หลายคนอาจจะมีความคิดว่า เวลาเป็นสิ่งมีค่า โดยเฉพาะเวลาทำงานที่งานจะเยอะเป็นพิเศษ ส่วนเวลาทำงานก็มีจำกัด ทำไม่เสร็จก็ต้องค้างไว้ทำวันอื่นอีก เลยอยากทำให้เสร็จเร็วๆ หลายคนเลยใช้ทุกวินาทีให้คุ้มที่สุด เลยเลือกที่จะทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน เพราะงานจะเสร็จเร็วๆ ไม่กินเวลาจนเกินไป เอาเวลาที่เหลือไปทำอย่างอื่น ซึ่งก็มีหลายคนเป็นสาย Multitasking ชอบทำอะไรหลายอย่างพร้อมกัน สามารถประชุมในซูมแล้วพิมพ์งานตัวเองไปด้วย ส่วนอีกมือก็ตอยไลน์ลูกค้าไปด้วย หรือบางคนก็ทำงานสองอย่างพร้อมกันในจอเดียวไปเลย รวดเร็ว จบเร็ว ชิลล์เร็ว
ดูเหมือนจะเป็นอะไรที่โปรดัคทีฟนะ แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ได้มีแต่ข้อดี แถมข้อเสียนั้นจะเยอะกว่าด้วย มีผลการศึกษาหลายชิ้นจากนักวิจัยที่บอกว่า การทำงานแบบ multitasking นั้นทำให้เกิดผลเสียมากกว่า ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพในการทำงาน และผลเสียที่เกิดขึ้นต่อระบบต่างๆ ในร่างกายที่จะไปกระทบกับการทำงานเช่นกัน จนอาจทำให้การเพอร์ฟอร์มของเราในที่ทำงานตกฮวบได้เลยนะ
โฟกัสอะไรได้น้อยลง สมาธิสั้นกว่าเดิม
มีการศึกษาจาก the US National Library of Medicine บอกไว้ว่าคนที่ทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกันเป็นนิสัย จะทำให้มีสมาธิสั้นลงและถูกรรบกวนจากสิ่งเร้ารอบตัวได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาโดยเฉพาะปัญหาในการทำงาน อย่างแรกเลยคือไม่สามารถโฟกัสอะไรนานๆ ได้ เพราะเปลี่ยนงานที่ทำสลับกันไปมาตลอดเวลา เสียสมาธิอย่างแรง ทำให้ความคิดสร้างสรรค์ในการคิดและครีเอทงานต่างๆ ก็ดรอปลงไปด้วย นักวิจัยบอกไว้ว่าปกติแล้ว สมองของคนเราสามารถประมวลผลความคิดหรืองานได้เพียงหนึ่งหรือสองอย่างในเวลาเดียวกันเท่านั้น พอเราทำงานหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ก็จะทำให้เกิดปฏิกิริยาของสมองคือสมองจะทำงานช้าลง ทำให้ส่งผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ของคนๆ นั้นไปด้วย
โปรดัคทีฟน้อยลง
หลายคนชอบคิดว่าถ้าเราทำอะไรหลายอย่างพร้อมๆ กัน ทำตัวให้ดูเหมือนว่าเราเนี่ยยุ่งมาก งานเยอะสุดๆ โปรดัคทีฟไม่ไหว จริงๆ มันไม่ใช่แบบนั้นเลย เพราะยิ่งเราทำงานหลายอย่างพร้อมกันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เราโปรดักทีฟได้น้อยลง จนไปถึงขั้นล้มเหลวในการทำงานได้เลย เพราะเวลาที่เราทำอะไรหลายอย่างพร้อมกันทำให้เราว้าวุ่นใจ อันนี้จะเสร็จไหม แล้วอันนั้นจะทำทันรึเป่ล่า กลายเป็นว่าจุดโฟกัสเปลี่ยนเป็น ฉันจะมีสมาธิทำจนเสร็จไหม มากกว่าไปโฟกัสที่คุณภาพของงานที่ทำ ทำให้ความโปรดัคทีฟและผลงานที่ทำไม่ได้คุณภาพเท่าที่ควร
ทำงานแบบ Multitasking ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้
มีวิจัยจากมหาวิทยาลัย Stafford ปี 2009 บอกว่า การทำงานหลายอย่างพร้อมกันทำให้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำงานรวมไปถึงระบบความจำอีกด้วย ทำให้จดจำข้อมูลที่สำคัญจริงๆ ได้น้อยลง รวมถึงจำข้อมูลต่างๆ สลับกันเนื่องจากทำงานพร้อมกันหลายอย่าง ยิ่งทำหลายอย่างมากก็ยิ่งทำให้ความจำสั้นลงมาก ลืมข้อมูลใหม่ๆ ที่รวมข้อมูลสำคัญที่ได้รับมาได้เร็วขึ้น จนอาจส่งผลให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้ในอนาคต
ทำให้เกิดความเครียดได้ง่ายกว่าเดิม
นอกจากการทำงานหล่ยอย่างพร้อมกันจะทำให้คุณภาพงานแย่ลงแล้ว ยังส่งผลต่อระบบความเครียดของเราด้วยเช่นกัน เพราะเวลาที่ทำงานหลายอย่างพร้อมกัน สมองของจะสลับไปมาระหว่างงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งนี้จะเพิ่มโอกาสของความผิดพลาดและข้อผิดพลาดในที่ทำงานได้มากขึ้น
ทำให้ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างแย่ลง
การทำงานหลายอย่าง ยุ่งจนไม่มีเวลาได้พักสายตาออกมาจากหน้าจอ ไม่ได้ลุกจากเก้าอี้ที่นั่งเป็นหลายชั่วโมงมาเดินคลายกล้ามเนื้อ ไม่ได้คุยกับเพื่อนที่นั่งข้างๆ หมกมุ่นกับตัวเองมากขึ้นเพราะกลัวทำวานไม่เสร็จ ได้แต่นั่งทำงานงกๆ วนไป ผลข้างเคียงที่เลวร้ายที่สุดคือการแยกตัวออกจากโลก หลุดเข้าไปในโลกของการทำงานจนลืมสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวคุณและคนที่คุณรัก และสิ่งสำคัญที่สุดคือขาดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างโดยเฉพาะครอบครัวและเพื่อนฝูง
อ่านเรื่องราวอื่นๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO