ฉันไม่โชคดีพอที่จะมีผู้ชายสักคน “มองเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็น”

ฉันไม่ได้โชคดีแบบนั้น ฉันไม่ได้โชคดีพอที่จะมีผู้ชายสักคนมองเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็น มองเห็นความเจ็บปวดของฉัน และอยากฉุดฉันขึ้นไป ไม่มีวิธีไหนอีกแล้วที่ฉันจะบอกตัวเองได้ดีไปกว่า “ยอมรับความจริงเถอะ” ทุกครั้งเวลาที่ฉันเห็นใครๆ เขารักกัน ความหวังในใจ ความเพ้อทุกครั้งที่กดแอปสีดำแดงเพื่อเลือกซีรีย์เกาหลีเรื่องใหม่ โจทย์ของฉันไม่มีอะไรมาก ต้องเป็นเรื่องที่ฉันสามารถสมมุติตัวเองเป็นนางเอกในเรื่องได้ แล้วจินตนาการต่อว่า บางทีฉันอาจจะเจอผู้ชายในชีวิตจริง ที่เป็นเหมือนพระเอกในเรื่อง หนังสือฮาวทูบอกว่า ให้คิดว่าอยากได้ผู้ชายแบบไหน ลิสต์ออกมาให้เยอะที่สุด แล้วตัดออกให้เหลือสัก 10 ข้อว่านั่นคือคุณสมบัติผู้ชายที่อยากได้ ฉันลองทำและกุมลิสท์นั้นไว้แน่นในกระเป๋าสตางค์ เอามาเปิดอ่านบ่อยๆ ด้วย บางทีที่เขาบอกว่าคืนพระจันทร์เต็มดวง พระจันทร์จะมอบพลังงานของความรักดูดใครให้เข้ามาในชีวิต ฉันจะเอาลิสท์นั้น ออกไปหาแสงจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วนึกถึงเขา แน่นอนว่าฉันมีความเชื่อ ยังคงเชื่อ และก็จะเชื่อต่อไป เรื่องราวในโทรศัพท์กับเพื่อนสาว เราจะวนเวียนกันที่ซีรีย์ที่เพิ่งดู กรี๊ดพระเอก อยากบินไปเกาหลี แล้วเราก็จะกลับมาที่เรื่องของเรากัน ทำไมเพื่อนคนนั้นได้แฟนดีจัง แฟนเขาพาไปเมืองนอกบ่อยมากเลย เขาไปทริปกันอีกแล้ว ฉันกับเพื่อนก็ได้แต่พยายามหาเรื่องเน่าๆ ในเรื่องรักของคนอื่น “แต่พวกเขาอาจมีอะไรไม่แฮปปี้ก็ได้นะ พวกเราไม่มีทางรู้หรอก” มันคงเป็นคำปลอบใจที่เราบ่นให้กันฟัง แต่ฉันก็ยังไม่มีใครเข้ามาในชีวิตอยู่ดี “ที่เธอเหนื่อยเพราะไม่มีคนรักหรือเปล่า?” ประโยคจากเรื่อง My Liberation Notes หัวหน้าของพี่สาวนางเอกถามขึ้นมา หลังจากที่เธอมาทำงานแล้วบ่นว่าเหนื่อยๆๆๆๆ ทำไมชีวิตฉันถึงเหนื่อยขนาดนี้ […]

คุณหมอสา-Guardian Diamond พี่สาวที่เปิดประตูลับ ช่วยเคลียร์พลังงานลบให้คุณพบความสำเร็จ

ตั้งแต่เข้าปี 2024 ที่ผ่านมา คลีโอขอบอกว่านี่เป็นการสัมภาษณ์ที่เบิกเนตรให้เรารู้สึกมีความหวังและกำลังใจ รู้สึกว่าจักรวาลมอบของล้ำค่าเอาไว้ให้เราเสมอ เป็นเรื่องไม่บังเอิญที่ทำให้เราได้เจอกับคุณหมอสา หรือหลายคนรู้จักเธอในชื่อ Doctor Diamond กับฉายาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพชรที่ไม่ได้จบแพทยศาสตร์ แต่เป็นผู้ที่ช่วยเยียวยาให้ความรู้กับคนที่สนใจเรื่องเพชร รวมทั้งก้าวเข้ามาแก้ปัญหาชีวิตด้วยพลังของ “เพชรดิบ” ที่ค้นพบพลังงานอันยิ่งใหญ่นี้จนกลายมาเป็นแบรนด์ Guardian Diamond ที่สายมูบอกว่ามาลองแล้วขนลุกซู่ทุกคน ลูกสาวครอบครัวคนจีนที่ฝึกค้าขายตั้งแต่เด็ก “ตอนเด็กไม่รู้ว่าเราอยากเป็นอะไร พ่อแม่อยากให้เรียนที่เอแบค เพราะเห็นว่าเราภาษาดีมาตั้งแต่เด็ก เราไม่มีฝันเลย เป็นเจเนอเรชั่นที่ที่บ้านเป็นคนจีน ดังนั้นก็จะมีบอกแค่ว่าต้องมาช่วยพ่อแม่นะ เราก็รู้สึกว่าเราต้องทําไปจนตลอดชีวิต ไม่เคยมีความคิดอื่นเลย ที่บ้านทำธุรกิจขายเพขร เรียนจบมาให้ไปเรียนดูเพชรนะ เราก็ไป ซึ่งเรียนดูเพชรของสถาบัน GIA ซึ่งตอนนั้นมีสาขาในประเทศไทย เป็นโรงเรียนเล็กๆ ในยุค IMF ค่ะนานมากแล้ว” “คุณพ่อคุณแม่พยายามหนักมากในการส่งเราเรียนนะคะ จําได้เลยว่าแม่ให้เราเดินเข้าไปถามแล้วขอตีเช็ค 4 ใบจ่ายค่าเทอมได้ไหม ช่วงนั้นเราก็รู้เลยว่าชีวิตไม่ได้ง่าย ต้องเรียนให้จบกลับไปช่วยเขา เพราะแม่ก็จะพูดตลอด ตาแม่ก็เริ่มไปแล้วนะ เหมือนเขามาเปิดร้านตอนประมาณ 40 กว่าแล้ว ดังนั้นจะให้เค้าดูเพชรไปตลอดก็เป็นไปไม่ได้ เราเริ่มทําทุกอย่างตั้งแต่เสิร์ฟน้ํา เช็ดตู้ วิ่งงาน บางทีมีงานช่าง เราก็ขับรถออกไปเอง เดินส่งของส่งงาน แม่จะเหน็บเราไปด้วย […]

5 วัดปังในฮ่องกง ขออะไรเทพให้รัวๆ

“เก่งอย่างเดียวแต่ไม่เฮงก็ประสบความสำเร็จยาก” คำพูดนี้ดูจะไม่เกินความจริงไปสักเท่าไหร่นัก ในปัจจุบันเป็นยุคที่วัยรุ่นกำลังสร้างตัว หลายๆคนที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจบางคนบอกว่าเกิดจากความสามารถของตัวเอง แต่หลายๆคนเปิดเผยความลับว่าส่วนหนึ่งมาจากการมูในสถานที่ที่มีพลังงานประกอบกับพิธีกรรมที่ถูกต้องทำให้มีทั้งพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และกำลังใจในการประกอบธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

“อกหัก” คือสิ่งยอดเยี่ยมที่เกิดกับฉัน ฉันเลิกโกหกตัวเองสักที

เราอย่าเพิ่งกลัวการอกหัก หรือการเลิกกับใครนะ เพราะเหตุการณ์จี๊ดในหัวใจนี้ จะนำพาคุณไปเจอตัวเอง เจอสิ่งใหม่ เจอโอกาสดีๆ ในชีวิตมากมาย เหมือนกับที่ เอมม่า กิบบ์ส นักเขียนและโปรดิวเซอร์รายการทีวีของออสเตรเลียเจอมา เธอเอาสิ่งนี้มาพูดในเท็ด ทอล์ค หมัดฮุคเลยคือเธอบอกว่า “อกหักไม่เพียงแต่จะทำให้เธอเห็นหัวใจตัวเอง ยังทำให้เธอเลิกโกหกตัวเอง และก็เลยเลิกโกหกทุกสิ่ง เรื่องดีๆ ในชีวิตเลยสาดเข้ามาเต็มๆ เลย” เอมม่าเล่าว่า…. ชีวิตฉันเหมือนจะดีนะ ฉันได้ทำงานที่ฝัน อยู่ในเมืองที่ดี “แต่ฉันกลับไม่มีความสุข ฉันโกหกตัวเองทุกวันว่า เดี๋ยวมันก็จะดีเองแหละ” ฉันใช้ชีวิตไป 3 ปีเต็มที่โกหกตัวเอง และบอกตัวเองว่าสิ่งนี้เป็นไปตามแพลนแล้วนะ ในขณะที่หัวใจฉันบอกว่า “เฮ้! เธอมีปัญหาแล้วล่ะ” ฉันใส่เสียงนี้เอาไว้ในตู้ และเอาความคิดควบคุมมันเอาไว้ ฉันคิดว่าถ้าฉันพยายามมากพอจะทำให้ทุกสิ่งเวิร์ค มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่สิ่งที่ฉันได้รับคือ ทั้งกาย อารมณ์ จิตวิญญาณของฉันมันเหือดแห้งมาก ฉันกลายมาเป็นคนที่ขึ้นอยู่กับแผนในชีวิต ฉันไม่ไปเจอเพื่อน ไม่ไปเที่ยวไหน ไม่เจอครอบครัว ไม่เจอใครใหม่ๆ และฉันไม่อยากทำงานกับแพชชั่นของตัวเอง ฉันมัวแต่หาทางซ่อมสิ่งที่ไม่ใช่ของชีวิตฉัน ความตลกก็คือในขณะที่คุณกำลังพยายามทำให้แผนชีวิตของคุณเวิร์ค แล้วคุณก็ต้องฝืดมากๆ นั่นน่ะ คุณเริ่มจะคิดแล้วว่า “แล้วทำไมฉันต้องมีแผนนั้นตั้งแต่แรกนะ” ฉันเริ่มลืมว่าทำไมฉันถึงอยากเป็นนักเขียน […]




Love, Relationship

ผู้ชายที่รักผู้หญิงคนหนึ่งอย่างแท้จริง เป็นแบบนี้นี่เอง



ความรักที่โลกของเธอ

คือโลกของฉัน ของรันและจอนนี่

“เรามาเจอกันตอนที่เขากำลังมีไฟ มีความฝัน ส่วนเราเป็นเด็กติดเที่ยว ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต ฝันสูงสุดของเขาคือต้องให้โลกจดจำ แต่ของเราก็แค่ผ่านชีวิตไปวันๆ”

แต่ผู้ชายที่มีฝันอันยิ่งใหญ่คนนี้ล่ะ ยืนหยัดจะอยู่เคียงข้าง จูงมือผู้หญิงคนนี้ และร่วมสร้างฝันของเขาสองคนไปด้วยกัน

วันนี้รันและจอนนี่ จากคนรักที่เจอกันในที่เที่ยวกลางคืน เด็กสาวที่โลกของเธอคือเที่ยว สนุกไปวันๆ เขาสองคนเปิดบริษัทโปรดัคชั่นสร้างงานคุณภาพด้วยกัน มีบ้าน มีหมา มีทีมงานด้วยกัน เขาช่วยกันทำงาน จอนนี่สอน รันเชื่อ จอนนี่ลงมือทำ รันโปรดิวซ์ เขาแชร์ฝันไปด้วยกัน และแน่นอนว่า เขามีความสุข มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ คลีโอได้คุยกับรัน รันนา สาววัย 30 กับเรื่องรักของเธอกับจอนนี่ หนุ่มไทยลูกครึ่งจีนวัย 34 ปี

นี่คือความรักอันลึกซึ้งแท้จริง ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง When a Man Loves a Woman จอนนี่คือแอนดี้ การ์เซียในหนังเช่นนั้นเลย โลกมีจริงๆ นะผู้ชายแบบนี้ เหมือนกับที่รันบอกว่า

“หนูคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่ ไม่มีทางที่หนูจะเจอใครแบบผู้ชายคนนี้อีก ไม่มีทางจริงๆ”

รันเป็นเด็กสาวมาจากต่างจังหวัด ที่บ้านของเธอพ่อกับแม่เปิดร้านอาหาร รันเป็นลูกคนเดียว เธอเจอจอนนี่ในที่เที่ยว และก็ได้คบกับเขา “เขาเข้ามาในชีวิตช่วงเราอายุ 22-23 ก็กำลังติดเที่ยวเลย เป็นช่วงพีคของผู้หญิงที่ไม่สนใจอะไร ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่มีความฝันอะไรเลย ตอนคุยกับเขาแล้วเขาเล่าความฝันให้ฟัง ว่าเขาอยากเป็นอะไรให้คนจดจำ เรายังแอบอิจฉาเขาเลยว่า ทำไมเราไม่คิดแบบนั้นบ้าง”

จอนนี่เองเป็นลูกครึ่งจีน คุณพ่อแยกทางกับคุณแม่ พ่อของจอนนี่เป็นผู้กำกับทำหนังอยู่ที่จีน ส่วนแม่เป็นอดีตนักร้องโอเปร่า และมาเปิดธุรกิจที่ไทย จอนนี่ได้เรียนมหาวิทยาลัยในไทย เขาฝึกกีตาร์ ร้องเพลง ทำเพลง และได้เป็นนักแสดง จอนนี่ยังมีความสามารถเรื่องการเป็นผู้กำกับ ตัดต่อ เขามีทั้งงานเล่นดนตรี งานแสดง และทีมโปรดัคชั่นเล็กๆ เขามาเจอรัน ตอนที่รันเล่าว่า “หนูนิสัยไม่ดีเลย ใจร้อน พูดจาหยาบคาย ใครบอกอะไรก็ไม่ฟัง ชอบคิดว่า ก็เราเป็นคนตรงๆ แบบนี้จะทำไม รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับสิ” การมีจอนนี่เข้ามาในชีวิตรัน จึงเหมือนเรียกได้ว่า หักดิบทุกสิ่งในตัวรัน เพราะเขาคืออีกด้านที่รันไม่มี

“เขาเป็นคนที่ไม่เคยว่าเรา ไม่เคยตัดสิน ไม่เคยบอกว่าเราผิดเลยนะ แต่เขาจะทำให้เราคิดเองได้ เขาทำให้เราเห็นเหตุผลว่า ที่เราเป็นแบบนี้มันดีกับเราหรือเปล่า มันดีกับใครมั้ย แล้วถ้าไม่ดี เราแฮปปี้หรือ เราชอบตัวเองหรือ?”

รันบอกว่าจอนนี่ใจเย็น วันที่เขาตัดสินใจคบกับเธอ เขาก็จะมั่นคงไม่เปลี่ยน ถ้ามีอะไรที่รันทำไม่ได้ จอนนี่ไม่เคยปล่อยไป แต่ก็ไม่เคยว่าเลย “อย่างถ้าหนูขับรถแล้วเหวี่ยงยาม เขาจะบอกว่าทำไมทำแบบนั้นใส่คนอื่น ทำไมเราต้องทำตัวเป็นวันที่ไม่ดีของเขาด้วย เขาไม่ว่านะ แต่ทิ้งให้เราคิด เรารู้แต่ว่าเขาไม่ชอบตัดสินใคร อย่างถ้าเรานินทาเพื่อน เขาจะบอกเลยว่า เราไม่มีทางรู้ว่าเพื่อนเราเขาเป็นแบบนั้นทำไม เขาอยากให้เราคิดได้เอง

จอนนี่ค่อยๆ ซึมเข้ามาในชีวิตรัน เขาไม่ได้เปลี่ยนเธอ แต่เขาทำจนเธอเปลี่ยนตัวเองไปได้เอง เหตุการณ์หนึ่งที่เป็นจุดหักดิบของรันอีกเหตุการณ์ก็คือ “เรามีไปทำอะไรที่ไม่ดีกับเพื่อน เพื่ออยากน้ำหนักลด อยากสวย แล้วปิดไม่ให้จอนนี่รู้ แต่เขาก็รู้เพราะเขาได้กลิ่น พอเขารู้ก็บอกเราทันทีว่า ถ้าไม่เลิกทำ จะต้องเลิกกับเขา ตอนแรกก็ยังเลิกไม่ได้นะ คอยหลบๆ เขา แต่เขาก็มาเปรยๆ อีกว่า อะไรไม่ดีเอาออกไปจากชีวิตเถอะ คราวนี้เรารู้เลยว่าเขาเอาจริง ก็เลยหักดิบ เพราะเราไม่อยากเสียเขาไป

รันไม่คิดว่าจอนนี่จะจริงจังกับเธอขนาดนี้ เพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่มีเป้าหมายในชีวิตอะไร ต่างจากเขามาก แต่การกระทำของเขานั่นแหละที่ทำให้เธอต้องหันไปอีกทาง “หลังจากนั้นเขาก็จะคอยถามว่าเราอยากทำอะไร พอรู้ว่าเราชอบอะไรนิดเดียว เขาจะสนับสนุนทันที เราชอบกินขนมมาก เขาเลยส่งเราไปเรียนทำขนม เขาซื้อเตาอบเล็กๆ ให้หัดทำ อย่างภาษาอังกฤษเราอ่อน เขาก็ซื้อคอร์สให้เรียน คือเขาจะหามาให้ทุกอย่าง เพื่อให้เราหาตัวเองให้เจอ

สิ่งที่จอนนี่ทำให้รันทำให้เธอรู้สึกว่า เขาคงอยากมีเธอในชีวิตจริงๆ เขาพยายามทำให้เธอร่วมทางเดินไปกับเขา ทำให้รันคิดได้ว่า..

“ถ้าเราไม่เปลี่ยนตัวเอง ก็คงไม่มีเขาในชีวิต”

แต่สิ่งนี้ยากสำหรับรันมาก เพราะเธอโตมาแบบที่มีเงินทุกเดือนที่พ่อแม่ส่งมาให้ ชิลล์ ไม่ต้องพยายามอะไร เขาออกจากบ้านไปทำงานแต่เช้า แต่รันนอนดูหนังทั้งวัน เขากลับมาเธอก็ยังดูหนังอยู่ที่เดิม จนเขาบอกเธอว่า

“วันหนึ่งจะเสียดายเวลานะ เวลาจะกลับคืนมาไม่ได้นะ”

จนมาถึงวันที่รันรู้สึกว่า “หนูสะอึกขึ้นมาเลยว่า นี่เราทิ้งเวลาไปขนาดนี้เลยหรือ”

รันเริ่มลุกขึ้นมาตั้งใจว่าเป็นตายยังไงก็ต้องทำอะไรสักอย่าง เขาชอบกล้อง มีงานโปรดัคชั่น รันจึงไปช่วยงานเขาบ้าง แล้วพอเขางานเยอะขึ้น เขาก็เริ่มเปิดบริษัทกับเธอ ให้รันจัดการเรื่องเงินทุกอย่าง “ยากเลยสำหรับเรานะ จากคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย เขาให้ดูแลเรื่องเงินให้หมด ขนาดเงินเดือนของเขา เรายังเป็นคนจ่ายให้ พอดีกับช่วงที่มีงานใหญ่เข้ามา เขาเลยชวนเราเปิดบริษัทเลย คือเรียกได้ว่าชีวิตพลิกเลย” รันเปิดบริษัทชื่อจินโตะ กับจอนนี่ แต่เธอเองก็มีความสงสัย ว่านี่คือสิ่งที่เธออยากทำหรือเปล่า ก็ได้เขาอีกนั่นล่ะบอกเธอว่า

“เราไม่ได้กำลังสร้างอะไรด้วยกันหรือ อยากทำด้วยกันมั้ย ถ้าอยากทำก็ทำด้วยกันเลย”

คราวนี้รันต้องลุยแล้ว เธอบอกว่าเธอกลายเป็นเจ๊ไปเลย “เขาให้ดูแลเรื่องเงินหมด ทุกวันต้องรอเงินเดือนจากหนู หนูเซ็นต์อย่างเดียว เงินจะซื้อของส่วนตัว เขายังไม่มี ต้องให้เราเป็นคนจ่าย เขาต้องถามตลอด หนูเลยรู้สึกเหมือนเจ๊ เพราะเขาไม่มีเงินแล้ว เขาเอาเงินมาให้เราหมด แต่งานทั้งหมดเขาเป็นคนทำนะ เขาบอกที่ทำอย่างนั้น เพราะอยากให้เรารู้สึกร่วม”

ด้วยความที่จอนนี่สู้ชีวิตของเขาเองมาตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 เขาจึงเป็นคนสอนทุกอย่างกับรัน และตั้งใจจะปั้นเธอให้เก่งให้ได้ “เขามีวิธีกดดันหนูนะ เวลาที่หนูกลัว ต้องรับบรีฟลูกค้า เขาจะบอกว่าไม่ต้องกลัว ให้เตรียมตัวให้ดีก่อน ให้หาข้อมูล เช็คให้ละเอียด เขาสอนตำแหน่งงานในโปรดัคชั่น เอาไบเบิ้ลการเป็นโปรดิวเซอร์มาให้ดู มีสตูดิโอที่ไหน ค่าเช่าอะไรกี่บาท เขาให้หนูจดลงสมุดให้หมด” จอนนี่สอนรันไปเรื่อยๆ เขาฝึกเธอให้ต้องสู้ด้วยตัวเอง “คือถ้าหนูไม่กล้า บอกให้เขาไปคุยกับลูกค้า เขาจะไม่คุยนะ ให้หนูต้องคุยเอง เขาใจแข็งขนาดที่ไม่ทำจริง ๆนะ แล้วหนูเครียดมาก จนสุดท้ายก็ต้องกลั้นใจทำ เสียงสั่นเลย”

ความรักของผู้ชายคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่รัก สำหรับจอนนี่เขาอยากให้รันหาความหมายในชีวิตให้เจอ เพราะเขาเชื่อว่านั่นจะทำให้รันมีความสุข ภูมิใจในตัวเอง แล้วเขาก็คิดถูก ทั้งสองคนจับมือทำงานด้วยกัน รันจากเด็กที่ทำอะไรไม่เป็น เธอกลายมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้จอนนี่แล้ว มีจอนนี่ ต้องมีรัน จนเพื่อนรันทุกคนไม่เชื่อที่เธอเป็นได้ขนาดนี้ “เพื่อนๆ ไม่เชื่อเลยว่าหนูมาขนาดนี้ได้ไง มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย คือหนูเนี่ยแค่คิดคำสื่อสารกับคน หนูยังทำไม่ค่อยได้เลย มันเลยดูไม่น่าเชื่อมากๆ”

และจอนนี่ยังไม่เคยว่ารันอีก “เขาเป็นคนที่ไม่ว่า แต่บอกว่าถ้าเราไม่รู้ให้ถาม เรามีทะเลาะกันนะ แต่เดี๋ยวนี้เรื่องทะเลาะจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก่อนเป็นเรื่องที่หนูดื้อ ไม่ยอมทำ แต่ตอนนี้ทะเลาะเรื่องไอเดียในงานนั้นมากกว่า” สิ่งที่รันรู้สึกว่าเปลี่ยนไปก็คือ ชีวิตเธอมีความหมายแล้ว “หนูรู้สึกเลยว่าเวลาเราทำงาน เราชอบงาน มันเหมือนจุดพลุในใจ อ๋อ มันรู้สึกแบบนี้เองเนอะ เราได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้แล้ว ชีวิตมีความหมายขึ้นมาเลย

รันบอกว่าจอนนี่เป็นคนมีไฟตลอด ไม่เคยเหน็ดเหนื่อย ทำงานถึงเช้า มีไอเดียหลากหลายตลอด ใจเย็น ยิ้มเสมอ ถ้าใครเคยทำงานกับจอนนี่ จะไม่เคยเห็นเขาเหวี่ยงแม้แต่นิดเดียว เขาคุมเกมได้ สุภาพ และเขาไม่เคยต้องรอให้ใครมาเติมไฟให้ เขาเติมเองได้ “หนูว่าถ้าฝันเขาอยู่บนยอดเขา เขาเดินมาเกือบถึงกลางภูเขาแล้วนะ เขามีภูเขาลูกใหม่เพิ่มขึ้นตลอด ต้องรู้จริง ทำจริง ต้องทำอย่างดีด้วย แล้วต้องรู้ว่าทำอะไรไปเพื่ออะไร เขาไม่คิดตื้นด้วย”

เหนือสิ่งอื่นใดคือจอนนี่คิดจะดูแลรันไปตลอดชีวิต “ตอนแรกเราอยู่ทาวน์โฮม หนูเองนั่นแหละอยากมีบ้าน เขาก็ไปหาบ้านทันที ย้ายเลย เขาคิดตลอดว่าต้องดูแลหนูให้ได้ เขาจะทำให้หนูสบาย เขาก็เลยไปหาบ้านให้” รันเองยังเคยสงสัยในตัวเอง ว่าผู้หญิงที่ไม่ได้มีคอนเน็คชั่น ไม่ได้ทำอะไรเก่งแบบเธอ ทำไมผู้ชายที่ดีคนนี้ถึงยังเลือกเธอ “หนูเคยบอกเขาว่า ถ้าเธอมีแฟนที่มีคอนเน็คชั่นเยอะๆ คงเสริมเธอนะ เธอจะพุ่งมากๆ เลย เขาบอกหนูกลับมาว่า “แล้วเธอไม่ดีตรงไหน?” เขาบอกอีกว่า..

“ถ้าเธอคิดว่าฉันไม่มีเธอ ฉันจะทำมาได้ขนาดนี้เหรอ?”

ในความเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ได้เจอผู้ชายเช่นนี้ “ในชีวิตหนู ไม่มีทางหาคนดีแบบนี้ได้แล้ว หนูบอกเพื่อนเสมอว่า ถ้าหาผู้ชายรวย ก็หาได้นะ แต่จะหาคนที่อยู่กับเขา แล้วเรารู้ว่าเขาไม่มีวันทิ้งเราน่ะ ไม่มีหรอก หนูรู้เลยว่าวันหนึ่งถ้าเราไม่มีเงินสักบาท จอนนี่ก็จะทำให้เรากลับมามีเงินได้ ไม่มีทางที่เขาจะทิ้งเราไว้ตรงนั้น”

คลีโอรู้จักจอนนี่กับรันมาหลายปีแล้ว สองคนนี้เรียบง่าย รักกันแบบไม่ต้องบอกโลก จอนนี่เป็นผู้ชายมีความสามารถที่ถ่อมตัวที่สุด รันก็น่ารักสดใส แววตาเหมือนกวางตลอดเวลา รันดูแลทั้งจอนนี่และคนรอบตัว เธอน่ารัก ง่ายๆ ไม่คิดเยอะ แอบถามรันว่าแล้วหึงจอนนี่มั้ย เขาก็หน้าตาดี นิสัยดีขนาดนี้ “ไม่หึงเลย เพราะเขาไม่เคยมีทำอะไรให้ต้องสงสัย หรือต้องหึงแม้แต่นิดเดียว” ถามเรื่องแต่งงาน รันก็บอกว่า “เราอยู่กันแบบนี้มันเกินกว่าแต่งงานแล้ว งานแต่งงานไม่จำเป็นเลย”

ทั้งสองทำงาน ไปเที่ยว ทำอาหาร เลี้ยงหมา ดูแลทีมงาน และทุกคืนก่อนนอน รันกับจอนนี่จะมานั่งเขียนบุลเล็ท เจอร์นัลด้วยกัน ว่าเขาทำอะไรสำเร็จกันไปบ้าง เขามีอะไรที่ต้องทำเพื่อเข้าใกล้ฝันกันบ้าง ถ้าใครได้อยู่ใกล้ๆ จอนนี่และรัน จะรู้สึกเลยว่าอบอุ่น แล้วความน่ารักของทั้งสองมันแผ่ออกมาจริงๆ

คลีโอขอขอบคุณเรื่องราวของรันและจอนนี่ และความรักน่ารักๆ ของเขาทั้งสอง

#CleoLove

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']