจาไม่ว่าจะถามข้อมูลจากคนต่างๆ หรือสิ่งที่พวกเขาต้องการมาไขคดีให้สำเร็จ เป็นงานที่ต้องใช้สุดยอดทักษะที่เราเองน่ามาเรียนรู้เพื่อเอาไปใช้ในการหาสืบข้อมูลเรื่องแฟน เอ๊ย! ไม่ใช่ๆ เอามาใช้กับการเพิ่มยอดขาย พยายามสร้างความเติบโตในหน้าที่การงานได้ดีมากๆ

เพราะเขาใช้ “กฎของการสะท้อน” 

คนเราถูกออกแบบมาให้ตอบสนองต่อสิ่งที่คนอื่นกระทำ ถ้าเราส่งยิ้มก็จะทำให้อีกฝ่ายจะยิ้มตอบกลับมา ถ้าเราตะคอกก็ทำให้อีกคนอยากตะคอกกลับคืน เหมือนที่หลายคนบอกมาว่าดีมาดีตอบ ร้ายมาร้ายตอบ เพราะนักวิทยาศาสตร์บอกว่าในสมองเรามีเส้นประสาทของการสะท้อนกลับเหมือนกระจก สิ่งนี้อาจช่วยให้เราควบคุมสถานการณ์และเชื่อมโยงเข้ากับสังคมได้ ทำให้คนๆ นั้นเป็นที่ชื่นชอบและยอมรับในกลุ่มคนอื่นๆ มากมาย อารมณ์เลยเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมต่างๆ และเราก็จะมีอารมณ์มากมายเวลาต้องเจอลูกค้า เจอคนในทีม เจอใครอีกเยอะแยะในแต่ละวัน แต่แทนที่เราจะแสดงออกสิ่งที่เรารู้สึก ให้เราใช้กฎสะท้อนกลับในแบบที่แตกต่างว่าคุณกำลังเข้าใจเขา เปลี่ยนความเครียดในการทำงานและโน้มน้าวให้พวกเขารู้สึกไปในทางบวก

3 วิธีให้คุณได้สิ่งที่ต้องการคือ…

1.น้ำเสียงต้องให้คนไว้วางใจ 

นักสืบ FBI ที่เชี่ยวชาญด้านการเจรจาอย่างคริว วอสส์ บอกว่ามีอยู่ 3 เสียงหลักๆ ที่จะทำให้คนสบายใจและเชื่อใจ เสียงแรกคือเสียงนุ่มๆ พูดช้าๆ แบบพี่ดีเจสมัยก่อนกล่อมเรายามดึก ใช้เสียงทุ้มๆ ให้ต่ำลง เสียงที่สองคือเสียงสดใสมีชีวิตชีวา ยิ้มไปด้วยเวลาพูด และเสียงสุดท้ายคือเสียงที่หนักแน่นมั่นคง เป็นสัญญาณของการคุมสถานการณ์ ซึ่งส่วนใหญ่เราจะใช้โทนเสียงที่สดใสเหมือนเราเป็นเพื่อนกับคนที่คุย เพราะการคุยหรือเจอกันครั้งแรก ลูกค้าก็อาจมองเราเป็นคนแปลกหน้า เขาจะตั้งกำแพงขึ้นมา แต่ถ้าเราลดความกังวลในตัวของเขา การบ่น หรือความไม่พอใจของเขาได้ด้วยความเข้าใจ สังเกตว่าหลายครั้งลูกค้าจะเบาลง รวมทั้งท่าทางเวลาคุยต้องไปกับน้ำเสียง ไม่ใช่ว่าเสียงร่าเริงแต่ตัวแข็ง ตาหลุกหลิก ยืนกอดอกแน่น ก็ต้องรีแล็กซ์ร่างกาย มือไม้ไปตามธรรมชาติ ส่วนสถานการณ์ที่จะบอกอะไรใครอย่างจริงจัง พูดไปหัวเราะไปใครเขาจะเชื่อถือล่ะ น้ำเสียงกับภาษากายต้องไปด้วยกันเสมอ

2.พูดทวนซ้ำ

แค่พูด 2-3 คำสุดท้ายของอีกฝ่าย เช่น ถ้าเราลูกค้าบอกว่า “อันนี้แพงไปหน่อยค่ะ” ให้เราพูดซ้ำประมาณว่า “ราคาสูงไปใช่มั้ยคะ” การทำแบบนี้จะให้ความรู้สึกว่าเราเข้าใจสิ่งที่เขาคิด ลูกค้าพอเห็นเราพูดแบบนั้นเขาก็อาจจะพูดสิ่งที่คิดออกมาต่อว่า “อืม ใช่ พี่เคยซื้อไม่เกิน 3,000 บาทนะ” หรือ “ของน้องก็น่าสนใจนะ แต่ช่วงนี้ประหยัดเงินอยู่น่ะ” ข้อมูลตรงนี้จะทำให้เราเข้าใจว่าทำไมของชิ้นนั้นของเราขายไม่ดี รู้เพนพ้อยต์ของลูกค้าว่าราคาที่เราตั้งสูงไป รู้ความต้องการของตลาด บางทีพอรู้แล้วว่าช่วงไหนลูกค้ารัดเข็มขัด เราก็สามารถจัดโปรโมชั่นยั่วใจสู้ๆ ไป 

หรือถ้าเราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้จริงๆ แทนที่ลูกค้าบ่นแล้วเราจะมองบนหงุดหงิด ก็ทำเป็นเข้าใจสถานการณ์ของเขาไปเลย ยิ้มรับและฝากว่าถ้ามีโอกาสครั้งหน้าลองมาดูใหม่หรือคุยกันได้เลยนะคะ

3.วิเคราะห์ว่าเขาเป็นคนแบบไหน

FBI ต้องคุยกับคนเยอะ บางคนให้ความร่วมมือ บางคนถามอะไรก็ไม่ตอบ ดังนั้นการคุยทำให้เราสังเกตได้ว่าคนนั้นมาแนวไหนและสามารถจำกัดความคนๆ นั้นได้ชัดเจนขึ้น เช่น ลูกค้าคนนี้เป็นคนนิ่งๆ ดูดุๆ แต่ถ้าเขาตัดสินใจซื้อ เขาซื้อแบบที่เรากลายเป็นท็อปเซลส์ได้เลย ดังนั้นเราสามารถแยกประเภทคนได้สองทางคือทางลบที่เขาเป็นคนเข้าถึงยาก ทางบวกคือซื้อไม่อั้น ดังนั้นเราจะหาวิธีเจาะลูกค้าแต่ละสไตล์ได้ถูกทาง ไม่เบ๊อะๆ บ๊ะๆ ให้เขารำคาญใจแล้วก็เกลียดเราไปเลย

More