12 หนังรักที่เกี่ยวกับการ “หย่าร้าง” ดูแล้วมีกำลังใจมูฟออนเลย

ถ้ารักให้สุดแล้ววันหนึ่งต้องมาหย่ากัน ก็ถือว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ใครที่กำลังเจอสภาวะแบบนี้ อยากหาอะไรมาอัพให้ใจฟูๆ บ้าง ลองดู 15 หนังความรักที่ต้อง “หย่าร้าง” นี้นะ ไม่ได้แย่อย่างที่คิดแน่นอน ถ้าไปต่อไม่ได้ แล้วต้องจบกันไป ต่างคนต่างแยกย้าย อาจมีความรักใหม่ หรือมีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าไปเลย คนที่รักกัน แต่งงานกันมา แล้วต้องมาถึงทางแยก “หย่าร้าง” กัน ความจริงก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่นะ คนเรามาค้นพบหัวใจตัวเองทีหลังได้ หรือพยายามแล้วไปกันไม่รอด หรืออาจจะเจ็บปวดในตอนแรก แต่ดีกว่าฝืนกันไป คลีโอมีหนังเกี่ยวกับการ “หย่าร้าง” มาให้ลองไปดูกันนะ เริ่ดทุกเรื่อง!! 1.Kramer VS. Kramer หนังดังที่คอหนังยุค 80’s ไม่มีใครพลาดเรื่องนี้ ประชันกันเลยทั้งเมอรีล สตรีพ และดัสติน ฮอฟฟ์แมน เป็นหนังที่ตามล่าความดราม่ากันในศาล ที่เป็นเรื่องของเบื้องหลังครอบครัวสุดเพอร์เฟ็คท์ โจอันนา นางเอกได้ลุกขึ้นมาหลังจากเธอขอหย่ากับเท็ด ว่าเธอต้องการสิทธิ์ในการเลี้ยงลูกชายของเธอ เขาไม่ยอม ก็เลยต้องฟาดกันในศาล เป็นเรื่องความซับซ้อนของจิตใจของคนเรา ความเชื่อของคนเป็นแม่ที่คิดว่าตัวเองเลี้ยงลูกได้ดีกว่า และคนเป็นพ่อที่ไม่เข้าใจว่าเขาจะด้อยกว่าเรื่องเลี้ยงลูกตรงไหน หนังเข้มข้นในทั้งบทและการแสดง เรื่องนี้ได้รางวัลออสการ์ไปถึง 5 รางวัลเลยล่ะ 2. […]

Schwarzkopf ‘Natural & Easy’ สีผมสวยแบบมือโปรด้วยพลังธรรมชาติ ทวงคืนความอ่อนวัยแบบไม่ตกเทรนด์

Schwarzkopf (ชวาร์สคอฟ) แบรนด์สีผมตัวจริงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 120 ปี คว้า แจ็คกี้ ชาเคอลีน นักแสดงสาวมากความสามารถ เปิดตัว แชมพูปิดผมขาว ‘Schwarzkopf Natural & Easy’ 3 เฉดสี จับเทรนด์สีผมที่ไม่จำกัดอยู่แค่เฉดสีเข้มเดิม ๆ อีกต่อไป

เจ้าของฟาร์ม “บ้านสวนปรีดา” กับหมวกคู่ใจจาก UPTOYOU ที่พร้อมลุยในทุกๆวัน!

ทางคลีโอได้มีโอกาสสัมภาษณ์พี่ต้อง เจ้าของฟาร์มบ้านสวนปรีดา ต้องบอกเลยว่าน่าสนใจมากๆ ด้วยวิธีการเล่าเรื่องของเธอทำให้รู้เลยว่าเธอรักในสิ่งที่ตัวเองทำจริงๆ เธอรักสัตว์ทุกตัวที่เธอเลี้ยง และคำว่าฟาร์มของเธอแตกต่างจากคนอื่นเพราะเธอไม่ได้หวังผลประโยชน์จากพวกสัตว์น่ารักๆเหล่านี้เลย…ความตั้งใจของพี่ต้องคืออยากให้ทุกคนได้มาเอ็นจอยร่วมกัน ณ บ้านสวนปรีดาแห่งนี้โดยที่ไม่ต้องนึกถึงความเครียดใดๆ แค่มีความสุขกับธรรมชาติและสิ่งรอบตัวเท่านั้นเอง…งานนี้พี่ต้องขอพาทัวร์ฟาร์ม มากับชุดที่พร้อมลุยและหมวกที่ขาดไม่ได้เลยจาก UPTOYOU ที่ทำให้ลุคการทำงานของเธอคอมพลีทสุดๆ

รักเพื่อนสนิทมานาน แล้วต้องเสียเขาไปให้คนอื่น เจ็บปวดจะตาย!

“ฉันรักเธอ” ที่ยังคงเป็นประโยคคลาสสิคในใจเสมอมา สำหรับคนที่แอบรักเพื่อนตัวเอง เพื่อนที่มีบทสนทนาดีพๆ อยู่ด้วยกันทีไรเหมือนตกห้วง เราคิดเหมือนๆ กัน บางทีพูดออกมาก็แทบจะประโยคเดียวกัน ติดแค่ “เราเป็นเพื่อนกัน” ความรักที่ไม่เคยได้บอก ที่ต้องมาเจ็บปวดที่สุด วันที่เขามีคนรัก ผู้หญิงอีกคนที่ไม่ใช่เรา! คนที่รักเพื่อนสนิท ที่เขาไปมีแฟนเป็นคนอื่นเท่านั้น ถึงจะเข้าใจความเจ็บปวดในใจแบบนี้ได้ดี ความรักแบบจูลส์รักไมเคิลใน My Best Friend’s Wedding เธอรักเขามา 9 ปี และก็มั่นใจว่าเราก็รักเธอแบบเดียวกัน แต่วันหนึ่งเขาไปเลือกคิม ผู้หญิงอีกคนที่ดูแล้วก็ไม่เห็นจะน่าเข้าใจเขาเท่าเธอนี่นา แล้วไม่ใช่ว่าฟ้าไม่ส่งสัญญาณมาบอกจูลส์นะ ช่วงเวลาที่เธอคบกับไมเคิล เขาใช่ที่สุด ทั้งสองคนคลิกกันและมีความสุขที่สุด จูลส์รู้จักเขาดี ทั้งสองมีเพลงของตัวเอง เรียกว่าเข้าใจกันดีอย่างลึกซึ้ง แต่ในความเป็นจูลส์ เธอกลัวความรัก กลัวการต้องมีใครมาเป็นเจ้าของหัวใจเธอ เธอเลยรักษาแค่ระยะความเป็นเพื่อนกับเขามาตลอด จนวันที่เขาไม่เลือกเธอนนั่นล่ะ เธอถึงเพิ่งมาคิดได้ ความรักแบบนี้มันเหมือนกับว่า “โลกนี้มีเราเพียงสองคนก็จริง แต่เราก็กลัวว่าจะเสียกันและกันไป เราเลยเลือกที่จะเป็นแค่เพื่อนกัน” สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือเมื่อเรากำลังจะเสียอีกคนไป เมื่อนั้นแหละที่เรารู้สึกว่า “ฉันพลาดที่สุด” เราต้องมองเห็นเพื่อนรักเดินไปกับผู้หญิงอีกคน ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าในโลกนี้ไม่มีใครจะเข้าใจความรู้สึกเขาได้ดีเท่าฉัน ความรักที่ไม่เปิดกว้าง ความรักที่มีความเป็นตัวตนมาค้ำไว้ มักปิดสิ่งดีงามไม่ให้ไหลเข้ามาในหัวใจเรา และล็อคเราเอาไว้ในนั้น […]




Love, Relationship

ผู้ชายที่รักผู้หญิงคนหนึ่งอย่างแท้จริง เป็นแบบนี้นี่เอง



ความรักที่โลกของเธอ

คือโลกของฉัน ของรันและจอนนี่

“เรามาเจอกันตอนที่เขากำลังมีไฟ มีความฝัน ส่วนเราเป็นเด็กติดเที่ยว ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต ฝันสูงสุดของเขาคือต้องให้โลกจดจำ แต่ของเราก็แค่ผ่านชีวิตไปวันๆ”

แต่ผู้ชายที่มีฝันอันยิ่งใหญ่คนนี้ล่ะ ยืนหยัดจะอยู่เคียงข้าง จูงมือผู้หญิงคนนี้ และร่วมสร้างฝันของเขาสองคนไปด้วยกัน

วันนี้รันและจอนนี่ จากคนรักที่เจอกันในที่เที่ยวกลางคืน เด็กสาวที่โลกของเธอคือเที่ยว สนุกไปวันๆ เขาสองคนเปิดบริษัทโปรดัคชั่นสร้างงานคุณภาพด้วยกัน มีบ้าน มีหมา มีทีมงานด้วยกัน เขาช่วยกันทำงาน จอนนี่สอน รันเชื่อ จอนนี่ลงมือทำ รันโปรดิวซ์ เขาแชร์ฝันไปด้วยกัน และแน่นอนว่า เขามีความสุข มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ คลีโอได้คุยกับรัน รันนา สาววัย 30 กับเรื่องรักของเธอกับจอนนี่ หนุ่มไทยลูกครึ่งจีนวัย 34 ปี

นี่คือความรักอันลึกซึ้งแท้จริง ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง When a Man Loves a Woman จอนนี่คือแอนดี้ การ์เซียในหนังเช่นนั้นเลย โลกมีจริงๆ นะผู้ชายแบบนี้ เหมือนกับที่รันบอกว่า

“หนูคือผู้หญิงที่โชคดีที่สุด ยิ่งกว่าถูกลอตเตอรี่ ไม่มีทางที่หนูจะเจอใครแบบผู้ชายคนนี้อีก ไม่มีทางจริงๆ”

รันเป็นเด็กสาวมาจากต่างจังหวัด ที่บ้านของเธอพ่อกับแม่เปิดร้านอาหาร รันเป็นลูกคนเดียว เธอเจอจอนนี่ในที่เที่ยว และก็ได้คบกับเขา “เขาเข้ามาในชีวิตช่วงเราอายุ 22-23 ก็กำลังติดเที่ยวเลย เป็นช่วงพีคของผู้หญิงที่ไม่สนใจอะไร ใช้ชีวิตไปวันๆ ไม่มีความฝันอะไรเลย ตอนคุยกับเขาแล้วเขาเล่าความฝันให้ฟัง ว่าเขาอยากเป็นอะไรให้คนจดจำ เรายังแอบอิจฉาเขาเลยว่า ทำไมเราไม่คิดแบบนั้นบ้าง”

จอนนี่เองเป็นลูกครึ่งจีน คุณพ่อแยกทางกับคุณแม่ พ่อของจอนนี่เป็นผู้กำกับทำหนังอยู่ที่จีน ส่วนแม่เป็นอดีตนักร้องโอเปร่า และมาเปิดธุรกิจที่ไทย จอนนี่ได้เรียนมหาวิทยาลัยในไทย เขาฝึกกีตาร์ ร้องเพลง ทำเพลง และได้เป็นนักแสดง จอนนี่ยังมีความสามารถเรื่องการเป็นผู้กำกับ ตัดต่อ เขามีทั้งงานเล่นดนตรี งานแสดง และทีมโปรดัคชั่นเล็กๆ เขามาเจอรัน ตอนที่รันเล่าว่า “หนูนิสัยไม่ดีเลย ใจร้อน พูดจาหยาบคาย ใครบอกอะไรก็ไม่ฟัง ชอบคิดว่า ก็เราเป็นคนตรงๆ แบบนี้จะทำไม รับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับสิ” การมีจอนนี่เข้ามาในชีวิตรัน จึงเหมือนเรียกได้ว่า หักดิบทุกสิ่งในตัวรัน เพราะเขาคืออีกด้านที่รันไม่มี

“เขาเป็นคนที่ไม่เคยว่าเรา ไม่เคยตัดสิน ไม่เคยบอกว่าเราผิดเลยนะ แต่เขาจะทำให้เราคิดเองได้ เขาทำให้เราเห็นเหตุผลว่า ที่เราเป็นแบบนี้มันดีกับเราหรือเปล่า มันดีกับใครมั้ย แล้วถ้าไม่ดี เราแฮปปี้หรือ เราชอบตัวเองหรือ?”

รันบอกว่าจอนนี่ใจเย็น วันที่เขาตัดสินใจคบกับเธอ เขาก็จะมั่นคงไม่เปลี่ยน ถ้ามีอะไรที่รันทำไม่ได้ จอนนี่ไม่เคยปล่อยไป แต่ก็ไม่เคยว่าเลย “อย่างถ้าหนูขับรถแล้วเหวี่ยงยาม เขาจะบอกว่าทำไมทำแบบนั้นใส่คนอื่น ทำไมเราต้องทำตัวเป็นวันที่ไม่ดีของเขาด้วย เขาไม่ว่านะ แต่ทิ้งให้เราคิด เรารู้แต่ว่าเขาไม่ชอบตัดสินใคร อย่างถ้าเรานินทาเพื่อน เขาจะบอกเลยว่า เราไม่มีทางรู้ว่าเพื่อนเราเขาเป็นแบบนั้นทำไม เขาอยากให้เราคิดได้เอง

จอนนี่ค่อยๆ ซึมเข้ามาในชีวิตรัน เขาไม่ได้เปลี่ยนเธอ แต่เขาทำจนเธอเปลี่ยนตัวเองไปได้เอง เหตุการณ์หนึ่งที่เป็นจุดหักดิบของรันอีกเหตุการณ์ก็คือ “เรามีไปทำอะไรที่ไม่ดีกับเพื่อน เพื่ออยากน้ำหนักลด อยากสวย แล้วปิดไม่ให้จอนนี่รู้ แต่เขาก็รู้เพราะเขาได้กลิ่น พอเขารู้ก็บอกเราทันทีว่า ถ้าไม่เลิกทำ จะต้องเลิกกับเขา ตอนแรกก็ยังเลิกไม่ได้นะ คอยหลบๆ เขา แต่เขาก็มาเปรยๆ อีกว่า อะไรไม่ดีเอาออกไปจากชีวิตเถอะ คราวนี้เรารู้เลยว่าเขาเอาจริง ก็เลยหักดิบ เพราะเราไม่อยากเสียเขาไป

รันไม่คิดว่าจอนนี่จะจริงจังกับเธอขนาดนี้ เพราะเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่มีเป้าหมายในชีวิตอะไร ต่างจากเขามาก แต่การกระทำของเขานั่นแหละที่ทำให้เธอต้องหันไปอีกทาง “หลังจากนั้นเขาก็จะคอยถามว่าเราอยากทำอะไร พอรู้ว่าเราชอบอะไรนิดเดียว เขาจะสนับสนุนทันที เราชอบกินขนมมาก เขาเลยส่งเราไปเรียนทำขนม เขาซื้อเตาอบเล็กๆ ให้หัดทำ อย่างภาษาอังกฤษเราอ่อน เขาก็ซื้อคอร์สให้เรียน คือเขาจะหามาให้ทุกอย่าง เพื่อให้เราหาตัวเองให้เจอ

สิ่งที่จอนนี่ทำให้รันทำให้เธอรู้สึกว่า เขาคงอยากมีเธอในชีวิตจริงๆ เขาพยายามทำให้เธอร่วมทางเดินไปกับเขา ทำให้รันคิดได้ว่า..

“ถ้าเราไม่เปลี่ยนตัวเอง ก็คงไม่มีเขาในชีวิต”

แต่สิ่งนี้ยากสำหรับรันมาก เพราะเธอโตมาแบบที่มีเงินทุกเดือนที่พ่อแม่ส่งมาให้ ชิลล์ ไม่ต้องพยายามอะไร เขาออกจากบ้านไปทำงานแต่เช้า แต่รันนอนดูหนังทั้งวัน เขากลับมาเธอก็ยังดูหนังอยู่ที่เดิม จนเขาบอกเธอว่า

“วันหนึ่งจะเสียดายเวลานะ เวลาจะกลับคืนมาไม่ได้นะ”

จนมาถึงวันที่รันรู้สึกว่า “หนูสะอึกขึ้นมาเลยว่า นี่เราทิ้งเวลาไปขนาดนี้เลยหรือ”

รันเริ่มลุกขึ้นมาตั้งใจว่าเป็นตายยังไงก็ต้องทำอะไรสักอย่าง เขาชอบกล้อง มีงานโปรดัคชั่น รันจึงไปช่วยงานเขาบ้าง แล้วพอเขางานเยอะขึ้น เขาก็เริ่มเปิดบริษัทกับเธอ ให้รันจัดการเรื่องเงินทุกอย่าง “ยากเลยสำหรับเรานะ จากคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย เขาให้ดูแลเรื่องเงินให้หมด ขนาดเงินเดือนของเขา เรายังเป็นคนจ่ายให้ พอดีกับช่วงที่มีงานใหญ่เข้ามา เขาเลยชวนเราเปิดบริษัทเลย คือเรียกได้ว่าชีวิตพลิกเลย” รันเปิดบริษัทชื่อจินโตะ กับจอนนี่ แต่เธอเองก็มีความสงสัย ว่านี่คือสิ่งที่เธออยากทำหรือเปล่า ก็ได้เขาอีกนั่นล่ะบอกเธอว่า

“เราไม่ได้กำลังสร้างอะไรด้วยกันหรือ อยากทำด้วยกันมั้ย ถ้าอยากทำก็ทำด้วยกันเลย”

คราวนี้รันต้องลุยแล้ว เธอบอกว่าเธอกลายเป็นเจ๊ไปเลย “เขาให้ดูแลเรื่องเงินหมด ทุกวันต้องรอเงินเดือนจากหนู หนูเซ็นต์อย่างเดียว เงินจะซื้อของส่วนตัว เขายังไม่มี ต้องให้เราเป็นคนจ่าย เขาต้องถามตลอด หนูเลยรู้สึกเหมือนเจ๊ เพราะเขาไม่มีเงินแล้ว เขาเอาเงินมาให้เราหมด แต่งานทั้งหมดเขาเป็นคนทำนะ เขาบอกที่ทำอย่างนั้น เพราะอยากให้เรารู้สึกร่วม”

ด้วยความที่จอนนี่สู้ชีวิตของเขาเองมาตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 เขาจึงเป็นคนสอนทุกอย่างกับรัน และตั้งใจจะปั้นเธอให้เก่งให้ได้ “เขามีวิธีกดดันหนูนะ เวลาที่หนูกลัว ต้องรับบรีฟลูกค้า เขาจะบอกว่าไม่ต้องกลัว ให้เตรียมตัวให้ดีก่อน ให้หาข้อมูล เช็คให้ละเอียด เขาสอนตำแหน่งงานในโปรดัคชั่น เอาไบเบิ้ลการเป็นโปรดิวเซอร์มาให้ดู มีสตูดิโอที่ไหน ค่าเช่าอะไรกี่บาท เขาให้หนูจดลงสมุดให้หมด” จอนนี่สอนรันไปเรื่อยๆ เขาฝึกเธอให้ต้องสู้ด้วยตัวเอง “คือถ้าหนูไม่กล้า บอกให้เขาไปคุยกับลูกค้า เขาจะไม่คุยนะ ให้หนูต้องคุยเอง เขาใจแข็งขนาดที่ไม่ทำจริง ๆนะ แล้วหนูเครียดมาก จนสุดท้ายก็ต้องกลั้นใจทำ เสียงสั่นเลย”

ความรักของผู้ชายคนหนึ่ง ไม่เพียงแต่รัก สำหรับจอนนี่เขาอยากให้รันหาความหมายในชีวิตให้เจอ เพราะเขาเชื่อว่านั่นจะทำให้รันมีความสุข ภูมิใจในตัวเอง แล้วเขาก็คิดถูก ทั้งสองคนจับมือทำงานด้วยกัน รันจากเด็กที่ทำอะไรไม่เป็น เธอกลายมาเป็นโปรดิวเซอร์ให้จอนนี่แล้ว มีจอนนี่ ต้องมีรัน จนเพื่อนรันทุกคนไม่เชื่อที่เธอเป็นได้ขนาดนี้ “เพื่อนๆ ไม่เชื่อเลยว่าหนูมาขนาดนี้ได้ไง มันไม่มีทางเป็นไปได้เลย คือหนูเนี่ยแค่คิดคำสื่อสารกับคน หนูยังทำไม่ค่อยได้เลย มันเลยดูไม่น่าเชื่อมากๆ”

และจอนนี่ยังไม่เคยว่ารันอีก “เขาเป็นคนที่ไม่ว่า แต่บอกว่าถ้าเราไม่รู้ให้ถาม เรามีทะเลาะกันนะ แต่เดี๋ยวนี้เรื่องทะเลาะจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ก่อนเป็นเรื่องที่หนูดื้อ ไม่ยอมทำ แต่ตอนนี้ทะเลาะเรื่องไอเดียในงานนั้นมากกว่า” สิ่งที่รันรู้สึกว่าเปลี่ยนไปก็คือ ชีวิตเธอมีความหมายแล้ว “หนูรู้สึกเลยว่าเวลาเราทำงาน เราชอบงาน มันเหมือนจุดพลุในใจ อ๋อ มันรู้สึกแบบนี้เองเนอะ เราได้สัมผัสความรู้สึกแบบนี้แล้ว ชีวิตมีความหมายขึ้นมาเลย

รันบอกว่าจอนนี่เป็นคนมีไฟตลอด ไม่เคยเหน็ดเหนื่อย ทำงานถึงเช้า มีไอเดียหลากหลายตลอด ใจเย็น ยิ้มเสมอ ถ้าใครเคยทำงานกับจอนนี่ จะไม่เคยเห็นเขาเหวี่ยงแม้แต่นิดเดียว เขาคุมเกมได้ สุภาพ และเขาไม่เคยต้องรอให้ใครมาเติมไฟให้ เขาเติมเองได้ “หนูว่าถ้าฝันเขาอยู่บนยอดเขา เขาเดินมาเกือบถึงกลางภูเขาแล้วนะ เขามีภูเขาลูกใหม่เพิ่มขึ้นตลอด ต้องรู้จริง ทำจริง ต้องทำอย่างดีด้วย แล้วต้องรู้ว่าทำอะไรไปเพื่ออะไร เขาไม่คิดตื้นด้วย”

เหนือสิ่งอื่นใดคือจอนนี่คิดจะดูแลรันไปตลอดชีวิต “ตอนแรกเราอยู่ทาวน์โฮม หนูเองนั่นแหละอยากมีบ้าน เขาก็ไปหาบ้านทันที ย้ายเลย เขาคิดตลอดว่าต้องดูแลหนูให้ได้ เขาจะทำให้หนูสบาย เขาก็เลยไปหาบ้านให้” รันเองยังเคยสงสัยในตัวเอง ว่าผู้หญิงที่ไม่ได้มีคอนเน็คชั่น ไม่ได้ทำอะไรเก่งแบบเธอ ทำไมผู้ชายที่ดีคนนี้ถึงยังเลือกเธอ “หนูเคยบอกเขาว่า ถ้าเธอมีแฟนที่มีคอนเน็คชั่นเยอะๆ คงเสริมเธอนะ เธอจะพุ่งมากๆ เลย เขาบอกหนูกลับมาว่า “แล้วเธอไม่ดีตรงไหน?” เขาบอกอีกว่า..

“ถ้าเธอคิดว่าฉันไม่มีเธอ ฉันจะทำมาได้ขนาดนี้เหรอ?”

ในความเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ได้เจอผู้ชายเช่นนี้ “ในชีวิตหนู ไม่มีทางหาคนดีแบบนี้ได้แล้ว หนูบอกเพื่อนเสมอว่า ถ้าหาผู้ชายรวย ก็หาได้นะ แต่จะหาคนที่อยู่กับเขา แล้วเรารู้ว่าเขาไม่มีวันทิ้งเราน่ะ ไม่มีหรอก หนูรู้เลยว่าวันหนึ่งถ้าเราไม่มีเงินสักบาท จอนนี่ก็จะทำให้เรากลับมามีเงินได้ ไม่มีทางที่เขาจะทิ้งเราไว้ตรงนั้น”

คลีโอรู้จักจอนนี่กับรันมาหลายปีแล้ว สองคนนี้เรียบง่าย รักกันแบบไม่ต้องบอกโลก จอนนี่เป็นผู้ชายมีความสามารถที่ถ่อมตัวที่สุด รันก็น่ารักสดใส แววตาเหมือนกวางตลอดเวลา รันดูแลทั้งจอนนี่และคนรอบตัว เธอน่ารัก ง่ายๆ ไม่คิดเยอะ แอบถามรันว่าแล้วหึงจอนนี่มั้ย เขาก็หน้าตาดี นิสัยดีขนาดนี้ “ไม่หึงเลย เพราะเขาไม่เคยมีทำอะไรให้ต้องสงสัย หรือต้องหึงแม้แต่นิดเดียว” ถามเรื่องแต่งงาน รันก็บอกว่า “เราอยู่กันแบบนี้มันเกินกว่าแต่งงานแล้ว งานแต่งงานไม่จำเป็นเลย”

ทั้งสองทำงาน ไปเที่ยว ทำอาหาร เลี้ยงหมา ดูแลทีมงาน และทุกคืนก่อนนอน รันกับจอนนี่จะมานั่งเขียนบุลเล็ท เจอร์นัลด้วยกัน ว่าเขาทำอะไรสำเร็จกันไปบ้าง เขามีอะไรที่ต้องทำเพื่อเข้าใกล้ฝันกันบ้าง ถ้าใครได้อยู่ใกล้ๆ จอนนี่และรัน จะรู้สึกเลยว่าอบอุ่น แล้วความน่ารักของทั้งสองมันแผ่ออกมาจริงๆ

คลีโอขอขอบคุณเรื่องราวของรันและจอนนี่ และความรักน่ารักๆ ของเขาทั้งสอง

#CleoLove

More