เส้นทางความฝันและอุปสรรคที่เข้ามาของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน รวมไปถึงชีวิตของกัน ชัยวัฒน์ จูงสาย หรือที่คนรอบตัวเขารู้จักกันดีในชื่อ gunsaxophone กันเป็นนักดนตรีแซกโซโฟน เล่นตามคอนเสิร์ต งานดนตรี และเป็นแบ็คอัพให้ศิลปินต่างๆ มากมาย อย่างวงไททศมิตร, HYBS, คชา และศิลปินอื่นๆ อีกมากมาย ด้วยความสามารถและความรักในแซกโซโฟนของกัน อาจทำให้หลายคนคิดว่า ชีวิตของกันนั้นเพอร์เฟคและง่ายดาย แต่ไม่ใช่เลย กว่านี้เขาจะมาเล่นดนตรีแบบทุกวันนี้ เขาผ่านบททดสอบต่างๆ มามากมาย ความผิดหวัง ความเสียใจ หรือความท้อแท้ แต่เขาก็เอาชนะตัวเองมาได้ และกลายเป็น กัน ผู้ชายที่มีความสุขทุกครั้งที่ได้เล่นดนตรี
มาอ่านเรื่องราวของกัน gunsaxophone กันนะ
ทุนทรัพย์ที่ดีย่อมมาพร้อมกับโอกาสที่มากขึ้น
“การที่เราเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ได้รวยมาก การซื้ออุปกรณ์หรือเครื่องดนตรีมันก็อาจจะไม่ได้ครบเครื่องเหมือนคนที่เขามีพร้อมจริงๆ ทางด้านทุนทรัพย์ มันเป็นสิ่งที่เรารู้สึกตลอดเวลา”
ความรู้สึกนี้เริ่มชัดขึ้นตั้งแต่ที่กันได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย ได้เรียนในสังคมที่กว้างขึ้น เห็นผู้คนหลากหลายมากขึ้น มากกว่าในตอนเป็นนักเรียนที่ไม่ค่อยได้เจอโลกกว้าง กันบอกว่า ตอนที่ได้เข้ามาเรียนดนตรีที่มหาวิทยาลัยจริงๆ มันมีอะไรมากกว่าที่เคยเรียนมาก “ที่นี่เขาเรียนกันจริงๆ แล้วต้องซ้อมมากขึ้น ต้องใช้เวลากับมันมากขึ้น มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่มีความสุขกับการเล่นดนตรีขนาดนั้น เพราะเป้าหมายที่เราต้องการมันถูกประเมินผลด้วยคะแนนสอบและกดดันกับการพัฒนาตัวเองตลอดเวลา” ทำให้กันต้องแบกความกดดันไวเยอะมาก
ความโหยหาที่กัน gunsaxophone อยากได้มาตลอด
ชีวิตในวัยเด็กของกันนั้นไม่ง่ายดายเท่าไหร่นัก เพราะเขาต้องเจอกับคำพูดร้ายๆ คำดูถูก การกลั่นแกล้ง ทั้งในเรื่องของหน้าตา ฐานะทางการเงินของครอบครัว ทุกคำที่เขาได้รับมานั้นเป็นปมที่อยู่ในใจกันมาตลอด เขาไม่เคยได้รับการยอมรับ แสวงหาการยอมรับจากสังคม เขาใช้คำว่าโหยหาย “เราต้องการการยอมรับ อยากได้ยินเสียงชม”
กันบอกว่าความโหยหายนี้เขามีมาตั้งแต่เด็ก ยิ่งโตขึ้นความรู้สึกโหยหานี้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ทำให้ทุกก้าวเดินในชีวิตของกันจะเต็มไปด้วยความตั้งใจ ควาามพยายาม และจริงจังที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ กันบอกว่า เขาเคยซ้อมหนักมากจนถึงขั้นเลือดออกปาก เขาจะท่องในใจเสมอว่า “ฉันจะหยุดไม่ได้ เราต้องเก่งกว่านี้” ในช่วงนั้น กันซ้อมเป็นบ้าเป็นหลังถึงแม้ว่าร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณบอกว่าไม่ไหว แต่กลายเป็นว่า แพชชั่นในดนตรีหายไป หาความสุขในการเล่นดนตรีไม่เจอ
“ตอนนั้นเรากลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ในแง่ที่ว่าฉันจะไม่ช่วยเหลือคนอื่น ฉันจะให้ความสำคัญกับตัวเอง”
ชีวิตในมหาวิทยาลัยของกันไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่นัก จนมีความคิดว่า “ถ้าเราไม่ต้องอยู่ตรงนี้ก็คงดี ถ้าเราไม่ต้องมาเจอกับสายตาแย่ๆ ที่เหยียดหยามเราก็คงดี”
ทุกวันนี้การเล่นดนตรีคือความสุข
กันบอกว่า การเล่นตรีเป็นความสุขของเราที่ทำให้เราใช้ชีวิตต่อไปได้ ทำให้เราได้พัฒนาตัวเองในหลายๆ ด้านในเวลาเดียวกัน ทำให้เราได้เติบโตและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ “แค่เราได้ทำงาน ได้เล่นดนตรี แค่นี้เราก็มีแรง มีไฟสู้แล้ว เพราะทุกคนให้โอกาสในการต่อยอดชีวิตของเรา มันคือโอกาสที่จะทำให้คนได้เห็นเรามากขึ้น เราก้าพูดเลยว่าเรามีความสุขทุกครั้ง “ดนตรีทำให้เราได้เรียนรู้สัจธรรมของชีวิตว่าทุกชีวิตล้วนมีจุดที่ก้าวเดินไปข้างหน้า มีจุดที่เติบโต มีจุดที่รุ่งโรจน์ และมีจุดที่สามารถตกลงมาได้เป็นเรื่องธรรมดา สิ่งที่ทำให้เรารู้ว่า เรามีเป้าหมายของเราได้ เราทำตามความฝันของเราได้ แต่เราไม่ต้องไปกดดันตัวเองขนาดนั้น เพราะสุดท้ายแล้วเราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง มันอาจกลายเป็นวันที่ดีของเราก็ได้ เราแค่ทำทุกวันให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ก็พอ”
ถ้าเราไม่ยอมแพ้ เราทุ่มเท และจริงใจกับมัน เราจะเจอทางให้เราได้เติบโตได้จริงๆ ถึงตอนนั้น เราจะขอบคุณอะไรก็ตามที่ผ่านเข้ามาในชีวิตและทำให้เราได้เติบโต
ถามกันว่าตอนนี้เรายอมรับและมีความสุขกับตัวเองหรือยัง เขาตอบเราว่า “ทุกวันนี้เรามีความสุขในการมีชีวิตอยู่ในแต่ละวันมากขึ้น เรายอมรับตัวเองมาขึ้นในหลายๆ เรื่อง และเริ่มยอมรับว่าเราเองก็มีความสามารถ และจะพยายามทำต่อไปให้ดีที่สุด
“ทางเดินของเรายังอีกไกล แต่เวลาของเราเหลือน้อยลงทุกวัน เราเลยยิ่งต้องหาโอกาสให้ตัวเองมากขึ้น พยายามพัฒนาให้หลายเป็นคนที่เก่งและดีมากกว่านี้ และที่าำคัญ เราจะหาความสุขให้ตัวเองในทุกวันให้ได้ “
ติดตาม กัน ได้ที่ IG: gunsaxophone
อ่านเรื่องอื่น ๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO