2 ไอเท็มเมคอัพที่เราต้องเป็นสาวก  สวยจัดที่สุดแห่งมิติของหน้า

ผิวหน้าที่เปล่งประกายรับกับดวงตาใสคม เพียงแค่นี้ก็ทำให้สวยไปทั้งหน้า และสวยได้ทั้งวัน คลีโอขอนำเสนอเมคอัพ 2 ไอเท็มนี้จาก JUDYDOLL เมื่อได้ลองพียงครั้งเดียว มั่นใจมากว่าจะกลายเป็นสาวก!

รีวิว Roborock F25 ACE เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะที่จะทำให้คุณหลงรัก! ปังมาก! มีแล้วอย่างฟิน!

อยากแนะนำไอเท็มเด็ดสุดๆ เครื่องดูดฝุ่นรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Roborock ที่จะมาเปลี่ยนชีวิตของสาว ๆ ให้สนุกกับการทำความสะอาดบ้านมากขึ้น! บอกเลยว่ามีแล้วอย่างฟิน! หนึ่งในความบาลานซ์ของชีวิตเราคือ เราได้ดูแลตัวเองครบ ทั้งกาย ใจ และบ้านของเรา เวลาทำความสะอาดบ้านเนี่ย ยังถือเป็นเวลาที่เราได้หยุดทุกอย่าง แล้วอยู่กับตัวเอง บางครั้งการให้ความสำคัญกับแกดเจ็ททำความสะอาดบ้านเลยสำคัญมาก! เรียกว่าแค่เห็นวางอยู่ก็อยากทำความสะอาดละ ล่าสุดเราไปเจอเครื่องดูดฝุ่น Roborock เครื่องนี้ ที่เริ่ดมากๆๆๆ เป็นเครื่องดูดฝุ่นเดินดูดสวยๆ ในบ้าน คลีโอเลยเชิญพี่เอ๋ บอกอ สุพิชา สอนดำริห์ มาลองใช้แล้วเล่าให้เราฟัง ยาวๆ กันเลยนะ…. First Impression: สวยงาม ทันสมัย น่าใช้สุด ๆ เมื่อได้สัมผัส Roborock F25 ACE ครั้งแรก สิ่งที่ทำให้ประทับใจจนต้องร้องว้าวก็คือดีไซน์ที่ดูพรีเมียมและทันสมัยมาก ๆ ค่ะ ตัวเครื่องบางเฉียบเพียง 12.5 เซนติเมตร ซึ่งถือว่าบางกว่ารุ่นอื่น ๆ ในท้องตลาดที่มักจะหนาถึง 15 เซนติเมตรเลยทีเดียว แถมน้ำหนักเบาเพียง 420 กรัม […]

2 สเต็ปที่เบสิคดูแลผิวหน้า.. ให้ผิวกระจ่างใสและแข็งแรงด้วยสองไอเท็มนี้

ดูแลผิวหน้าให้ผิวสุขภาพดีไปยาวๆ เราทำ 2 สเต็ปนี้ก็เอาอยู่เลยนะ คือบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นแข็งแรง และเคลียร์ให้ผิวกระจ่างใสด้วยไอเท็มจากแบรนด์ NU FORMULA ที่มาเพื่อดูแลผิวให้คุณได้แบบเบสิครูทีน และเต็มไปด้วยสารสกัดที่ดีต่อทุกสภาพผิว เป็นสูตรที่อ่อนโยนและออกแบบมาเพื่อผิวคนเมืองร้อนโดยเฉพาะ

คลีโอชี้เป้า! สองไอเทมนี้จะทำให้ผิวหน้า +ผิวกายของเราอย่างไบรท์! จนต้องได้รางวัล CLEO Beauty Hall of Fame2024

อะไรดีเราต้องประกาศให้โลกรู้ 2 ไอเทมที่ได้ลองใช้แล้วรู้สึกว่าดีจนต้องให้เป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์บิวตี้ CLEO Beauty Hall of Fame ของปี 2024 นี้ มาทั้งผิวหน้าและผิวกาย รักจริง เริ่ดจริง!




Career

“รายได้ลด ปลดคนออก” ทางเดียวที่จะทำได้ เราต้องขยันและสร้างผลงาน



ตื่นมาทุกเช้ากับข่าวบริษัทดังๆ ยักษ์ใหญ่ระดับโลกออกมาแถลงว่าพวกเขาจะปลดพนักงานกันอย่างถล่มทลาย ล่าสุดก็เป็นคิวของ Meta ของพี่มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้เป็นซีอีโอที่ได้กำหนดการวัดผลที่เรียกว่าพนักงานต้องทำงานแบบลุกเป็นไฟ 

จากรายได้ที่ลดลงอย่างชัดเจนต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ของ Facebook ซึ่งเริ่มจากการหยุดจ้างงานใหม่ และพนักงานในบริษัทตอนนี้ ต้องเจอการวัดผลที่โหดขึ้นด้วยความตั้งใจจะลดจำนวนคนลง พี่มาร์คก็ยอมรับตรงๆ ว่ามีพนักงานกลุ่มหนึ่งที่ไม่จำเป็นกับบริษัท และการตั้ง kpi ที่เข้มขึ้น หากต้องทำให้ใครลาออก เขาก็ยินดีมากจริงๆ “ผมคิดว่าถ้าใครตัดสินใจว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของเขา และเขามีสิทธิ์เลือกที่จะไม่อยู่ ผมก็โอเคเลยนะ” ดังนั้นทีมทำงานที่อยู่ต้องเล็กลงให้เหมาะสมกับงาน ทำงานหนักขึ้นและเพอร์ฟอร์มานซ์ต้องจัดจ้านในย่านนั้นด้วย

นี่เป็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับบริษัทดังล่าสุดเท่านั้นนะ เพราะหลายเดือนที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ก็แทบจะออกข่าวรายวันทั้งการให้พนักงานกลับไปทำงานที่ออฟฟิศทั้งหมด การขู่ว่าใครไม่มาถือว่าออกเลย รวมทั้งล่าสุดเลย์ออฟไปแล้ว 200 คนในหน่วยออโต้ไพล็อตที่แคลิฟอร์เนีย การจ้างออกแผนกนี้อาจมาจากข่าวอุบัติเหตุที่ซอฟต์แวร์ออโต้ไพล็อตของ Tesla ทำงานผิดพลาดจนทำให้หุ้นของบริษัทร่วงเอาๆ ก็เป็นได้ อีลอนยังประกาศว่าต่อไป บริษัทจะเน้นจ้างคนแบบเซ็นสัญญาหรือจ่ายเป็นรายชั่วโมงมากกว่าการให้เป็นพนักงานประจำแล้ว

ยังมีอีกหลายบริษัทอย่างอีคอมเมิร์ซในจีน หรือแม้แต่ในเมืองไทยก็มีหลายธุรกิจที่ประกาศดาวน์ไซส์ไปจนถึงปิดบางโปรดักท์ลง คิดแล้วก็น่าใจหาย คนที่โดนให้ออกก็ต้องเดินหน้าหาเส้นทางใหม่ๆ คนที่ยังมีงานทำเองใจเริ่มตุ๊มๆ ต่อมๆ ในฐานะที่เราเห็นความเฟื่องฟูและการปิดตัวต้องจากลา สิ่งที่เราได้ทำคือ…

  • คิดไว้เสมอว่าบริษัทคือองค์กร เกิดได้ก็เลิกได้

หลายคนที่โดนจ้างออกหลังจากทำงานมานานเป็นสิบๆ ปี ส่วนใหญ่จะเกิดความผูกพัน เกิดมิตรภาพ บางคนมองว่าที่ทำงานคือครอบครัวกันไปแล้ว เวลาที่โดนให้ออกเลยเกิดอาการเคว้งไปต่อไม่ได้ บางคนหางานทำใหม่อยู่ที่ไหนไม่ได้อีกเลย เหมือนทำที่ไหนก็ไม่มีความสุข รู้สึกไม่ใช่ที่ของเรา ดังนั้นระหว่างที่ทำงานไม่ใช่แค่ทำๆ รับเงินเดือนอย่างเดียว ต้องดูสถานการณ์ว่าบริษัทไปทิศทางไหน ตอนไหนที่ต้องบุกหนักด้วยกันก็ต้องฟันฝ่า หาทางปรับตัว แต่ถ้าไปสุดทางไม่ได้ก็ต้องเตรียมดูลู่ทางไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ความมั่นคงไม่มีจริงบนโลกใบนี้ โควิดได้มาสอนเราอย่างแรง

  • มองเห็นจุดหมายเดียวกันแล้วหรือยัง

พนักงานอย่างเราเป็นเหมือนฟันเฟืองที่จะสร้างมูลค่าอะไรให้บริษัทอยู่รอดได้มากที่สุดตามที่เขาตั้งเป้าหมาย ขับเคลื่อนไปด้วยไฟในการทำงานอย่างตั้งใจ ที่เขารับเราเข้ามา เพราะเห็นถึงคุณค่าในตัวเรา แสดงมันออกมาเถอะ แต่ละคนเก่งไม่เหมือนกัน มาช่วยกันให้บริษัทได้ประโยชน์มากที่สุด ทั้งที่ความเป็นจริงพอเข้าไปทำงานในหลายบริษัท เราจะรู้ได้เลยว่าคนไม่อยากมีส่วนร่วมในความสำเร็จเยอะมาก อาการน่าเป็นห่วงเลยนะ ห่วงตัวเราด้วยว่าจะไปรอดมั้ย

  • ทำงาน ทำงาน ทำงาน

ถ้าไม่ใช่คนเมินเฉยกับโลก ดูก็รู้ว่าใครทำงาน ใครเอาสบาย เอาแต่ตัวเองอยู่รอด และถ้ากิตติศัพท์โด่งดังจนคนเริ่มพูดปากต่อปาก คิดเหรอว่าจะไม่มีคนไปบอกผู้บริหารระดับสูง พวกเขาอาจไม่ได้ทำงานกับพนักงานทั่วไปโดยตรง แต่มองไปแล้วแผนกนั้นไม่มีความโดดเด่น ไม่มีผลงาน เห็นการทำงานแล้วสงสัยว่าพวกเขาทำงานอะไรบ้าง เสียเงินจ้างเหมือนโยนเข้าหลุมดำ คนเหล่านั้นจะโดนเลย์ออฟเป็นกลุ่มแรกๆ 

  • แล้วถ้าเกิดเราทำงานแล้วคนรอบตัวไม่ทำล่ะ

เมื่อต้องไปอยู่ในกลุ่มที่บอกว่าไม่ใช่หน้าที่ ไม่เห็นต้องทำเลย แล้วเราเริ่มโดนล้างสมองว่าเออ อยู่เฉยๆ กินเงินเดือนไปก็ดีเหมือนกัน อันนั้นวิกฤตแล้วนะ ถ้ามาถึงจุดนั้นรีบออกไปหางานอื่นทำเลย ถ้ากลายเป็นคนหมดไฟเมื่อไหร่ แย่แน่ๆ 

ไม่ว่าตอนนี้จะอยู่ที่จุดไหน มีงานทำหรือโดนเลย์ออฟไปแล้ว เรายังเปลี่ยนแปลงตัวเองทัน ถ้าขยันแล้วไม่ได้ดี คนทั่วโลกจะยึดคติข้อนี้ทำไม ถึงวันนี้ยังไม่ใช่ของเรา ไม่เป็นไรเลย พยายามตั้งใจทำงาน คนที่ยังไม่มีงานก็ตั้งหน้าตั้งตาหางานใหม่ พัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น งานและเงินยังรอให้เราเดินเข้าไปหาเสมอ

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']