ดูจากสถานการณ์รถติดตอนนี้ก็ทำให้รู้ว่าทุกคนกลับเข้าไปทำงานออฟฟิศกันเกือบหมดแล้ว และดูจากคนใกล้ๆ ตัวที่ตอนนี้เริ่มโยกย้ายไปที่ใหม่ มีประกาศรับสมัครงานกันอย่างคึกคัก หลายคนลาออกเพราะได้เสนอเงินดีขึ้นบ้าง หรือบางคนรับไม่ได้กับการทำงานของที่เดิม โดยเฉพาะเวลาเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง อย่างมีหัวหน้าคนใหม่ที่ไม่โอเค ก็จะเกิดการลาออกล้างบาง ไปทีเดียวเกือบหมดแผนก แล้วเหลือดิฉันผู้ซึ่งคิดว่าตัวเองยังอยู่ต่อไหว และภาระต่างๆ มากมายจนไม่สามารถลาออกไปได้ ทิ้งไว้แต่ความเครียดและความกดดันมาอยู่ที่เราแล้วสินะ งานของคนเก่าในแผนกก็โดนฝากทำๆ ไปก่อน หรือดูรวบไปเลย เป็นภาระอันยิ่งใหญ่ แล้วเงินเดือนก็ไม่ได้เพิ่มตามด้วย ขอสิทธิ์เศร้าบ้างได้มั้ย
จากการสำรวจคนทำงานมากกว่า 1,800 คนบนแพลตฟอร์มหางาน Monster บอกเอาไว้ว่าหลายที่ทำงานกำลังขาดกำลังคน เพราะบริษัทเจอการลาออกทั้งจากที่เงินเดือนไม่สูงพอและสภาพแวดล้อมไม่ซัพพอร์ตพนักงานเอาซะเลย คนที่เหลืออยู่เริ่มรู้สึกว่างานที่งอกขึ้นมามากเกินรับไหว ทำให้เสี่ยงๆ ที่จะสร้างความไม่พอใจจนอาจทำให้ต้องลาออกตาม ด้วยสาเหตุหลักๆ คือตัวคนที่อยู่เกิดอาการเบิร์นเอาท์ เพลียร่าง จิตใจห่อเหี่ยวขั้นสุดซึ่งมีมากถึง 66% จากการสำรวจของ Monster อีกเกือบครึ่งหนึ่งเจอความเครียด วิตกกังวล มีอาการไปที่ร่างกาย เช่น ปวดหัว ปวดเมื่อตามตัวเพราะตึงไปทั้งร่าง
คำแนะนำที่จะทำให้อยู่รอดได้จากผู้เชี่ยวชาญ ถ้าเกิดเพื่อนร่วมงานลาออกแล้วเราเป็นคนที่ต้องทำงานแทนอีกหลายคน นั่นคือ…
คุยกับหัวหน้างาน
ทำเป็นอย่างแรกเลยว่างานไหนที่คุณช่วยทำไหวและอันไหนทำไม่ได้จริงๆ หัวหน้าต้องหากำลังเสริม จะฟรีแลนซ์ จะเซ็นสัญญาจ้างมาชั่วคราว หัวหน้าก็ต้องคิดเอานะคะ แต่ก็ไม่ถึงขั้นปฏิเสธทุกงาน ในยามยากแบบนี้ เป็นโอกาสดีที่เราจะได้โชว์ความสามารถที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน เผลอๆ ทำได้ดีอาจได้รับโปรโมตข้ามสายงาน แต่อย่าลืมขีดเส้นว่างานที่เพิ่มมา เราจะช่วยแค่ชั่วคราว และต้องรีบหาคนมาแทน เพราะการบริหารจัดการเป็นหน้าที่ของระดับผู้จัดการหรือผู้บริหารต้องเอาไปดูแล
ทำงานอย่างโปรดักทีฟสูงสุด
เมื่อเรารู้แล้วว่างานต่อจากนี้จะมีมากกว่าเดิม ต้องจัดลำดับความสำคัญอะไรเร่งด่วนมาก่อนมาหลัง ทำแผนงานของตัวเองที่รับผิดชอบอยู่ มีเดดไลน์ของแต่ละอัน บางทีทำปฏิทินงานเอาไว้ในตาราง มีไทม์ไลน์แชร์ให้กับคนทำงานอื่นๆ รู้สถานะ อาจจะเสียเวลาหน่อยในช่วงแรกๆ ที่ต้องปรับจูน แต่ทำไปแล้วจะโฟล์วขึ้นและคล่องขึ้น ประหยัดเวลาและพลังงานของเราไปได้อีกมาก
ส่งงานต่อที่เราทำไม่ไหว
คนๆ เดียวเป็นไปไม่ได้ที่จะทำหนึ่งโปรเจ็คท์เสร็จอย่างสวยงาม ยังไงก็ต้องมีคนที่เข้ามาช่วยเสริมบางอย่าง หรือแผนกอื่นอาจจะแบ่งเบาเอาบางอย่างกลับไปทำเองบ้างเท่าที่ทำได้ แบ่งรับแบ่งสู้แล้วหาคนที่เราจ้างเป็นงานๆ เราเคยทำแบบนี้จนบริษัทรู้ว่าเอาเข้าจริงไม่จ้างประจำก็รันงานได้นี่ แต่ข้อนี้ต้องปรึกษากับหัวหน้าให้เขารู้สถานการณ์ งบประมาณที่มีเอื้อมั้ย ทำไปแล้วเวิร์คหรือเปล่า ต้องคอยเช็คเป็นระยะๆ
ดูว่าทำไปแล้วยุติธรรมกับเราหรือเปล่า
หลายครั้งที่หัวหน้าเข้าใจว่าเราต้องทำงานแทนคนอื่น อาจมีเสนอเงินเดือนเพิ่มให้ในฐานะที่ยังอยู่เผชิญความยากลำบาก เพื่อเป็นรีวอร์ดหรือรู้สึกว่าคนเก่าออกเพราะเงินเดือนน้อยก็ไม่รู้ อันนี้ถือว่าดีเลย แต่ในกรณีที่ต้องทำแทนคนอื่นไปเรื่อยๆ แบบค่าจ้างก็เท่าเดิม แต่เหนื่อยขึ้นจนตัวแทบขาดและมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น เดินทางเพิ่ม ทำงานวันหยุด ถ้าฐานเงินเดือนไม่ได้สูง การคุยเรื่องค่าตอบแทนเพิ่มก็น่าจะไม่ดูหิวเงินมากเกินไปหรอก
มีคนใหม่มาแก้ไขจุดเดิมก่อนเขาจะลาออกไปอีก
ดีใจมากที่มีคนมาแบ่งเบาก็ไม่ใช่ว่ามาวันแรกโยนงานทุกอย่างคืนโครมเดียว พรุ่งนี้เขาอาจจะหวาดกลัวไม่มาแล้ว ค่อยๆ สอนงานคนใหม่อย่างใจเย็น เพราะจุดเริ่มต้นความรู้สึกดีๆ ของพนักงานใหม่คือคนในบริษัทที่คอยช่วยเหลือ ในช่วงแรกๆ ทำให้ตัดสินใจว่าอยู่ได้ในระยะยาวกับที่นี่หรือเปล่า ถ้าเขาถามเยอะก็อย่าเพิ่งรำคาญ ถ่ายทอดวิชาไปให้หมด