เมย์ ลักษณ์สิญา เพียรรู้จบ ภายใน 5 เดือนกล้ามเธอก็เข้าประกวดได้!
เมย์เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความฮาร์ดคอร์แบบผู้หญิงด้วยกัน ต้องขอมอบมงให้เธอ เพียงใจนึกอยากทำอะไร เธอลุยจนทำสำเร็จ แล้วสิ่งที่เธออยากทำน่ะ มันเกินกว่าผู้หญิงจะจินตนาการได้ เมย์อยากเพาะกล้าม เธอแค่อยากรู้ว่า ถ้าเราลองฝึกตัวเองแบบนักกีฬา เราจะทำได้มั้ย? จิตอันทรงพลัง ร่างกายอันแข็งแกร่งของเธอ ผ่านไปไม่ถึง 5 เดือน เมย์ก็มีกล้ามเป็นลูกๆ แน่นปั๋ง ที่ผ่านมาเป็นปีๆ พอเธออยากมีหุ่นเพรียวๆ แล้ว เมย์ยังบอกว่า “เอากล้ามลงไม่หมดเลย”
แล้วความอยากเกินหญิงของเธอแบบนี้เริ่มมาจากอะไรกัน? เมย์เล่าว่า “ชอบเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็กๆ เป็นนักวิ่งของโรงเรียน แล้วก็เป็นคนที่เป็นภูมิแพ้ตลอดเวลา โดนแดดไม่ได้เลย เป็นจนต้องดรอพเรียนไป เสร็จแล้วก็หาย กลับมาเรียนใหม่ แล้วเรียนจบทำงาน มีลูกคนแรก หุ่นก็ยังกลับมาเหมือนเดิมได้อยู่ แต่พอลูกคนที่สองที่เป็นแฝดนี่สิ หุ่นจากเคยหนัก 38 กิโลกรัม มันดีดไป 48 กิโลกรัม แล้วหน้าท้องใหญ่มาก หุ่นก็ไม่กลับมาอีกเลย”
เมย์เลยเกิดแรงบันดาลใจว่าเธอต้องผอมให้ได้ “เห็นตัวเองแล้วรับไม่ได้ คือจากใส่ไซส์ SS ปรับเป็นไซส์ L หมด” เมย์ตั้งใจว่าเธอจะต้องออกกำลัง และเมย์เรื่อง T25 เป็นวิธีแรกสำหรับเธอ “ตอนนั้นอายุ 31 ก็คิดว่าเล่น T25 แค่ครั้งละครึ่งชั่วโมง ก็เหมือนเราไถๆ มือถือครึ่งชั่วโมง อันนี้เราทำเพื่อตัวเองนะ ตอนแรกๆ ก็เหนื่อย ทำไม่ค่อยได้ แต่พอคิดว่าคนอื่นเขาทำได้ เราก็ต้องทำให้ได้สิ” เมย์ใช้เวลาตอนกลางคืน แอบลูกไปเล่น T25 เธอทำทุกคืนจนเป็นนิสัย แล้วภายในหนึ่งปี หุ่นเดิมของเธอก็กลับมา เมย์หนัก 40 กิโลกรัมแล้ว
แต่พอเวลาผ่านไปอีกไม่ถึงสองปี หุ่นก็พองกลับขึ้นไปอีก ทีนี้เมย์ไปเจอเฟซบุ๊คของน้องคนหนึ่ง ที่อยู่ในวงการเพาะกาย อะไรดลใจเธอสักอย่าง ทำให้เมย์อยากไปลองเล่นดูบ้าง “เห็นน้องเขาแล้วรู้สึกว่าเราอยากทำแบบนั้นบ้าง ก็เลยไปเล่นที่ยิม เจอเทรนเนอรืบอกท่าบิ๊วกล้ามให้เราหมด เราก็ฝึกตาม ทำไปได้สองปี สิ่งแรกคือโรคภูมิแพ้หายกริบ ปกตินี่ถ้าใครเป็นหวัด เราจะติดง่ายมาก แต่นี่ไม่เป็นอีกเลย”
พอแวดล้อมไปด้วยคนเล่นกล้าม เมย์เลยเกิดอาการอยากลองเล่นดูบ้าง “พอเราเริ่มออกกำลังแล้วมีกล้าม คราวนี้ก็เลยอยากมีกล้ามอีก อยากให้มันใหญ่ขึ้น แล้วอยากรู้ว่าชีวิตนักกีฬาเขาทำยังไง” ความอยากรู้นี่ล่ะนำพาให้เมย์บุกไปหาโค้ชนักกีฬาปั้นกล้ามให้เธอ เธอบิ๊วกล้ามที่อยากได้มาภายในไม่เกินห้าเดือน แต่เมย์บอกว่า “เหนื่อยมากๆ และต้องกินเยอะมากๆ เราต้องคำนวณทุกอย่างที่กิน เช่น ต้องกินโปรตีนให้ได้ 3 เท่าของน้ำหนักตัว ต้องกินอาหาร 6 มื้อ กินข้าว 3 เท่าของน้ำหนัก ต้องหลับให้ลึกให้ได้ 8 ชั่วโมง เพราะร่างกายจะซ่อมแซมกล้ามที่ฉีกๆ ให้เราตอนหลับ”
เหตุผลที่เมย์ต้องกิน ต้องเล่นให้หนักเพราะหลักการคือ เมื่อกล้ามเนื้อฉีกขาด ถึงจะซ่อมแซมใหม่ขึ้นมาได้เป็นกล้ามใหม่ลูกๆ แบบที่เราเห็นๆ กัน เมย์เองยังต้องดูอาหารที่กินด้วย เธอต้องเอาไขมันดีไปไล่ไขมันไม่ดี และเธอต้องซ้อมวันละ 2 ครั้ง “เราต้องใช้ความอดทนในระดับหนึ่งเลย ต้องเข้ายิมกลางวันซ้อม กลับไปทำงาน เข้ายิมต่อเย็นซ้อมอีก 2 ชั่วโมง ต้องซ้อมคาร์ดิโอ และโพสท์ท่า อยู่อย่างนี้ทุกวันเป็นเดือนๆ” สิ่งเดียวที่ขับเคลื่อนในใจเธอเสมอระหว่างฝึกซ้อมก็คือ “เราต้องทำได้สิ” เมย์ทำได้จริงๆ เธอสามารถเตรียมเข้าประกวดนักเพาะกายหญิงได้แล้ว
จนมาวันหนึ่งที่เธอได้นั่งสมาธิ แล้วคำพูดอาจารย์ลอยเข้ามาว่า “มันเป็นตัวหลง อย่าไปติด” เมย์แว่บคิดขึ้นมาเลยว่า “มันก็แค่รูปร่าง” แล้วเมย์ก็หักเลี้ยวทันที เธอไม่เข้าประกวดแล้ว ขอเอาเวลามาอยู่กับครอบครัวดีกว่า “คือในความเป็นจริง ประกวดได้รางวัลที่หนึ่ง ได้เงินหนึ่งหมื่น แต่ค่าชุด 8,000 บาท ค่ารองเท้าสองคู่ คู่ละ 2,000 บาท และค่าอื่นๆ อีก รวมๆ น่าจะเป็นแสนบาท ก็เลยตื่นขึ้นมาเลย” เมย์บอกว่าเพิ่งเข้าใจว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ ต้องแลกมาด้วยน้ำตาและความเหนื่อย และเวลาของครอบครัว เมย์เลยเลิกเพาะกายทันที “พอเลิกแล้วก็งงกับตัวเองเลยนะ ว่าเราทำอะไรไปตั้งสี่ห้าเดือน แล้วร่างกายเราดูน่ากลัวขึ้นเยอะเลยด้วย”
เล่นกล้ามว่ายากแล้ว การเอากล้ามลงให้หุ่นผอมเพรียวได้เหมือนเดิมยากยิ่งกว่า “คือเราตั้งใจจะทำอะไรก็อยากทำให้ได้ พอได้สติไม่เล่นกล้ามแล้ว ทีนี้อยากมาผอมเพรียว เอาล่ะสิ ต้องเอากล้ามลง เลยต้องเล่นคาร์ดิโอวันละ 2 รอบ มีวิ่ง มีเดิน ต้องเบิร์นไปก่อน แล้วต้องปรับการกินหมด” เมย์คำนวณการกินเป๊ะเลย วันหนึ่งร่างกายต้องการกีแคลอรี่ ต้องกินอะไรบ้าง แต่ผู้หญิงอย่างเมย์ เรื่องกินไม่ใช่เรื่องยาก เรื่องออกกำลังนี่สิวๆ สำหรับเธอ
ในเวลาไม่นานเมย์ก็เอาหุ่นกลับมาได้ ถึงเธอจะบอกว่ายังเอากล้ามลงไม่หมดก็ตาม คลีโอเลยถามเมย์ว่า ใจขนาดนี้ มีวิธีบอกคนที่อยากปรับหุ่นตัวเองยังไงบ้าง เมย์บอกว่า “ต้องเริ่มตั้งแต่หาเป้าหมายใหญ่ๆ ไว้ นึกภาพตัวเองตอนสวยไว้ แล้วขอให้เชื่อเถอะว่า ถ้าเราออกำลัง ปรับการกินไป 21 วันเท่านั้น เราจะทำจนเป็นนิสัยเลย แค่ไม่กินน้ำตาล มั่นใจมากว่าภายใน 1 เดือนก็จะผอมแล้ว หน้าท้องจะยุบก่อนเลย”
เมย์ยังแนะนำอีกว่าให้กินให้ครบ 3 มื้อ เช้ากินไข่ 2 ฟอง กลางวันกินข้าวสักทัพพี เย็นกินปลา หรือไก่สัก 1 ฝ่ามือ คาร์บไม่ได้ห้าม แต่ให้วันละไม่เกินทัพพี ต้องกินสามมื้อ เพราะร่างกายต้องการพลังงานให้พอ และให้ใช้เครื่องปรุงแบบโซเดียมต่ำ ร่างกายจะได้ไม่บวมน้ำ กินไขมันดีอย่างอัลมอนด์วันละ 12 เม็ด เพื่อไปไล่ไขมันไม่ดีออก เวลาใช้น้ำมันทำกับข้าว ก็เอาแบบสเปรย์ๆ และเป็นน้ำมันมะกอกไว้ กินน้ำให้ได้วันละ 3 ลิตร สำคัญคือต้องตัดน้ำตาลให้ได้!!!
พอได้ฟังเมย์มาถึงตอนนี้จะเกิดแรงฮึดทันที ผู้หญิงที่จิตมุ่งมั่นแบบเธอ อยากมีกล้าม อยากลดหุ่น เธอทำได้หมด แล้วเราล่ะ เราได้ทำอะไรให้ร่างกายตัวเองหรือยัง เมย์แอบบอกว่าถ้าไม่ไหวจริงๆ แอบกินเค้กบ้าง กินอินทผาลัมบ้างเล็กน้อย พอเป็นกำลังใจ แล้วไปลดข้าวเอาก็พอได้อยู่นะ เธอบอกให้รอดูเลย หุ่นจะเปลี่ยนแน่นอน!! และทำอะไรก็เอาแบบบาลานซ์ๆ เข้ากับไลฟ์สไตล์เรา ไม่ต้องสู้เกินร้อยเพื่อจะเอาชนะใจตัวเองเกินไปนะ
คลีโอขอขอบคุณเรื่องราวของคุณเมย์ และแรงขับของเธอ ขอให้สาวๆ มีแรงใจฟิตกันนะ