ถ้าถามว่านักเขียนหญิง กวีหญิงคนไหนที่ดังๆ ในยุค 40-60 บ้าง ก็จะต้องมีสองชื่อนี้ขึ้นมาคือ Sylvia Plath และ Virginia Woolf เธอทั้งสองเป็นนักเขียนและกวีที่เปลี่ยนเรื่องเล่าของผู้หญิงในยุคนั้น งานเขียนของเธอไม่เพียงแต่สะท้อนความรู้สึกนึกคิดของผู้หญิง แต่เรื่องของชีวิตพวกเธอเองก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ทั้งสองมีทางเลือกของชีวิตเหมือนกันในที่สุด คือเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองลง
เหมือนกับกวีหญิงอีกคนหนึ่ง Elise Nada Cowen ไม่มีใครคุ้นชี่อเธอ เอลีสไม่ได้พิมพ์งานออกมาในช่วงที่เธอมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อเธอเสียชีวิตลง งานเขียนของเอลีสก็สะท้อนเรื่องเล่าบางอย่างของผู้หญิงออกมา เราเลยอยากเล่าเรื่องของเอลีส ขอยกย่องเธอในฐานะกวีหญิง ที่พยายามต่อสู้กับตัวเอง บทกวีของเอลีสถ้าใครได้อ่านแล้ว ก็น่าจะสัมผัสถึงหัวใจเธอได้ไม่ยาก เราขอเล่าเรื่องเธอนะ
Elise Nada Cowen เธอเป็นกวีชาวอเมริกัน เธออยู่ในยุคที่เรียกว่า Beat Generation ยุคที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเขียนวรรกรรมอเมริกันในช่วงหลังสงคราม เอลีสมีชีวิตที่อยู่ในภาวะซึมเศร้าอย่างยาวนาน เธอเริ่มมีอาการทางจิตรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเบลล์วิวเพื่อรับการรักษาตับอักเสบ และอาการทางจิตของเธอไปด้วยกัน เธอแอบฝืนคำสั่งของแพทย์และกลับไปยังที่พักของพ่อแม่ของเธอ และที่บ้านพ่อแม่ของเธอนั่นเอง เธอก็ได้กระโดดลอดหน้าต่างห้องนั่งเล่นที่ล็อคไว้ และตกลงมาจากที่สูง 7 ชั้นมาเสียชีวิตที่พื้นในขณะที่เธอมีอายุเพียง 27 ปี
เอลีสมีชีวิตอยู่ในช่วงยุคฟิฟตี้ส์ ช่วงที่เธอเป็นกวี เธอมักจะนั่งอยู่คนเดียวหน้าเครื่องพิมพ์ดีดในหอพักในบรู๊คลิน มีไวน์แดงราคาถูกขวดครึ่งอยู่ข้างๆ เธอ ในห้องเธอไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรนอกจากเตียง และผ้าปูที่นอนสกปรก เธอมักจะห้อมล้อมตัวเองไปด้วยหนังสือที่ถูกขโมยมาจากห้องสมุดทั่วเมือง และเธอมักดื่มไวน์สักขวดก่อนจะโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อพิมพ์บทกวีของเธอ
Someone I could kiss
Has left his, her
Tracks
A memory
Heave as winter breathing
In the snow
Elise Cowen
เอลีสมีชื่อเสียงมากที่สุดมาจากการเป็นสาวกที่อุทิศตนให้กับ อลัน กินสเบิร์ก หนึ่งในนักเขียนยุค Beat Generation ที่ดังที่สุด เอลีสเป็นคนพิมพ์ดีดบทกวี “Kaddish” ให้กับเขา ในวงการของ Beat เอลีสถูกวางให้เป็นสาวกของกวีที่อาศัยอยู่ในเงาของอลัน กินสเบิร์ก นักเขียนกลุ่มนี้มีมุมมองต่อผู้หญิงเป็นเพียงในฐานะแฟน และคู่รัก และเป็นผู้สนับสนุนที่สำคัญของศิลปินในแง่ที่พวกเธอทำอาหาร ทำความสะอาด พิมพ์ และทำให้ผู้ชายมีความคิดสร้างสรรค์ได้ มีผู้หญิงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นศิลปิน มีนักเขียนหญิงหลายคนที่เขียนถึงเรื่องนี้บอกว่า พวกเธอไม่สามารถมีคุณค่าต่องานเขียนได้ พวกเธอถูกวางให้แค่อยู่ในบ้านเท่านั้น เอลีสเคยเขียนบทกวีหนึ่งไว้ว่า
Sitting with you in the kitchen
Talking of anything
Drinking tea
I love you
“The” is a beautiful, regal, perfect word
Oh I wish you body here
With or without bearded poems
Elise Cowen
เกรกอรี่ คอร์โซ กวีชาวอเมริกันที่มีบทบาทสำคัญกับ Beat Generation เคยให้เหตุผลไว้ว่าทำไมวันนี้จึงมีผู้หญิงไม่กี่คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ Beat Generation เขาบอกว่า “มีผู้หญิงอยู่ พวกเขาอยู่ที่นั่น….ครอบครัวของพวกเขา ทำให้พวกเขาอยู่ในนั้น แต่พวกเขาถูกไฟฟ้าช็อตไว้ ในยุค 50 ถ้าคุณเป็นผู้ชาย คุณอาจเป็นกบฏ แต่ถ้าคุณเป็นผู้หญิง ครอบครัวของคุณก็ขังคุณไว้” เอลีส โคเว็นในเวลาส่วนใหญ่ทุกข์ทรมานกับภาวะซึมเศร้า จอห์นสัน เพื่อนสนิทคนหนึ่งของเธอเคยเขียนถึงเธอไว้ว่า “ฉันมักคิดว่าเอลีสเกิดเร็วเกินไป เธออยู่ในช่วงเวลาที่ต้องอดทนต่อพฤติกรรมที่ไม่เป็นไปตามสิ่งที่ผู้หญิงควรจะเป็น ถ้าเธอเกิดหลังจากนั้น เธอคงรอดชีวิตมากได้ เพราะเอลีสไม่สามารถปกปิดสิ่งที่เธอเป็นได้ เธอไม่สามารถสวมหน้ากากเหมือนที่ฉันทำ และผ่านเข้าออกจากโลกโดยตรงได้”
เอลีสมีปัญหาในความสัมพันธ์กับผู้ชาย เธอเคยเป็นคู่รักของอาจารย์คนหนึ่งของเธอ และเป็นแม่บ้าน ทำอาหาร เป็นพี่เลี้ยงลูกให้เขาด้วย เธอทำเพราะเชื่อในงานของเขา และเธอก็ทำซ้ำแบบเดียวกันกับอลัน กินส์เบิร์ก เอลีสยอมรับทุกอย่างในความเป็นเขา และหลังจากที่เธอเลิกกับเขา เอลีสก็เริ่มมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่ชื่อว่าชีล่า และเมื่อสุขภาพจิตของเธอแย่ลง การอยู่ในโลกก็ยากขึ้นสำหรับเธอ เอลีสมีปัญหาในการทำงาน เธอดื่มรุนแรงขึ้น เธอทำงานพิมพ์สคริปต์ให้กับสถานีโทรทัศน์อยู่พักหนึ่ง แต่เธอถูกไล่ออก และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกไล่ออก จนตำรวจเข้าไปอุ้มเธอออกมา และหักแว่นตาของเธอ ต่อยเธอที่ท้อง เธอกลับไปอยู่กับพ่อและแม่ และกลายเป็นคนหวาดระแวงขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่เอลีสเสียชีวิต เพื่อนของเธอเอาบทกวีของเธอไปตีพิมพ์ สำหรับเรา ไม่ว่าเธอจะถูกให้อยู่ภายใต้เงาของนักเขียนชายขนาดไหน หรือเธอจะต่อสู้กับโลกตรงหน้าไม่ได้ ต้องอยู่ด้วยความทุข์กับความรู้สึกตัวเองแค่ไหน แต่เราว่าบทกวีของเอลีสสวยงาม เรียบง่าย ตรงชัด อ่านแล้วรู้สึกว่าหัวใจของผู้หญิงคนนี้จริงๆ เธออาจจะต้องการแค่ ได้ทำงาน มีคนอ่าน มีคนยอมรับงานของเธอบ้าง มีความรัก อยู่กับคนที่เธอเทิดทูน เอลีสอาจต้องการแค่นั้นจริงๆ นะ
The first eye opens by the sun’s warmth
To stare at it
The second eye is ripped open by an
Opothecary & propped with toothpicks,
Systems & words
And likes to blink in mirrors
I only know there may be more because
One hurts when I think too much
The first eye is blind
There is no other
Ref: the-toast.net
Elise Cowen