ในที่สุดเราก็ตัดสินใจ ขอเลือกหัวใจมากกว่าเหตุผลใดๆ ไม่อยากต้องบอกตัวเองอีกแล้วว่า “อดทนเถอะ” ถ้าเรามั่นใจว่าคนอย่างเรารอดสิน่า มันก็ต้องรอด ขอเลือกทาง “ฟรีแลนซ์” นี่ล่ะ เอาให้หายคาใจ!!
คนที่ทำงานในตึกมาตลอดห้าปี สิบปี ยี่สิบปี แล้วสงสัยในตัวเองว่า เราจะอยู่ในที่แบบนี้จนเกษียณเลยหรือ? เราจะมีชีวิตแต่ในตึก เราจะไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ตกจริงๆ เราจะต้องรอแค่วันลาพักร้อน สงกรานต์ ปีใหม่เท่านั้น นั่นคือจะถือว่าเราได้ใช้ชีวิต จะมีชีวิตอีกด้านที่เราก็อยู่ได้ มีความสุขพอประมาณ ได้เห็นโลก ได้ค้นหาตัวเองไหม
ถ้าเราเป็น “ฟรีแลนซ์” ลุยไปเลย ชีวิตเราจะยังมั่นคงได้ไหม ยังไงดีล่ะ
![ฟรีแลนซ์](https://i0.wp.com/cleothailand.com/wp-content/uploads/2023/04/S__57229358-1024x682.jpg?resize=693%2C461&ssl=1)
เข้าใจนะว่ามันที่สุดของการต้องทน เวลาต้องเป็นพนักงานประจำมานานๆ แล้วก็ฝันถึงชีวิตอันแสนอิสระ แต่รายได้ค้ำคออยู่ การผ่อนอันไม่จบสิ้น และความมั่นคงปลอดภัยของชีวิตที่ก็กลัวๆ ถ้าจะไม่มี
สำหรับคนที่ยังไม่สามารถเดินออกมาได้ เข้าใจ และขอให้คุณเลือกสิ่งที่แมทช์กับชีวิตที่สุด แต่คนที่เตรียมตัวเองพร้อมแล้ว จะบอกว่าอีพีนี้ของชีวิต การเดินทางครั้งนี้ของคุณ มีอะไรที่ทั้งท้าทายและหอมหวานรออยู่แน่นอน เพราะฟรีแลนซ์จะทำให้คุณ
![ฟรีแลนซ์](https://i0.wp.com/cleothailand.com/wp-content/uploads/2023/04/S__57229357.jpg?resize=739%2C415&ssl=1)
- คุณกำหนดวิธีการทำงานเองได้ เลือกคนที่อยากทำงานด้วยได้ และไม่ต้องรู้สึกขัดใจเวลาทำงานกับใคร รู้ทั้งรู้ว่าไม่เวิร์คแล้วเรายังต้องทนทำ
- ได้เห็นศักยภาพของตัวเองในมุมที่ไม่เคยรู้ เราไม่เคยรู้ว่าเราทำบัญชีได้ เราวาดรูปได้ เราจับประเด็นเก่ง เรามีสกิลล์ต่อรองกับคนอื่น ทั้งหมดมารู้ตอนเป็นฟรีแลนซ์หมดเลย
- สามารถอยู่กับความไม่แน่นอนได้ ทำให้เราเป็นคนยืดหยุ่น เห็นคุณค่าของสิ่งที่ทำสำเร็จ และสุดท้ายคุณอาจพบตอนจบที่สวยงามได้
- ฟรีแลนซ์จะทำให้เราต้องแมเนจการทำงานทุกสิ่งทุกอย่างเอง เราเลยเข้าใจวิธีการจัดการตัวเองไปด้วย เราจะหันมามองสุขภาพตัวเองมากขึ้น ร่างกายแข็งแรงขึ้นเลย
- จะค้นหาวิธีการทำงานที่สมาร์ทเจอ เพราะเป็นฟรีแลนซ์เอาจริงๆ ต้องคิดหาเงินตลอด เลยต้องคิดหนทางทำงานดีมีประสิทธิภาพไปด้วย สุดท้ายคือจะรู้ว่าอะไรสำคัญ ไม่สำคัญ และการทำงานจะฉลาดขึ้นแบบอึ้งๆ ในตัวเองได้เลย
- ฟรีแลนซ์ทำให้เราไม่ต้องเป็นทางการกับอะไร เราเลยได้สัมผัสกับสิ่งที่เป็นจริงทั้งตรงหน้าและสิ่งรอบตัวได้สวยงาม ใกล้ชิดขึ้น
- ความรื่นรมย์จะเข้ามาในชีวิตมากขึ้น “เราได้เห็นพระอาทิตย์ตกแล้ว” เราเลือกที่จะนั่งทำงานท่ามกลางธรรมชาติที่ให้พลังงานเราได้
- เราจะมีกิจกรรมที่เราสนใจหลากหลายขึ้น และกลายเป็นสกิลล์ได้ ทำให้อาจมีอาชีพที่เพิ่มขึ้นได้อีก
- รายได้ถ้าทำได้มาก คือจะได้มากเลยไม่ต้องแบ่งใคร อยากรวยแค่ไหนอยู่ที่เราเองด้วยเหมือนกัน
- ไม่ต้องมีข้อจำกัดในการทำงานจากนโยบายของใครทั้งนั้น
- เห็นโลกมากขึ้นอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน สามารถเข้าไปอยู่ในคัลเจอร์ คอมมิวนิตี้อื่นๆ ได้
- ทำงานจบเร็ว เพราะเราครีเอทกระบวนการทำงานที่เหมาะกับตัวเราอย่างแท้จริง ก็จะสั้นและกระชับเลย
- รู้จักคนมากขึ้นและหลากหลายขึ้น เรามีวงสนทนาใหม่ๆ อาจจะแทบเป็นวงที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้เข้ามาเลย
- คนที่ไม่มีแฟน คราวนี้อาจได้เจอคนที่ใช่เลย มีเพื่อนที่ทำงานประจำมาตลอดบอกว่า “ไม่คิดจริงๆ ว่าสิ่งที่หมอดูทัก ว่าถ้าลาออกจะมีแฟนมันจะเจอจริงๆ” ก็อาจจะเพราะการที่เราไม่ต้องทนกับอะไร พลังงานเราเลยสด ความเป็นตัวเองกลับมา ก็เลยมีโอกาสไปเจอใครได้ง่ายขึ้นด้วย
- ชีวิตไม่มีคำว่า “น่าเบื่อ” เราจะจัดตารางให้ชีวิตได้บาลานซ์ขึ้น เราจะรู้ว่าตอนนี้ว่างไป ก็จะพาตัวเองไปหาอะไรทำ หรือถ้าอะไรเยอะไป ก็อาจเก็บกระเป๋าไปพักมองทะเลสองสามวัน ชีวิตเลยขับเคลื่อนได้ตลอด
- ได้ออร์แกไนซ์อะไรที่หมกเอาไว้นาน ไม่น่าเชื่อว่าแค่ออกจากการทำงานประจำไม่กี่วัน เราจะลุกขึ้นมาจัดการการเงิน การลงทุน ประกันชีวิตของเราได้ทันที หลังจากที่ผัดมาตลอด
- ชีวิตจะเห็นคุณค่าของเงินมากขึ้นนะ ถึงเงินที่ได้จะน้อยกว่าทำงานประจำ แต่ทำไมเราไม่ค่อยวอรี่เรื่องเงินก็ไม่รู้ พออยู่กับความไม่แน่นอนแล้วยังมีความสุขได้ เราเลยรู้ว่าเงินแค่ไหนถึงจะพอ แล้วมันก็พอ โดยที่ไม่ต้องไปอยากได้อะไรมากจนเกินพอดีด้วย
- เราจะเห็นคุณค่าของคนอื่นมากขึ้น เพราะเราจะไม่มีเงินประจำให้สามารถอยากฟาดอะไรด้วยเงิน ก็ฟาดได้ เราเลยจะเห็นเลยว่าคนที่เขาทำอะไรให้เราด้วยใจ คนที่พยายามสู้เพื่อดูแลคนอื่น คนที่เก็บหอมรอมริบ คนแต่ละคนเขามีคุณค่าของเขานะ หัวใจเราจะมองคนแบบเข้าใจมากขึ้นเลย
- ประหยัดกับอะไรบางอย่างขึ้น ที่แน่ๆ คือค่าเดินทาง ค่าต้องไปกินอะไรดีๆ หลังประชุมเครียดๆ หรือการช้อปไม่เลือกเพื่อให้รางวัลกับตัวเอง หลังทำงานหนักมาทั้งปี อะไรแบบนี้จะไม่ค่อยเกิดกับการเป็นฟรีแลนซ์ เพราะเราจะใช้เงินเป็นขึ้นมากๆ จนไม่จำเป็นต้องไปฟาดอะไรโครมๆ ให้ตัวเอง
- ติดแบรนด์น้อยลง ติดการต้องไปเช็คอินน้อยลง เราจะหันไปสนใจอย่างอื่นแทน อยากรู้จักชีวิตในเชิงลึกมากขึ้น อยากสำรวจตัวเอง อยากดูแลอะไรที่เคยละเลยไป เรียกว่าเราแทบจะหายจากอาการติดต่างๆ ไป
- ใส่ใจคนรอบตัวมากขึ้น นิสัยที่เคยทำของให้เพื่อนเป็นของขวัญวันเกิดจะกลับมานะ เราอยากทำอะไรด้วยมือให้คนอื่นมากขึ้น ทำอาหาร จัดดอกไม้ ห่อของขวัญ แล้วจะรู้สึกถึงพลังงานจากหัวใจแบบนี้ของเรา ที่พร้อมไหลรินไปให้คนอื่น
- มีสมาธิดีขึ้น ก็เพราะเรามีเวลาโฟกัสกับอะไรมากขึ้น ไม่ต้องรีบอีกต่อไป ไม่ต้องมีเช็คลิสต์สิ่งที่ต้องทำมากมาย เวลายืดขยายขึ้น เราเลยมีสมาธิที่ลึกและชัดขึ้นด้วย
- ได้รู้ลิมิตของตัวเองอย่างแท้จริง เพราะการเป็นฟรีแลนซ์จะไม่มีตัวช่วยใดๆ นอกจากตัวเราเอง คราวนี้เราจะเห็นเลยว่า ที่เราคิดว่าเราเป็นคนสู้น่ะ เราสู้จริงไหม เราคิดว่าเราเปิดกว้าง เราเปิดจริงไหม เราคิดว่าเราชอบความท้าทาย เราชอบจริงไหม การเป็นฟรีแลนซ์ เราต้องอยู่ในชีวิตตัวเองด้วยตัวเราเท่านั้น เราจะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเรา รวมถึงพลังของเราได้ชัดเลย
- อะไรที่เกินไปสำหรับชีวิต จะเข้าใจและตัดออกไปได้ เรียกว่าเราไม่ค่อยประนีประนอมกับอะไรที่มาขวางชีวิตเราขึ้น เป็นฟรีแลนซ์ทำให้เรารักตัวเองมากขึ้น จนรู้ว่าอะไรที่ไม่สำคัญ ไม่ต้องทำหรอก คนบางคนไม่ต้องเจอก็ได้ ก็ไม่ต้องเจอ เพราะเราอยากรักษาพลังงานของเราให้ดีเอาไว้ เพื่อเป็นพลังใจให้เราต้องลุกขึ้นมาสู้เพื่อตัวเราต่อไป
- รักตัวเอง และเข้าใจตัวเอง แบบที่ไม่เคยสัมผัสความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ถึงกับบางทีต้องบอกตัวเองว่า “รู้อย่างนี้น่าจะทำแบบนี้มานานแล้ว” โมเมนท์ที่ได้นั่งรับพลังยามเช้า กินกาแฟกับเพื่อนสนิทที่หายไปนาน นั่งคุยกันในครอบครัวตอนเย็นๆ ทำให้เรารักตัวเองขึ้นมา และยังความรู้สึกลึกๆ ข้างใน ปมในใจที่ไปขุดเจอ ทุกสิ่งพาเราไปเข้าใจตัวเองมากขึ้น ที่เราต้องบอกตัวเองว่า “ถ้าไม่เดินออกมาจากการทำงานแบบนั้น เราคงไม่มีทางได้เจอสิ่งสำคัญต่อชีวิตเราแบบนี้นั่นล่ะ”
อ่านเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ทาง CleoThailand หรือ FB: @CleoThailand