ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Love, Relationship, Women's Stories

11 years & to be continued… ความรักที่เติบโตไปด้วยกัน



พรุ่งนี้ก็จะถึงวันวาเลนไทน์แล้ว ช่วงนี้ทางคลีโอเราอินกับเรื่องความรักมากๆ เลย โดยเฉพาะความเป็น Unconditional Love เราพูดถึงเรื่องการรักตัวเองมาโดยตลอดว่าเป็นความรักที่เพียวมาก วันนี้เราเลยอยากจะพูดถึงเรื่องคู่รักกันบ้าง พอพูดถึง “ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข” ก็เลยนึกถึงเพื่อนเราคนนึงที่คบกับแฟนมานานมาก เรียกว่าเป็น ความรักที่เติบโตไปด้วยกัน ตั้งแต่ช่วงมัธยมต้นจนถึงตอนนี้ ผ่านมา 11 ปี ซึ่งเราอยู่ในวัยทำงานกันแล้ว…ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เราเจอคนมากมาย ในขณะที่เพื่อนคนนี้ยังคบกับคนๆเดิมเสมอมา อะไรกันนะที่ทำให้คู่นี้มีความรักที่เหนียวแน่น แล้วนับวันก็ยิ่งจะรักกันมากขึ้นๆไปอีก…เราได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนของเราในเรื่องนี้วันนี้เลยอยากจะมาแชร์ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ มารู้จักกับ แบม และ เด่น กับความรักของพวกเขาที่เหมือนโตมาด้วยกันจริงๆ เป็น ความรักที่เติบโตไปด้วยกัน

ความรักที่เติบโตไปด้วยกัน

ซื่อตรงต่อความรัก

เล่าก่อนว่าเรากับแบมเป็นเพื่อนกันก็เลยเห็นการเติบโตของคู่นี้มาโดยตลอด บ้านของแบมเป็นร้านขายชุดนักเรียนอยู่ใกล้ รร ชายล้วน แห่งหนึ่ง ทุกๆเย็นเด่นกับเพื่อนๆจะมานั่งเล่นที่ร้านของแบม ในตอนนั้นแบมมีคนมาจีบอยู่เรื่อยๆแต่มีแค่เด่นที่ดูไม่เหมือนใคร ส่วนในฝั่งของเด่น พอเห็นแบมก็ชอบเลยและมีความมุ่งมั่นที่จะจีบคนๆนี้ ก็คุยกันมา 6 เดือนในบีบี5555 แล้วก็คบกันตอนที่แบมกำลังจะขึ้นม.2 ส่วนเด่นกำลังจะขึ้นม.3 พอดี จนตอนนี้แบมอายุ 24 ส่วนเด่น 25 แล้ว

“เด่นเป็นคนนิ่งๆแต่ตรงไปตรงมา ในวัยนี้เขาดูเป็นคนที่มุ่งมั่นในความรักมากกว่าคนอื่นๆ ไม่เคยทำให้ต้องมาคิดกับตัวเองว่า ตกลงเขาชอบเรามั้ย หรือ คิดยังไงกับเรากันแน่” – แบม

“แบมเป็นคนตลก เอ๋อๆ ชอบเล่าเรื่องซ้ำๆ เลยรู้สึกว่าคนนี้น่ารัก” – เด่น

ความรักที่ไม่มีโปรโมชั่น

“เราเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด ก็คบกันตามปกติไม่ได้มีโปรโมชั่นอะไร แต่ก็อาจจะมีทำเซอไพรสบ้างนิดๆหน่อยๆตามประสาเด็ก” – เด่น

“เราคบตั้งแต่ตอนเด็กๆ เลยรู้สึกว่าต่างคนเป็นอย่างที่ตัวเองอยากจะเป็น เราไม่ได้พยายามที่จะทำให้เขามาชอบเรา ไม่ได้รู้สึกว่าต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เขามารักเรา เลยไม่ได้มีโปรโมชั่นทั้งในเรื่องที่ดีและไม่ดีก็ด้วย” – แบม

ก้าวผ่านช่วงเปลี่ยนผ่าน

หนักที่สุดก็จะเป็นปีที่4-5 ช่วงเปลี่ยนผ่าน คือช่วงที่เด่นเข้ามหาลัยแล้วแบมยังอยู่มัธยม แบมรู้สึกไม่มั่นคง กลัวไปหมด กลัวสังคมใหม่ๆจะทำให้เด่นเปลี่ยนไป ช่วงนั้นก็เลยหงุดหงิดไปกับทุกๆเรื่อง ทะเลาะกันอยู่บ่อยๆ แบมใจไม่นิ่งเพราะปกติตอนเด่นเลิกเรียนก็มาเจอกันแล้วค่อยกลับบ้าน แต่พอเข้ามหาลัยกิจกรรมก็เปลี่ยนไป เด่นต้องไปรับน้อง ไปกินข้าวกับเพื่อน ไปนู่นไปนี่ แบมก็เข้าใจ แต่ลึกๆก็รู้สึกนอยด์ เครียดมากจนต้องไปคุยกับพ่อแม่…แล้วก็ได้คำตอบที่ทำให้รู้สึกปลดล็อค เข้าใจมากขึ้นว่าเรื่องแบบนี้มันห้ามไม่ได้ เลยคิดว่าปล่อยให้มันเป็นไปถ้าจะต้องเป็น

“คนเรา ถ้าเราไปปิดตาเขาแล้วให้เขาเดินไปเรื่อยๆ เขาก็เห็นแต่เราคนเดียว แล้วสุดท้ายเขาก็เลือกเรา กับอีกอย่างคือปล่อยให้เขาได้เห็นทุกคนที่เข้ามาในชีวิตแล้วให้เขาใช้ชีวิตของเขา ส่วนเราก็ใช้ชีวิตของเรา…เขาจะเห็นใครหรือเจอใคร แต่ถ้าสุดท้ายแล้วเขายังเลือกเรา แบบนี้ไม่ดีกว่าหรอ” – พ่อของแบม

เด่นรู้สึกว่าแบมงี่เง่ามากในช่วงนั้น…แต่ถ้าคิดสลับกันเด่นก็อาจจะเป็นเหมือนแบม” – เด่น

ทะเลาะกันเป็นสีสัน

เรื่องทะเลาะกันคือบ่อยมาก โดยเฉพาะตอนเด็กๆมีแต่เรื่องจุกจิกที่ทำให้ไม่เข้าใจกัน เช่น ทำไมต้องพูดแบบนี้ แต่ก็คลี่คลายไปหลายอย่างแล้ว พอโตขึ้นก็จะทะเลาะน้อยลง ถ้ามีส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องความคิด เรื่องความรับผิดชอบต่างๆ อย่างตัวแบมเองเวลามีอะไรก็จะพูดไปเลย ไม่อดกลั้น แต่เด่นจะไม่ค่อยพูด แต่สีหน้าจะออก ก็คือสุดท้ายก็ต้องพูดอยู่ดี55555 แต่คู่ของแบมกับเด่นจะลืมง่าย เวลาที่ทะเลาะกันไม่ได้เป็นคนที่จมปรักกับคำพูดก็เลยจะให้อภัยกันได้ง่ายๆ รู้สึกว่าการทะเลาะกันก็แอบดี เพราะเราเข้าใจกันมากขึ้นได้พูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการ พอได้พูดมันออกไปก็รู้สึกโล่ง รู้สึกว่าคำพูดของเรามันมีความหมาย เขารับรู้ในสิ่งที่เราต้องการ เรารับรู้ในสิ่งที่เขาต้องการสื่อเหมือนกัน

แบมก็จะบอกเด่นว่าให้เก็บแต่ใจความสำคัญก็พออย่าจำรายละเอียดมากเพราะด่าเยอะ5555″ – แบม

เด่นเองก็จะเป็นคนที่ใจเย็น แล้วก็มองว่าบางอย่างเป็นเรื่องไร้สาระก็เลยอยู่กันได้55555″ – เด่น

ต่างคนต่างมีความสุข

แต่ละคู่ไม่เหมือนกัน แต่ที่มีเหมือนกันก็คือรักกันแหละ ที่ผ่านทุกอย่างไปได้เพราะเรารักกัน แล้วเราก็สู้เพื่อเรา…อย่างบางคู่มีปัญหาคือพ่อแม่ไม่โอเคกับแฟน แต่ก็ไม่ได้ขัดพ่อแม่ไม่ได้สู้เพื่อแฟน แล้วก็ปล่อยไปแบบนั้น ก็เลยไปด้วยกันไม่ได้ แต่อย่างคู่แบมกับเด่นจะมีสเปซให้ตัวเองเยอะ ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตัวเองชอบ ให้ต่างคนต่างมีความสุขที่ได้อยู่กับตัวเองบ้าง ก็จะมีกำหนดว่าวันไหนเจอกันไม่เจอกัน จะมีส่วนที่ต่างกันแต่ก็ทำให้อยู่ด้วยกันได้ อย่างเด่นเป็นคนไม่ชอบอยู่บ้าน ส่วนแบมชอบอยู่บ้าน แต่ทั้งคู่ก็ยังปรับตัวเข้าหากัน ก็เจอกันก็ไปกินข้าวดูหนังด้วยกันตามปกติแต่จะไม่กินเวลานานเกินไป เวลามีอะไรก็จะมาคุยกันตรงๆ อะไรที่ชอบก็จะบอกว่าชอบ อะไรที่ไม่ชอบก็จะบอกกันเสมอ

“เราเหมือนคนเห็นแก่ตัวมาคบกันนะ แต่มันก็ไม่ได้แย่…พอตัวเราแฮปปี้กับตัวเอง พอมาอยู่ด้วยกันก็แฮปปี้” – แบม

ช่วยกันเป็นผู้นำในความสัมพันธ์

แล้วแต่เรื่อง ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งนำในทุกๆอย่าง เช่นเด่นจะเยอะและค่อนข้างดีเทลเรื่องอาหาร แต่แบมกินไรก็ได้ไม่มีปัญหา ส่วนในเรื่องของภาพรวมแบมจะดูแล เช่นการจัดลำดับความสำคัญ ช่วยเรียงว่าทำไรสำคัญกว่า เด่นจะไม่ค่อยคิดเรื่องนี้อยากทำอะไรก็จะทำเลย แบมก็จะคอยเตือนๆช่วยเด่นคิดและตัดสินใจเรื่องต่างๆ

ลองเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกของเขา

หลักๆคือเปิดใจให้กว้างๆ เปิดใจจริงๆไม่ใช่แค่ให้ผ่านไปก่อนแต่จริงๆแล้วเราไม่ชอบในสิ่งที่เขาทำ พยายามเข้าใจกันและกัน ยอมรับกันและกัน เด่นกับแบมก็มีความชอบที่เหมือนกัน ชอบรสชาติอาหารที่คล้ายๆกัน ชอบเรื่องดูหนังเรื่อง Harry Potter ฟังเพลงก็ฟังเหมือนกัน ส่วนเรื่องความต่างก็มีอยู่แล้ว แต่ลองเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกของเขาอย่างเช่น แบมฟังเกาหลี เด่นก็เลยฟังด้วย เด่นดูการ์ตูน แบมก็ดูด้วย เด่นก็เป็นคนpassionเยอะ ชอบเล่นดนตรี เล่นกีต้าร์เก่งมาก แล้วก็ชอบรถ ชอบแข่งรถ แบมก็จะไปลากเพื่อนไปดูด้วยตอนแข่ง555 รู้สึกว่าอยู่ด้วยกันแล้วมีสีสัน เห็นเด่น enjoy แบมก็มีความสุข รู้สึกสนุกดี

“แบมชอบไปดูคอนเสิร์ตมีผู้ชายไรงี้ เด่นก็ไม่ได้ปิดกั้นว่าไปดูผู้ชายหล่อทำไม เด่นก็จะเอนจอยด้วย จะกดบัตรคอนเสิร์ต แบมเลยบอก เธอบัตรไม่เหลือให้เธอแล้วค่ะ มารับก็พอจบ5555” – แบม

“แบมก็ไม่ได้มาบังคับอะไรเด่นเหมือนกัน ด้วยความที่อยู่โรงเรียนชายล้วน ในสังคมผู้ชายที่อยู่มาคือจะไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิง แต่เด่นอยู่กับแบมเยอะ อยู่กับเพื่อนแบมบ่อยๆเลยเข้าใจ” – เด่น

ถ้าวันนึงเราไม่รักกันแล้วให้ซื่อสัตย์ อย่าทำร้ายกันให้เราต้องจากกันไม่ดี

แบมกับเด่นจะคุยกันเสมอว่า เราจะไม่ฝืนตัวเอง จะซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองด้วย ถ้าเรามีความสุขก็รักษากันไว้ ถ้าเราไม่รักกันเราก็ต้องยอมรับ ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วมันไม่มีความสุขก็ต้องยอมรับผล ถ้าเด่นหรือแบมได้ไปเจอคนอื่น แล้วมาบอกกันตรงๆยังดีกว่ามารู้ทีหลัง… มันก็จะเศร้าแหละ แต่อาจจะดีกว่ามาหลอกกัน เพราะการที่คบกันมันประกอบไปด้วยหลายอย่าง พ่อแม่ก็รู้จักกัน สนิทกันมาก

“เรายังอยากมาเจอพ่อแม่เขาโดยที่เขาไม่ได้มีความรู้สึกเกลียดเรา” – เด่น

มองภาพเรื่องอนาคตเป็นภาพเดียวกัน

เรื่องในอนาคต เด่นกับแบมมีความเห็นที่ตรงกันอยู่แล้ว มีภาพใหญ่ที่คล้ายๆกันประมาณนึงเลย แต่รอจังหว่ะที่มันเหมาะสม อยากแต่งงานซักช่วง 30 ต้นๆ ภาพที่คิดไว้ตอนเด็กพอโตมาก็เปลี่ยนไป ด้วยความที่เป็นเด็กก็อยากแต่งงานเร็ว อยากมีลูกเร็วจะได้เป็นพ่อแม่ที่ยังหนุ่มสาว สุดท้ายประเด็นหลักก็คือเรื่องเงิน เราไม่อยากให้ครอบครัวมาออกเงินค่าจัดงานแต่งงานให้ งานเรา เราอยากจ่ายเองมากกว่า

“มาคิดๆดูถ้าเรามีเงินมากพอ เราจะอายุเยอะยังไงเราก็จะเลี้ยงลูกไม่เหนื่อย” – เด่น

อ่านเรื่องอื่น ๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']