ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Entertainment, Lifestyle, Relationship

คริสซี่ กฤษณ์สิรี สาวผู้เป็นนักฝัน นักรัก และนักท่องเที่ยว “เพราะคนเราสามารถฝันได้แบบไม่รู้จบ”

คริสซี่ กฤษณ์สิรี

เราไม่อยากคิดว่าสิ่งที่เราฝันมันเป็นไปไม่ได้ ทุกคนสามารถฝันและทำมันได้”

คริสซี่ กฤษณ์สิรี หลาย ๆ คนอาจจะเคยคุ้นหน้าชื่อของเธอคนนี้ในฐานะดาราสาวแสนสวยที่พกรอยยิ้มและความมั่นใจออกมาอยู่ตลอดเวลา จนอาจจะติดภาพจำว่าเธอนั้นเป็น “ดารานักแสดง” ไปแล้ว แต่พอเราได้นั่งพูดคุยกับเธอ เรารู้เลยว่าคริสซี่คือสาวน้อยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน ความรัก และพลังบวก วันนี้เลยอยากจะพาให้ทุกคนได้รู้จักเธอในฐานะ “ผู้หญิงธรรมดา” มีความชอบและแพชชั่นในแบบของตัวเธอเอง

พอเราได้มานั่งพูดคุยกับเธอ ก็เลยรู้ว่าคริสซี่เป็นคนชอบเที่ยว ไม่ชอบอยู่กับที่ ถ้ามีเวลาว่างเธอก็มักจะออกไปเที่ยวเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ และหนึ่งในนั้นจะขาดการออกไปดำน้ำไม่ได้

การดำน้ำเหมือนโลกส่วนตัวอีกใบที่ทำให้เธอค้นพบตัวเองตลอดเวลา

อีกหนึ่งกิจกรรมที่คริสซี่ได้ลองทำนั่นก็คือการดำน้ำ เธอทำมาเป็นเวลา 6-7 ปีมาแล้ว จะเรียกว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งชีวิตเธอไปแล้วก็ได้ “ซี่เป็นคนที่ชอบทะเล ชอบดำน้ำดูปะการังตั้งแต่เด็ก” พอโตขึ้นเธอก็เริ่มจากการ free diving โดยเริ่มเรียนจาก ทอมมี่ (Tommy Freediver Thailand) หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Suntan Tour เธอเลยเริ่มเรียนจากตรงนั้น โดยเฉพาะ free dive และดูเหมือนเธอก็เริ่มหลงรักการดำน้ำมากขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับการสนับสนุนจากแฟนของเธอเองที่ให้ลอง scuba diving ดู ก็ยิ่งทำให้เธอรักการดำน้ำเข้าไปใหญ่ 

“แค่นั่งฟังเสียงคลื่นก็แฮปปี้มากแล้ว”

ตัดทุกอย่างภายนอกออกไป ไม่มีมือถือ ไม่ต้องถ่ายรูปเซลฟี่ แต่โฟกัสแค่สิ่งที่อยู่บนหน้าเรา พอเราได้ยินน้ำเสียงตอนที่เธอเล่า เราก็รับรู้ได้ถึงความตื่นเต้น ความหลงใหล และความสนุกในการดำน้ำของคริสซี่ แค่ฟังเสียงคลื่นยังแฮปปี้ พอยิ่งได้ดำน้ำ นอน river board กลางทะเลมันก็ยิ่งแฮปปี้เข้าไปใหญ่ การดำน้ำจึงเป็นกิจกรรมที่เธอสามารถทำได้ไม่มีเมื่อและไม่รู้จบ 

พอลงไปใต้น้ำ เราชอบความรู้สึกที่ทุกอย่างมันเงียบ ได้ยินแค่เสียงลมหายใจตัวเอง มันก็เลยเป็นเหมือนโลกอีกใบที่เราหาบนน้ำไม่ได้ มันอีกโลกหนึ่งจริง ๆ ที่ถ้าคนไม่ได้ลงมาจะไม่เข้าใจ 

พอลงสู่โลกใต้น้ำ เธอหยุดคิดทุกอย่าง อยู่ในน้ำเธอคิดเพียงแค่ว่า “เราจะว่ายไปทางไหนต่อดี” “หินก้อนนี้มีตัวอะไรแอบไว้รึเปล่า” คิดแค่สิ่งที่เห็นตรงหน้า ไม่ต้องฟุ้งซ่าน เหมือนอยู่ใน bubble ของตัวเองที่ไม่มีคำว่าการทำงาน ราวกับได้เข้าสู่ห้วงเวลาที่หลุดออกมาจากควาามเป็นจริงอะไรแบบนั้น ต่อให้อยู่ในน้ำนานขนาดไหน หรือไม่ได้เจออะไรเลย แค่ได้ลอยน้ำไปเรื่อย ๆ ก็แฮปปี้มากแล้ว 

เธอมีความฝันหลายอย่างที่อยากทำให้มันได้

คริสซี่ กฤษณ์สีรี คือสาวช่างฝัน และบางครั้งสิ่งที่เธอฝันมักจะเป็นเรื่องที่คนอื่นไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริง ๆ 

อยากเป็นบล็อกเกอร์ที่ถูกจ้างไปเที่ยว อยากเปิดร้านเบเกอรี่ที่ลอนดอนในอังกฤษ และสิ่งที่อยากทำตอนนี้มาก ๆ คือการเปิดศูนย์พักพิงสัตว์ทุกประเภท “มันก็ทำได้แหละ แต่คนชอบบอกว่าเราทำไม่ได้ คือมันคิดฝันไปแล้ว”

เราไม่เก่งสักทาง แต่เราชอบทำอะไรหลากหลาย งั้นก็ลองทำมันทุกอย่างเลยนี่แหละ 

มุมมองความรัก และการใช้ชีวิตคู่ในแบบคริสซี่ 

เป็นเวลาสี่ปี่ครึ่งในฐานะคนรัก เธอคบกับแฟนของเธอในแบบที่เรียบง่าย ไม่ต้องพูดอะไรให้มากมาย จนบางทีก็แอบอยากรู้ว่าแล้วจริง ๆ คริสซี่เป็นคนรักแบบไหนกันนะ

ถ้าเราเห็นในยูทูบของเธอ หรือในไอจี ก็จะพอรู้ว่าคริสซี่และแฟนได้สร้างบ้านด้วยกัน จะเรียกว่าอยู่ก่อนแต่งก็ได้นะ แน่นอนแหละว่ามันมีทั้งคนที่เห็นด้วยและคนที่เห็นต่าง แต่ในมุมมองของคริสซี่ เธอมองว่า

“การอยู่ก่อนแต่งมันไม่ใช่เรื่องที่แย่เลย มันเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ มันทำให้เรารู้นิสัยของอีกฝ่ายหลาย ๆ อย่างที่แตกต่างจากแค่เวลาที่เราแยกกันอยู่ แค่กินข้าวดูหนังด้วยกัน แล้วก็แยกย้าย” เธอก็ยังเล่าให้เราฟังอีกว่า ขนาดอยู่ด้วยกันแล้วมันก็ยังมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ไม่ตรงกันที่ต้องค่อย ๆ ปรับมันไป “เขาชอบแบบนี้ ไม่ชอบแบบนี้ อะไรที่เรารับได้ แล้วถ้าเรารับไม่ได้ เขาพร้อมที่จะปรับให้เรามั้ย ซี่ว่ามันมีอะไรให้จูนกันทุกวัน ยิ่งเราจูนได้เร็วแค่ไหน มันก็ยิ่งดี” 

ถ้าไม่ได้มาอยู่ด้วยจริง ๆ เราจะไม่รู้เลยนะ ต่อให้เราคิดว่ารู้จักกันดีแค่ไหนก็ตาม 

โมเมนต์ที่เริ่มสร้างบ้านด้วยกัน

“มันเหมือนต่างคนต่างอยากมีบ้านของตัวเอง ตอนแรกที่ไปดูบ้านด้วยกันอะ แค่คิดไว้ว่าดูเป็นแนวทางในอนาคต อีกสามสี่ปีค่อยว่ากัน แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ความรู้สึกที่เราอยากมีบ้านกับเขามันเกิดขึ้นมาอะ เลยมาคิดว่า แล้วทำไมเราไม่อยู่ด้วยกันไปเลยล่ะ” เธอเล่าว่าพอยิ่งได้วางแพลนอนาคตไว้ด้วยกัน ต่างคนก็ต่างรู้สึกว่า เราอยากมีกันและกันในชีวิต อยากอยู่ในอนาคตของอีกคน 

“เขาทำให้เราเห็นว่าเขาก็มั่นใจในตัวเราเหมือนกัน” 

คริสซี่ในบทบาทของคนรัก

เธอบอกเราด้วยเสียงหนักแน่นว่า เธอเป็นคนไม่โรแมนติกเลย “เราจะออกไปแนวกวน (…) มากกว่า เราชอบเล่นกับเขาเหมือนเพื่อนมากกว่า ส่วนอีกฝ่ายก็จะบอกรักเราทุกวัน ซี่ก็จะคอยบอกกลับ แต่ซี่ก็จะไม่ค่อยเป็นคนพูดก่อน” คริสซี่บอกว่าการอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อน ไม่ต้องหวานเยอะแต่เอาใจใส่กันทำให้ทั้งคู่สนิทกันมากขึ้น ทะเลาะกันน้อยลง 

ด้วยนิสัยของคริสซี่เองที่ชอบเก็บความรู้สึก ไม่ค่อยบอกใคร แต่ความรู้สึกเหล่านั้นมักจะหายไปไว เลยทำให้ไม่มีอะไรต้องงอนกันมากมาย ในขณะที่อีกฝ่ายมีนิสัยที่ตรงกันข้าม แต่มันก้ทำให้เธอรู้ว่าแฟนรู้สึกยังไง ต้องเทคแคร์กันยังไง

เธออยากเป็นนักแสดงที่ทุกคนเข้าถึงง่าย

ถามคริสซี่ว่าอยากฝากอะไรถึงคนที่แวะเข้ามาอ่านเรื่องราวของเธอบ้าง เธอก็ตอบกลับมาว่า “ที่ผ่านมาตั้งแต่เราเข้าวงการสิบปีจนถึงทุกวันนี้ เราถูกทุกคนเรียกว่าเป็นดารา ซึ่งเป็นอะไรที่เราไม่ชอบ เราว่าเราไม่ใช่ดารา เราก็พยายามสลัดภาพนั้นออก เราอยากเป็นคนที่เวลามีคนมองมาแล้วเราให้ inspiration เป็นนักเดินทาง ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ เรามีหลายอย่างที่อยากทำมาก แต่สุดท้ายคนเห็นเราแค่ในละคร”

เรายังมีอีกหลายอย่างมากที่มากกว่าการเป็นนักแสดง และจะพยายามทำออกมาให้ทุกคนเห็น และทุกคนก็จะได้เห็นว่าเราไม่ได้ทีแค่เรื่องละครจริง ๆ 

และอีกหนึ่งสิ่งที่เธอตั้งใจจะทำก็คือ การแบคแพคนั่งรถไฟออกไปเที่ยวรอบโลก พร้อมกับการทำ vlog แบบเรียล ๆ ไปเลยว่าสิ่งที่เธอเจอมามันเป็นยังไงบ้าง 

เราคุยกับคริสซี่ไม่นาน แต่ตลอดระยะเวลาที่คุย เราสัมผัสได้ถึงพลังบวกและความฝันที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในตัวเธอ คริสซี่เป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ เธอพร้อมลงมือทำในสิ่งที่เธอรักด้วยหัวใจที่เด็ดเดี่ยว และเราก็หวังว่าเธอจะมีความสุขกับในทุกบทบาทในชีวิตของเธอเลยนะ

ใครที่อ่านจบแล้วอยากติดตามเธอหรือรู้จักคริสซี่ให้มากกว่านี้ ก็สามารถติดตามผลงานของเธอได้เลยนะ ทั้งงานละครที่กำลังออนแอร์เรื่อง พฤษภา ธันวา รักแท้แค่เกิดก่อน รวมไปถึงช่องยูทูปและเพจเที่ยวของเธอเอง ที่เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นเมื่อไหร่ คริสซี่ก็พร้อมลุยพาทุกคนไปเที่ยวอย่างแน่นอนเลย

YouTube Channel: The Bottom Club

FB Page: The Daring Rover 

Instagram: @ksiekrissie

สำหรับใครที่อยากลองไปดำน้ำ scuba diving แบบสาวคริสซี่บ้าง ก็ลองเข้าไปดูได้เลยที่ Pattana scubaclub ได้เลยนะ ตอนนี้เขามีตารางจองเรียนด้วย ใครที่อยากหาอะไรใหม่ ๆ ทำ เปิดหูเปิดตา ก็ลองเข้าไปดูกันได้เล้ยย

อ่านเรื่องอื่น ๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']