15 กฎเหล็กแห่งการมูฟออน “สัญญากับตัวเอง ว่าเราต้องทำให้ได้นะ”

อย่างแรกเลยคือเซ็ตความตั้งใจให้ตัวเอง “ฉันจะต้องขึ้นมาจากหลุมให้ได้” แรงใจที่เราอยากเห็นตัวเองมีความสุข จะพาเรามูฟออนได้เกลี้ยง 100% แน่นอน เริ่มขยับตัวออกจากหลุมกันเลยนะ… เพราะเราจะไม่ยอมจมปลัก ไม่ยอมแพ้ใจตัวเอง เรามองเห็นตัวเองนี่นา ว่าเราจะมีความสุขใสๆ ได้กว่านี้ เราเลยต้องให้กำลังใจตัวเอง ตั้งกฏเหล็กให้ตัวเอง คนอย่างฉัน ไม่มีเธอ ฉันก็มูฟออนสวยๆ ได้ ว่าแล้วลุยกันเลย!! อ่านเรื่องราวอื่นๆ ต่อได้ที่ ฮาวทูรักตัวเอง เมื่อต้องมูฟออนจริงๆ

ฉันไม่โชคดีพอที่จะมีผู้ชายสักคน “มองเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็น”

ฉันไม่ได้โชคดีแบบนั้น ฉันไม่ได้โชคดีพอที่จะมีผู้ชายสักคนมองเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็น มองเห็นความเจ็บปวดของฉัน และอยากฉุดฉันขึ้นไป ไม่มีวิธีไหนอีกแล้วที่ฉันจะบอกตัวเองได้ดีไปกว่า “ยอมรับความจริงเถอะ” ทุกครั้งเวลาที่ฉันเห็นใครๆ เขารักกัน ความหวังในใจ ความเพ้อทุกครั้งที่กดแอปสีดำแดงเพื่อเลือกซีรีย์เกาหลีเรื่องใหม่ โจทย์ของฉันไม่มีอะไรมาก ต้องเป็นเรื่องที่ฉันสามารถสมมุติตัวเองเป็นนางเอกในเรื่องได้ แล้วจินตนาการต่อว่า บางทีฉันอาจจะเจอผู้ชายในชีวิตจริง ที่เป็นเหมือนพระเอกในเรื่อง หนังสือฮาวทูบอกว่า ให้คิดว่าอยากได้ผู้ชายแบบไหน ลิสต์ออกมาให้เยอะที่สุด แล้วตัดออกให้เหลือสัก 10 ข้อว่านั่นคือคุณสมบัติผู้ชายที่อยากได้ ฉันลองทำและกุมลิสท์นั้นไว้แน่นในกระเป๋าสตางค์ เอามาเปิดอ่านบ่อยๆ ด้วย บางทีที่เขาบอกว่าคืนพระจันทร์เต็มดวง พระจันทร์จะมอบพลังงานของความรักดูดใครให้เข้ามาในชีวิต ฉันจะเอาลิสท์นั้น ออกไปหาแสงจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วนึกถึงเขา แน่นอนว่าฉันมีความเชื่อ ยังคงเชื่อ และก็จะเชื่อต่อไป เรื่องราวในโทรศัพท์กับเพื่อนสาว เราจะวนเวียนกันที่ซีรีย์ที่เพิ่งดู กรี๊ดพระเอก อยากบินไปเกาหลี แล้วเราก็จะกลับมาที่เรื่องของเรากัน ทำไมเพื่อนคนนั้นได้แฟนดีจัง แฟนเขาพาไปเมืองนอกบ่อยมากเลย เขาไปทริปกันอีกแล้ว ฉันกับเพื่อนก็ได้แต่พยายามหาเรื่องเน่าๆ ในเรื่องรักของคนอื่น “แต่พวกเขาอาจมีอะไรไม่แฮปปี้ก็ได้นะ พวกเราไม่มีทางรู้หรอก” มันคงเป็นคำปลอบใจที่เราบ่นให้กันฟัง แต่ฉันก็ยังไม่มีใครเข้ามาในชีวิตอยู่ดี “ที่เธอเหนื่อยเพราะไม่มีคนรักหรือเปล่า?” ประโยคจากเรื่อง My Liberation Notes หัวหน้าของพี่สาวนางเอกถามขึ้นมา หลังจากที่เธอมาทำงานแล้วบ่นว่าเหนื่อยๆๆๆๆ ทำไมชีวิตฉันถึงเหนื่อยขนาดนี้ […]

คุณหมอสา-Guardian Diamond พี่สาวที่เปิดประตูลับ ช่วยเคลียร์พลังงานลบให้คุณพบความสำเร็จ

ตั้งแต่เข้าปี 2024 ที่ผ่านมา คลีโอขอบอกว่านี่เป็นการสัมภาษณ์ที่เบิกเนตรให้เรารู้สึกมีความหวังและกำลังใจ รู้สึกว่าจักรวาลมอบของล้ำค่าเอาไว้ให้เราเสมอ เป็นเรื่องไม่บังเอิญที่ทำให้เราได้เจอกับคุณหมอสา หรือหลายคนรู้จักเธอในชื่อ Doctor Diamond กับฉายาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพชรที่ไม่ได้จบแพทยศาสตร์ แต่เป็นผู้ที่ช่วยเยียวยาให้ความรู้กับคนที่สนใจเรื่องเพชร รวมทั้งก้าวเข้ามาแก้ปัญหาชีวิตด้วยพลังของ “เพชรดิบ” ที่ค้นพบพลังงานอันยิ่งใหญ่นี้จนกลายมาเป็นแบรนด์ Guardian Diamond ที่สายมูบอกว่ามาลองแล้วขนลุกซู่ทุกคน ลูกสาวครอบครัวคนจีนที่ฝึกค้าขายตั้งแต่เด็ก “ตอนเด็กไม่รู้ว่าเราอยากเป็นอะไร พ่อแม่อยากให้เรียนที่เอแบค เพราะเห็นว่าเราภาษาดีมาตั้งแต่เด็ก เราไม่มีฝันเลย เป็นเจเนอเรชั่นที่ที่บ้านเป็นคนจีน ดังนั้นก็จะมีบอกแค่ว่าต้องมาช่วยพ่อแม่นะ เราก็รู้สึกว่าเราต้องทําไปจนตลอดชีวิต ไม่เคยมีความคิดอื่นเลย ที่บ้านทำธุรกิจขายเพขร เรียนจบมาให้ไปเรียนดูเพชรนะ เราก็ไป ซึ่งเรียนดูเพชรของสถาบัน GIA ซึ่งตอนนั้นมีสาขาในประเทศไทย เป็นโรงเรียนเล็กๆ ในยุค IMF ค่ะนานมากแล้ว” “คุณพ่อคุณแม่พยายามหนักมากในการส่งเราเรียนนะคะ จําได้เลยว่าแม่ให้เราเดินเข้าไปถามแล้วขอตีเช็ค 4 ใบจ่ายค่าเทอมได้ไหม ช่วงนั้นเราก็รู้เลยว่าชีวิตไม่ได้ง่าย ต้องเรียนให้จบกลับไปช่วยเขา เพราะแม่ก็จะพูดตลอด ตาแม่ก็เริ่มไปแล้วนะ เหมือนเขามาเปิดร้านตอนประมาณ 40 กว่าแล้ว ดังนั้นจะให้เค้าดูเพชรไปตลอดก็เป็นไปไม่ได้ เราเริ่มทําทุกอย่างตั้งแต่เสิร์ฟน้ํา เช็ดตู้ วิ่งงาน บางทีมีงานช่าง เราก็ขับรถออกไปเอง เดินส่งของส่งงาน แม่จะเหน็บเราไปด้วย […]

5 วัดปังในฮ่องกง ขออะไรเทพให้รัวๆ

“เก่งอย่างเดียวแต่ไม่เฮงก็ประสบความสำเร็จยาก” คำพูดนี้ดูจะไม่เกินความจริงไปสักเท่าไหร่นัก ในปัจจุบันเป็นยุคที่วัยรุ่นกำลังสร้างตัว หลายๆคนที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจบางคนบอกว่าเกิดจากความสามารถของตัวเอง แต่หลายๆคนเปิดเผยความลับว่าส่วนหนึ่งมาจากการมูในสถานที่ที่มีพลังงานประกอบกับพิธีกรรมที่ถูกต้องทำให้มีทั้งพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และกำลังใจในการประกอบธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ




Lifestyle, Music

โจเซฟ ซามูดิโอ นักดนตรีบำบัด ที่จะสร้างโลกเล็กๆ ให้คุณ “วันนี้เขามีของขวัญสำหรับขีวิตแล้ว”

โจเซฟ ซามูดิโอ

‘โจ – โจเซฟ ซามูดิโอ’ หนึ่งในห้าสิบหนุ่มคลีโอปี 2014 ผู้มีรอยยิ้มใจดี และพร้อมสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับทุกคนที่อยู่รอบข้าง วันนี้มีโอกาสได้กลับมาพบกันอีกครั้ง เขาทั้งหล่อขึ้น เก่งขึ้น และมีสมาชิกครอบครัวเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนเมื่อไม่นานมานี้!

“ตอนนี้ก็ทำหลายอย่างเลยครับ” ใครที่รู้จักโจคงจะรู้ดีว่านอกจากการเป็นนักร้อง นักดนตรี หนุ่มลูกครึ่งไทย-โคลอมเบีย คนนี้ เป็นนักดนตรีบำบัด ที่เรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยแชปแมน รัฐแคลิฟอร์เนีย และหลังจากที่ทำอาชีพนี้มานานกว่า 6 ปีในอเมริกา เขาได้บินมาที่ไทย และยังคงเป็นนักดนตรีบำบัดเช่นเดิม “แล้วก็มีสตูดิโอของตัวเอง The Music Lab และเป็นอาจารย์พิเศษสอน Music Psychology อยู่ที่มหาวิทยาลัยด้วยครับ” ความจริงแล้วโจบอกว่ามีทำโปรเจคอะไรอีกมากมาย ไม่ว่าจะทั้งเขียนเพลงและแต่งเพลง ซึ่งเป็นงานอดิเรกที่เขาชอบมากด้วย

ทำความเข้าใจ นัก ‘ดนตรีบำบัด’ = จิตบำบัด?

คงจะตอบได้ว่าใช่ “ที่ไทย พอพูดถึงคำว่า นักดนตรีบำบัด คนทั่วไปก็จะถามว่า เป็นครูหรือเป็นหมอ? แต่ที่อเมริกาเขาจะคิดว่าเป็นศิลปิน เป็นไปในทางศิลปะมากกว่า ความจริงคือสองอย่างรวมกัน เราถือว่าเป็นนักบำบัด นักจิตวิทยา แต่ว่ามันเป็นการเยียวยาด้วยดนตรี ไม่ใช่เปิดเพลงให้ฟังอย่างเดียว ไม่ใช่ว่าเครียดหรอ ฟังเพลงนี้สิแล้วจะหาย แต่คนไข้ต้องปฏิบัติไปด้วย”

ถ้าพอจะอธิบายให้เห็นภาพก็คือ โจเป็นนักจิตบำบัดโดยพื้นฐาน แต่เขาใช้ดนตรีเป็นเครื่องมือในการช่วยให้คนไข้ได้เยียวยาจิตใจ

ในช่วงเวลา 10 ปีที่โจคลุกคลีกับวงการจิตบำบัดในประเทศไทย เขาสัมผัสได้เลยว่าคนทั่วไปเริ่มมีความเข้าใจมากขึ้น “อาจจะยังไม่ได้เปิดรับมากถ้าเทียบกับที่อเมริกา เพราะโดยส่วนใหญ่คนไทยอาจจะยังไม่อยากพูดถึงปัญหา อายที่จะบอกว่าต้องไปหานักจิตบำบัด mental health ยังไม่เป็นที่นิยมในไทยสักเท่าไหร่ แต่เมื่อไม่นานมานี้คนก็เริ่มเข้าใจมากขึ้นว่า การที่เราจะแข็งแรงนั้นไม่ได้แค่ออกกำลังกายอย่างเดียว เราต้องออกกำลังสมอง และออกกำลังจิตใจควบคู่กันไปด้วย

บำบัดออนไลน์ในภาวะ Covid-19

เหมือนว่าจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้คนไข้และนักจิตบำบัดไม่สามารถเจอกันแบบตัวเป็นๆ ได้ในช่วงเวลาที่โรคระบาดกำลังหนักอย่างในสองปีนี้ แต่ทุกอาชีพก็พยายามปรับตัว “ผมก็ใช้วิธีบำบัดผ่านทางออนไลน์ เรียกว่า teletherapy มันมีประโยชน์เหมือนกันนะครับ เวลาเราอยู่กับคนไข้ ถ้าใช้เปียโน เรากับคนไข้อาจไม่ได้เผชิญหน้ากัน แต่ในโปรแกรมซูม (ออนไลน์) เรามองกันผ่านกล้อง บางทีก็อาจสังเกตได้ว่าเขาไม่กล้าจ้องหรือมองมา เขาอาจมี Underlying Anxiety

Underlying Anxiety คือ ความวิตกกังวลที่แฝงเอาไว้ และอาจแสดงออกมาจากท่าทางที่นักบำบัดเองก็ต้องสังเกตเพราะคนไข้จะไม่บอกเล่าหรือไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังเก็บอะไรบางอย่างเอาไว้ในใจ

นักจิตบำบัดก็ต้องบำบัดตัวเองเหมือนกัน

“ใช่เลยครับ เวลาฟังเรื่องเครียดๆ จากคนไข้หลายคนเข้า เราต้องซัพพอร์ตปัญหาทุกคน นักจิตบำบัดไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็ต้องบำบัดความเครียดของตัวเองด้วยเหมือนกัน” โจบอกว่าด้วยวิชาชีพนี้เขาถูกฝึกมาให้สังเกตเห็นความผิดปกติของคนอื่น เลยทำให้เผลอมาใช้กับตัวเองด้วย

“สังเกตตัวเองเป็นอัตโนมัติ เหมือนเข็มไมล์ของรถ เวลาที่เครียดกว่าปกติ เข็มไมล์เกินลิมิติ ก็จะหาวิธีผ่อนคลาย”

Basic Music Therapy ที่ทำได้เองที่บ้าน

โจแนะนำว่าถ้าช่วงนี้รู้สึกเครียดกับข่าว สถานการณ์ และการจำกัดพื้นที่อยู่แต่ในห้องก็ ลองผ่อนคลายตัวเองไปก่อนผ่านเสียงเพลง อย่างแรกเลยให้ตั้ง เพลย์ลิสต์โปรด กี่เพลงก็ได้ แต่ต้องเป็นเพลงที่ชอบ เมื่อไหร่ที่รู้สึกแตะความเครียดหรือหม่นหมอง ให้พักสิ่งที่ทำอยู่แล้วเปิดเพลย์ลิสต์นี้ฟัง จะร้องไปด้วยก็ได้

“เพลงมันจะสามารถปรับอารมณ์เราได้ในทันที เหมือนเป็น time machine เป็นปุ่มรีเซ็ตอารมณ์เรา”

อีกกิจกรรมคือให้ลองเขียนลงบนกระดาษ ตั้งเวลา 2-5 นาที เขียนโดยไม่หยุดเขียน ถ้านึกอะไรไม่ออกให้เขียนคำที่นึกออกไป ไม่ต้องเป็นเรียงความที่สวยงามก็ได้ “ผมรู้สึกว่าหลายคนเวลาที่รู้สึกเครียดขึ้นมาจะไม่ค่อยใช้เวลาวิเคราะห์ว่า มันเป็นเพราะอะไร แค่รู้สึก แล้วก็พยายามจะทำอย่างอื่น แต่การเขียนลงไปในกระดาษ หนึ่ง เราจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นมาว่ามีเรื่องอะไรอยู่ในใจ สอง แค่เขียน ก็เหมือนได้ระบายความเครียดออกมาลงในกระดาษ เพื่อให้รู้ว่าความเครียดไม่ใช่ตัวเราและไม่ได้ควบคุมเรา เราจัดการมันได้ แยกออกมาจากตัวเราได้”

อีกอย่างที่ทำได้ “ลองทำไปด้วยกันเลยไหมครับ เลือกเพลงที่ชอบมาหนึ่งเพลง” เราเลือก Part of your world (The Little Mermaid)

“I wanna be where ________”

“I wanna see wanna see ________”

“_________ around on ________”

เติมคำในช่องว่าง เปลี่ยนคำที่เปลี่ยนได้ เปลี่ยนตามใจเรา คิดอะไรลองใส่ลงไปในเนื้อเพลงแล้วร้องตาม “มันเป็นกิจกรรมง่ายๆ เล็กๆ น่ารัก แต่จะเห็นเลยว่าได้ระบายความรู้สึกและสะท้อนสิ่งที่อยู่ในใจ ทำเองได้ที่บ้าน อย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้แต่ละวันผ่านไปได้อย่างทิ้งรอยยิ้มเอาไว้ก่อนนอนนะครับ”

ชีวิตคืออะไร บาลานซ์ความฝันกับความจริง

“ตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นนักบิน พ่อจะพาไปดูเครื่องบินที่ใกล้ๆ สนามบินตลอด” ถ้าย้อนกลับไปนึกถึงวัยเด็กและความฝันในตอนนั้นโจพูดถึงมันด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

อย่างที่เห็นว่าวันนี้แม้จะไม่ได้เป็นกัปตันโจ แต่เขาก็ยังมีอีกความฝันที่อยากจะเป็นหมอ “เราได้ทำงานเยียวยาจิตใจคน เป็นสิ่งหนึ่งที่อยากทำ และได้ใช้ดนตรีทำมันไปพร้อมๆ กัน” กว่าครึ่งชีวิตที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำทุกสิ่งที่ฝันเอาไว้ แต่อย่างน้อยความหมายของมันก็คือการได้ทำสิ่งที่รักควบคู่ไปกับการทำเพื่อคนอื่น และถึงวันหนึ่งเขาก็พร้อมลงมือทำเพื่อความฝันของคนที่เขารักด้วยเช่นกัน

“ชีวิตคนเราเต็มไปด้วยเรื่องที่ไม่คิดว่าจะเกิดและไม่อยากให้เกิดขึ้นครับ อะไรที่เราตั้งรับมันเอาไว้ก่อนได้ พอถึงเวลาก็เหมือนว่าจะหายห่วงไปได้เรื่องหนึ่ง”

ก้าวสู่สเต็ปใหญ่และชีวิตที่เปลี่ยนไป

โจเป็นคนมีชื่อเสียงที่ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ความจริงแล้วเขาก็คือคนทั่วไป ที่เติบโต ทำสิ่งที่รัก และสร้างครอบครัว “ตอนโสด มีแฟน แล้วแต่งงาน มันเหมือนเราก้าวขึ้นบันไดทีละขั้น แต่พอมีลูกคนแรกเหมือนหนึ่งก้าวข้ามบันไดห้าขั้นไปเลย พอมีลูกก็ต้องมีเวลาให้เขา ผมอยากเห็นเขาโต ไม่อยากจะพลาดอะไรไป หลายคนบอกว่าพอมีลูกนะ ชีวิตเราจบแล้ว แต่สำหรับผมไม่ใช่ แค่แบ่งเวลาให้เขาเยอะหน่อยแต่ก็ยังทำสิ่งที่อยากทำอยู่”

แค่มีเวลาน้อยลงโจบอก “เรามีเวลาของตัวเองน้อยลงเยอะมาก เมื่อก่อนอยู่กับภรรยา ต่อให้เขาต้องการเวลาจากเรามากแค่ไหน เขาก็ต้องมีเวลาของเขาและดูแลตัวเองได้ แต่ลูกไม่ได้เลยในตอนนี้ เขาต้องการพ่อแม่ 100%” และยิ่งในภาวะ Covid-19 ที่ทำให้เขากังวลขึ้นเป็นหลายเท่า “จนบางครั้งเราต้อง step back แล้วนึกถึงมนุษย์ถ้ำเพื่อสงบจิตใจ”

โจเซฟ ซามูดิโอ

“เขาเกิดมาแล้วยังไม่ได้ใช้ชีวิตปกติ เราเป็นพ่อก็อยากให้เขาได้เจอโลก ได้เรียนรู้ ถึงจะพูดไม่ได้ แต่เขาสังเกตทุกอย่าง เราทำอะไรเขาจะมอง ก็อยากให้ลูกได้เจอเด็กๆ มีสังคมของเขาเหมือนกัน”

ความรู้สึกของการมีลูกคนแรก

It’s a very amazing feeling แต่มันไม่ใช่ว่าเป็นช่วงเวลาที่สายรุ้งพาดผ่าน อะไรก็ดีอย่างที่เห็นในไอจี ชีวิตพ่อแม่มันไม่ง่าย” โจบอกเลยว่ามีลูกคือที่สุด “เมื่อก่อนนี้ผมไม่เคยมีคำถามว่า ถ้าเราไม่อยู่จะเป็นยังไง แต่พอมีลูกแล้วคำถามนี้มันผุดขึ้นมาในหัวเลยครับ กังวลไปหมดตั้งแต่เขายังไม่คลอด จนทุกวันนี้มีเพื่อนเป็น google ‘เตียงแบบนี้ได้ไหม’ ‘ทำไมยังไม่พลิกตัว’ ‘กินอะไรได้บ้าง’ กังวลไปหมดจริงๆ บางครั้งต้องถอยออกมาแล้วก็พยายามจะกังวลน้อยลง”

แน่นอนว่านักดนตรีอย่างเขาก็ต้องมีอยู่แล้วที่จะแต่งเพลงให้ลูก เพลง ‘ของขวัญ’ “ปกติผมจะมีทำนองในหัวอยู่แล้วหรือบางทำนองที่แต่งเอาไว้ อย่างเพลงนี้ก็แค่ใส่เนื้อเพลงถ่ายทอดความรู้สึกให้กับลูก” อย่างที่โจบอกเลยว่าเป็นพ่อแม่มันไม่ง่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามเขาก็รู้สึกว่า ลูกคือของขวัญที่เขายินดีอย่างที่สุดที่จะได้รับ และพร้อมดูแลทั้งชีวิตและอนาคตของลูกอย่างดีที่สุด

โจเซฟ ซามูดิโอ

เพราะความฝันมันสำคัญ และไม่มีใครเดาอนาคตได้

นอกจากความกังวล ใบหน้าของลูกก็ทำให้เขายิ้ม “เขาทำให้รู้สึกว่าตอนนี้ครอบครัวเราสมบูรณ์ เป็นอีกสเต็ปของความสำเร็จในชีวิต และผมมีความเชื่อว่าความมั่นคงในชีวิตของลูกเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าจะอยู่ดูแลเขาได้ไปอีกนานแค่ไหน ผมเป็นคนนึงที่มองหาความมั่นคงให้กับของขวัญตัวน้อยๆ ของผม ซึ่งผมได้มารู้จักกับ ประกันชีวิตควบการลงทุน AIA Infinite Gift Prestige แบบประกันที่ช่วยให้ผมสามารถสานฝันให้กับลูกน้อยของผมได้ไปจนตลอดช่วงชีวิต

“ผมได้ทำตามความฝันส่วนหนึ่งของชีวิต ก็อยากให้ลูกได้ทำตามฝันของเขาเหมือนกัน”

และเพราะเราควบคุมอนาคตไม่ได้ แต่วางแผนเพื่อรับมืออย่างมั่นคงได้ “ไม่ว่าจะเป็นความฝันในการสร้างธุรกิจตามแผนที่วางไว้สำหรับอนาคต ด้านการศึกษา ค่ารักษาพยาบาล เราวางแผนทางการเงินไว้ให้เขาได้ตั้งแต่วันนี้ครับ” และนอกจากนี้ยังมีผลตอบแทนที่มากขึ้นจากการลงทุนในกองทุนรวมที่กระจายการลงทุนไปสู่สินทรัพย์ต่างประเทศ ที่จะมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนระดับโลกมาช่วยบริหารพอร์ตโฟลิโออีกด้วย

โจเซฟ ซามูดิโอ

ได้ยินแบบนี้แล้วหัวใจฟูเลย ในช่วงเวลาที่เราคาดเดาอะไรได้ยากแบบนี้ แต่เราวางแผนการเงินที่มั่นคงให้คนที่เรารักได้สานฝันของเขาในวันที่อยากลงมือทำสิ่งที่ใจรัก นี่แหละของขวัญล้ำค่าสำหรับคนที่เป็นของขวัญสำหรับชีวิตของเรา

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3j2gOX1

Credit Photo: instagram/@joe_zone Facebook/The Music Lab

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']