ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Career, Eat

กะเพราตาแป๊ะ เขาเริ่มทุกอย่างจากศูนย์ จนเจอสูตรกะเพราที่อร่อยที่สุด



คลีโอเคยเจอคุณแป๊ะ เมื่อตอนเขาเป็นหนุ่มคลีโอ ตอนนั้นยังไม่ได้คุยกันมาก ไม่รู้เลยว่าผู้ชายสูง ขาว หน้าตายิ้มแย้มตลอดเวลาคนนี้ เขาจะมีเรื่องราวชีวิตที่สู้ยิ่งกว่า “ผมทำทุกอย่างที่ทำได้ เด็กเสิร์ฟ ล้างจาน ยืนขายอะไรก็ได้ ผมไม่อาย ผมทำหมดครับ” ไม่ใช่เพียงแค่ต่อมสู้ของเขาเท่านั้นนะ แต่แป๊ะยังเป็นคนที่ให้กำลังใจคนเป็น มีแรงใจที่ดี ไม่ว่าเขาจะต้องเผชิญกับอะไร แป๊ะมักจะมีประโยคที่เขาชอบพูดว่า “โชคดีที่….” พ่วงด้วยเสมอ เขามองทุกสิ่งที่ได้รับเป็นความโชคดี ถึงแม้จะมีความยากลำบากผสมอยู่ในนั้นด้วยก็ตาม 

หนุ่มคลีโอ แป๊ะ วรกฤต สกุลเลี่ยว

แป๊ะ วรกฤต สกุลเลี่ยวคือผู้ชายอายสามสิบต้น เจ้าของร้านกะเพราตาแป๊ะริมถนนอโศก ธุรกิจที่เขาบอกว่า “เหมาะกับผมที่สุดครับ” และสร้างรายได้ ความมั่นคงจนเป็นที่รู้จัก ทั้งรู้จักในตัวเขา และรสชาติกะเพราของเขา ร้านกะเพราเล็กๆ ร้านนี้ไม่ได้มาแบบง่ายๆ แต่ผ่านการทำงานหนักของผู้ชายคนนี้มาตลอด แป๊ะสร้างมาคนเดียว เรียนรู้เอง ลองผิด ลองถูก แพ้บ้าง ล้มบ้าง และเขาเองนี่ล่ะ ที่ให้กำลังใจตัวเองมาตลอด แป๊ะเริ่มเล่าเรื่องให้เราฟังจากประโยคว่า

“บ้านผมล้มละลายครับ”

เขาโตมาในครอบครัวอบอุ่น แต่เกิดภาวะการเงินที่ทำให้แป๊ะต้องเริ่มหาเงินเรียนมหาวิทยาลัยเองตั้งแต่ตอนนั้น “ผมเลือกเข้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น เพราะผมดูแล้วว่าหน่วยกิตถูกที่สุด” แป๊ะเลือกเอนทรานซ์เข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล มหาวิทยาลัยขอนแก่น เขาย้ายไปอยู่ที่นั่น อยู่หอพักนักศึกษา เป็นความตั้งใจที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรกับชีวิต เขาจะต้องเรียนให้จบปริญญาตรีให้ได้ “ผมคำนวณแล้วว่าค่าหอ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ผมต้องมีเดือนละ 5,000 เป็นอย่างต่ำ ผมคิดว่าหาเงินได้แน่นอน น่าจะรอด” 

กะเพราตาแป๊ะ

แป๊ะเข้ามหาวิทยาลัยและทำงานไปด้วย เขาเป็นเด็กเสิร์ฟ เด็กล้างจาน และครูสอนว่ายน้ำ “โชคดีที่พ่อกับแม่ให้ผมเรียนว่ายน้ำมาตั้งแต่เด็ก เลยสอนเกือบทุกวัน ก็เลยหาเงินได้วันละ 600 บาท พอเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด”  แป๊ะใช้ชีวิตไม่ออกนอกลู่นอกทางแม้แต่นิดเดียว เขาเรียน ทำงาน เก็บเงิน ถึงชีวิตจะเปลี่ยนจากที่เคยเป็นตอนเด็กๆ มาก แต่เขาก็ถือว่ามันต้องเป็นอย่างนั้นล่ะ “ชีวิตเปลี่ยนมาก เพราะเด็กๆ ไม่เคยต้องดิ้นรนหาเงิน เมื่อก่อนอยากได้อะไร อยากกินอะไร พ่อกับแม่จะหามาให้หมด พอสถานการณ์เปลี่ยน ถ้าเราไม่ทำอะไร ก็จะเหมือนหมาจนตรอก เราจะไม่มีข้าวกิน ไม่มีเงินเรียน มันเลยบังคับให้ต้องทำทุกอย่างให้รอด”

ถามแป๊ะว่าชีวิตต้องลำบากขึ้นขนาดไหน เขาบอกว่า

“เหมือนในละครครับ มีวันหนึ่งเราไม่มีเงินกันเลย แต่ต้องจ่ายค่าไฟ เราเลยไปเอากระปุกหมูที่หยอดๆ กันมา มานั่งกันพ่อแม่ลูกกับพื้น แล้วเอากระปุกวาง ทุบ นับเหรียญ นับแบ๊งค์ แบ่งไปว่าอันนี้ค่าไฟ อันนี้ไปใช้ตรงนี้ อันนี้ไปกิน”

จุดนี้ที่แป๊ะจะเอามาคอยบอกกับตัวเองเสมอว่า “เหนื่อยแค่ไหนผมไม่กลัวนะ ผมจะไม่กลับไปวันนั้นอีกแล้ว หลังจากนั้นผมเลยทำทุกอย่างที่ทำได้ ไม่อาบเลย จะให้ยืนขายอะไรผมก็ทำได้หมด เหนื่อยตื่นมาก็หาย แต่ถ้าไม่มีเงินมันหนักมาก”

ชีวิตที่ขอนแก่นสำหรับแป๊ะเขาบอกว่าดีมาก โชคดีที่เพื่อนๆ ดีหมด แล้วเขารู้สึกว่าคิดไม่ผิดที่มาอยู่ เขายังมีความสุขดี เป็นความสุขง่ายๆ ใกล้ตัว ที่ไม่ได้หายากอะไร แป๊ะบอกว่า “อย่าไปทำให้มันยาก มันอยู่ใกล้ๆ แล้วก็ง่ายมากด้วย” 

ภาพจำและความตั้งใจของเขาทำให้แป๊ะเมื่อเรียนจบเรียบร้อย เขาก็หางานทำ ได้งานที่แรกที่สมัครตามสายงานวิศวะกร เขาทำงานเกี่ยวกับระบบสื่อสารโทรคมนาคม เงินเดือนแรกที่ได้คือ 8,230 บาท แป๊ะเริ่มเก็บเงินตั้งแต่ตอนนั้น “ผมใช้ 5,000 บาท เก็บไว้ช่วยที่บ้าน และเก็บไว้เผื่อทำอะไร” แป๊ะทำงาน กลับบ้านทุกวันๆ เพื่อซื้อบ้านที่ธนาคารยึดไปกลับมา

“พี่สาวผมสองคนช่วยที่บ้านมาตลอด ผมคิดอย่างเดียวว่าถึงตาผมแล้ว พ่อแม่ดูแลพวกเรามาดีมากตั้งแต่เด็กจนยี่สิบกว่าปี เขาไม่เคยให้เราอด เขาทำให้เราเต็มที่ มันคือเวลาที่ต้องมาช่วยกันมากกว่า เป็นหน้าที่ของพวกเราแล้ว” 

แป๊ะทำงานประจำไปสี่ปี จากเงินเดือนแปดพันกว่าบาท เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มาที่ห้าหมื่นบาท เขาได้รับความไว้วางใจจากเจ้าของบริษัท ได้ถูกส่งไปทำงานที่เวียดนาม เขาไปเซ็ตอัพออฟฟิศที่นั่นคนเดียว จนเข้าใจการสร้างระบบการทำงาน เมื่อแป๊ะกลับมาคราวนี้ล่ะที่เขาคิดว่าน่าจะมีธุรกิจของตัวเองได้แล้ว  แต่ธุรกิจของแป๊ะไม่ได้ภาพฝันอะไรนะ เขาทำอะไรที่ไม่ยาก และทำได้เลย แป๊ะไปเปิดรถเข็นขายลูกชิ้นปลาระเบิดแถวอ่อนนุช “ผมเริ่มจากลูกชิ้น 10 กิโลก่อน ลงทุนไป 25,000 บาท ได้รถเข็น ชุดทอด ก็ไปขายกลางคืนเลย ปรากฏว่าเราชอบแฮะ ชอบน้ำมันร้อนๆ น้ำมันกระเด็กไม่มีหลบนะ สนุกดี” แล้วลูกชิ้นของเขาก็ขายดีจนมีลูกค้าประจำมายืนรอกินแล้วบอกเขาว่า “ลูกชิ้นพี่โคตรอร่อยเลย” 

“ผมมีความสุขอยู่ข้างในเลยนะ เป็นจุดที่ผมเปลี่ยนอีกครั้งเลย แล้วคิดว่าทำไมเรามีแรงมาขายลูกชิ้นนะ ทำงานมาทั้งวัน เรายังเปิดร้านขายได้ด้วย”

จิตใจแป๊ะเริ่มไปที่อาหารก็จากรถเข็นลูกชิ้นทอดนี่ล่ะ เขาเริ่มมองต่อไปแล้วว่าจะขายอะไรดี ระหว่างนั้นเขาขยายธุรกิจเพิ่ม ทำรถเข็นลูกชิ้นทอดเป็น 5 ร้านไปด้วย จนเขามาเจอว่าแถวปากน้ำ สมุทรปราการคนเยอะ แล้วคนขายทุกอย่าง ยกเว้นยังไม่มีกระเพาะปลาอร่อยๆ “ผมเลยคิดสูตรขึ้นมาเองแล้วไปเปิดเป็นร้านข้างทางเลย เราถนัดแบบนี้ล่ะ ตัวตนเราก็มาจากแบบนี้” แป๊ะตัดสินใจลาออกจากงานประจำ แล้วไปขายกระเพาะปลา 

เขาไปซื้อของตอนหลังเที่ยงคืน กลับมานอนตอนตีสาม หกโมงเช้าตื่นเตรียมทำ แล้วเย็นๆ ไปเปิดร้าน เขาทำแบบนี้ทุกวันจนพอเข้าเดือนที่แปด ร้านเริ่มขายดีมีลูกค้าประจำ แล้วพอเวลาผ่านไปหนึ่งปี แป๊ะเลยเลิกทำลูกชิ้นปลาทอด มาขายแต่กระเพาะปลาอย่างเดียว มาถึงตอนนี้เป็นอีกช่วงเวลาที่แป๊ะลองเลี้ยวไปทำธุรกิจด้านอื่นบ้าง เขาทำครีมทาหน้าขายออนไลน์ ทำเสื้อผ้าขาย แต่ปรากฏว่าไม่เวิร์ค พังหมด เขาเลยคิดว่าขอกลับไปหาสิ่งที่ถนัดคือ อาหาร แต่เขามาพร้อมเป้าหมายที่ตั้งไว้ใหญ่ขึ้นแล้ว

“ผมอยากทำอาหารให้คนทั้งประเทศได้กิน”

เขาได้โจทย์ให้ทำอาหารไปส่งในสาขาต่างๆ ของเครือบริษัทอาหารใหญ่ระดับประเทศแห่งหนึ่ง แป๊ะลองส่งกระเพาะปลาแช่แข็งเป็นอย่างแรก แต่ไม่ผ่าน ลองส่งขนมถ้วยที่เขาต้องลองทำถึง 4 รอบ จนไปเจองานวิจัยกับประโยคเดียวเกี่ยวกับแป้งในการทำแบบแช่แข็ง เขาผ่าน และได้ขายเป็นผลิตภัณฑ์ตัวแรก แป๊ะค้นคว้า หาความรู้เรื่องอาหารไปหลายเมนู ส่วนใหญ่แป๊ะบอกว่า “เสนอแล้วไม่ผ่านครับ” ผ่านไปหนึ่งปีแป๊ะเลยคิดว่า ลองทำข้าวกะเพราหมูส่งแล้วกัน เขาคิดง่ายๆ ว่าใครๆ ก็ชอบกินกะเพรา และเขาได้ส่งข้าวกระเพราะหมูให้คนไทยกินกันทั่วประเทศได้แล้ว

กะเพราตาแป๊ะ

หลังจากนั้นแป๊ะเริ่มลองอยากทำอะไรที่เป็นเทรนด์บ้าง เขาลงทุนกับเพื่อนไปเปิดร้านคาเฟ่ ทำขนมแพนเค้กญี่ปุ่น แปะบอกว่า “อร่อยนะ แต่ต้องยอมรับเลยว่าผมไม่เก่งสายคาเฟ่ เพราะต้องเล่นกับเทรนด์ตลอดเวลา” ร้านขนมของเขาต้องปิดตัวลง และแป๊ะเสียเงินที่ลงทุนไป ถามเขาว่าเสียดายเงินไหม “เสียดายครับ แต่ก็ได้รู้มากกว่า รู้ว่าอะไรไม่เหมาะกับเรา และอย่างน้อยเราได้เรียนรู้ครับ” แป๊ะเอาประสบการณ์ไปปรับปรุง แล้วหันมามองอะไรที่เป็นตัวเขาเองจริงๆ

“ผมคิดเลยว่าผมถนัดอะไร เราอยากสื่อความเป็นตัวตนเราแบบไหน แล้วสรุปเลยว่าผมอยู่กับการทำกะเพราข้างกล่องมา 6 ปีแล้ว รู้ทุกซอกทุกมุม ก็เลยคิดว่าเปิดร้านขายกะเพรา แล้วใส่ความรู้ทุกอย่างที่เราสั่งสมมาสิบกว่าปีนี่ล่ะให้หมด”

แป๊ะพัฒนาสูตรกะเพราของเขาอีก และเลือกกลุ่มคนทำงาน ราคาไม่แพง กินได้ทุกวัน ร้านกะเพราะตาแป๊ะกลางถนนอโศกจึงเกิดขึ้น แน่นอนว่าเขาทำเองทั้งหมด ผัดขายเอง เทรนเด็กในร้านเอง เขายืนผัดขายตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็นทุกวันเป็นเวลาสองปี และกำลังถ่ายทอดวิชาให้กับน้องๆ ในร้าน ภายในเวลาไม่นาน กระเพราะของแป๊ะก็ติดใจคนทำงานแถวนั้น และคนอื่นๆ ทั้งบล้อกเกอร์ คนดัง รายการต่างๆ ก็ไปเชียร์เขากันอย่างมาก 

วันนี้แป๊ะขายกระเพราะ ทำอาหารส่งขาย และเป็นนายแบบ เป็นแขกรับเชิญในรายการด้วย เขาเป็นอะไรมาเยอะแยะก็จริง แต่เราว่าเขาคือนักสู้ สู้มาจากความลำบากจริงๆ เกิดเป็นการเรียนรู้ และสั่งสมออกมาเป็นประสบการณ์ จนเป็นองค์ความรู้ และความชำนาญของเขา ถามแป๊ะว่าสิ่งที่ผ่านมาเรื่องที่ต้องพังไปบ้าง เสียเงินก้อนใหญ่ไปบ้าง แป๊ะรู้สึกยังไง

“ผมรู้ว่าธุรกิจก็เป็นแบบนี้ล่ะ ถ้าที่ผ่านมาผมไม่เคยเจ๊งมาก่อน ผมคงไม่มาไกลขนาดนี้ ทุกอย่างมันถูกนำมาใช้หมดเลย เหมือนเราปลูกต้นไม้ ตอนแรกไม่เห็นผล แต่พอ 5 ปีผ่านไป ก็เริ่มมีรากฐาน ออกดอกออกผล แล้วมันจะให้เรามาเรื่อยๆ” 

กะเพราตาแป๊ะ

สิ่งหนึ่งที่เขาเป็นคือ “ผมไม่นอยด์นะ แต่จะลุกให้เร็ว เพราะถ้าลุกไม่เร็วพอ โอกาสมา เราจะคว้าไม่ทัน” จากวันแรกที่แป๊ะมีเงินศูนย์บาท สิบปีผ่านไปเขาสร้างตัวเองจนมีกำไรต่อเดือนหลายแสนบาทได้ ความเป็นอยู่และทุกสิ่งทำให้เขาและครอบครัวมีความสุขกันแน่นอน แต่คนอย่างแป๊ะเขาไม่ขอเลือกความสุขที่มากล้น หรือเหมือนฝัน เขาบอกว่า “ครอบครัวเรามีความสุขธรรมดาๆ ครับ บ้านเรายังไม่รวย แต่ผมว่าผมโชคดีที่บ้านเราเป็นแบบนั้นนะ เพราะไม่อย่างนั้นเราคงไม่แข็งแรงเท่านี้” 

ในทุกสิ่งที่เป็นแป๊ะ เขาบอกเรามาอีกว่า “พยายามเท่านั้นครับ แรกๆ อาจจะยังไม่เห็นผล แต่อดทนไปครับ พยายามให้มากล้นกว่าใครให้ได้ ท้อได้บางครั้ง แต่พรุ่งนี้มีอะไรรอเราอีกเยอะมาก เราอาจพลาดสิ่งดีๆ ไป แต่อย่าเอาสิ่งดีๆ ไปผูกกับเงินอย่างเดียว เพราะมันมีทั้งความสุขง่ายๆ คนที่เรารักด้วย เอาสิ่งเหล่านี้มาเป็นแรงใจให้เราดีกว่า เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับโอกาสดีๆ ต่อไป ร่างกายก็ต้องพร้อมลุย เก็บแรงให้เยอะที่สุด เพื่อโอกาสนั้น แล้วถ้ามันมัน เราจะไม่พลาด อย่าตีกรอบให้ตัวเองด้วย อย่างผมถ้าเป็นแค่วิศวกร ผมอาจไม่มีวันนี้ก็ได้”

“ที่สำคัญมากๆๆ คือกำลังใจครับ เราต้องให้กำลังใจตัวเองตลอดจริงๆ เราต้องคิดว่าจะทำให้ดีที่สุด แต่อยู่บนความเป็นจริงนะ ในตอนแรกทำคนเดียวไปก่อน เรียนรู้ในแบบของเรา แล้วพอได้เข้าไปในธุรกิจจริงๆ เราจะรู้ว่าถ้าเราอยากโตขึ้น เราจะทำคนเดียวไม่พอ ต้องมีหุ้น เราก็จะรู้ว่าเราจะเลือกหุ้นส่วนแบบไหน ปัญหาคืออะไร เราต้องมีแนวคิดของตัวเอง มีแกนที่ชัด เพราะอาจมีคนหลายคนทำให้เราเขว”

“แล้วหลังจากนั้นเราจะเอาประสบการณ์ที่สั่งสมมา มาใช้อย่างเป็นธรรมชาติเอง ตัวตนเราจะแน่น ยังมีอยู่ทั้งหมด แต่เราบิดทุกอย่างไปตามสิ่งที่เราเรียนรู้ ก็จะสนุกและลงตัว แล้วเราจะเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ครับ”

คลีโอขอขอบคุณเรื่องราวและกำลังใจจากคุณแป๊ะ วรกฤต สกุลเลี่ยว จากใจ และขอให้เป็นเรื่องราวที่สร้างกำลังใจ และอินสไปร์ใครอีกหลายๆ คน

สนใจลองกะเพราตาแป๊ะ ที่นี่เลย

ซอยประสานมิตร ถนนสุขุมวิท พิกัด : https://goo.gl/maps/sBCn6sEwGURoTHEw9

โทร: 065 3965291 Facebook.com/kapraotapae Line: @kapraotapae

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']