ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Career

นักธุรกิจหญิงไทย เจ้าของ สตาร์ทอัพในอังกฤษ คอนเซ็ปต์ของเธอคือ ความแซ่บ!



เราได้รู้จักชื่อพี่จีจี้-ปิยาภรณ์ โพร้งประภา จากเพื่อนคนไทยที่เมืองลีดส์ พี่จีจี้เป็นนักธุรกิจหญิงไทย(คนแรกๆ) ที่ได้ Startup and Innovator Visa จาก Nexus เพื่อมาทำธุรกิจ สตาร์ทอัพในประเทศอังกฤษ

คำแรกที่พูดทันทีหลังจากฟังเส้นทางการฝ่าฟันร้อนหนาวของพี่จีจี้ “เฮ้ย ผู้หญิงคนนี้เท่อ่ะ!” จนได้มาเจอพี่จีจี้ตัวจริงและเห็นตารางชีวิตแต่ละวัน ยอมใจในความสู้ ความมีแพชชั่นแรงกล้า และความแซ่บ! เพราะพี่จีจี้ขายผงโรยข้าวรสชาติไทยๆที่อร่อยนัวทุกอณู ที่สำคัญ เจ้าตัวยังเผ็ดแซ่บในวัย 40 จนเราต้องขอสัมภาษณ์มาอินสไปร์ผู้หญิงฝันใหญ่คนอื่นๆกันต่อเลยทีเดียว

เส้นทาง Suda’s Taste (สุดาส์เทสต์)

“บริษัทสตาร์ทอัพของเราชื่อ Suda’s Taste ผลิตและจำหน่ายผงโรยข้าวรสชาติไทยๆในชื่อ Suda’s Seasoning ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากฟูริคาเคะหรือผงโรยข้าวของญี่ปุ่น ส่วนสุดาก็คือชื่อคุณแม่ เพราะคุณแม่เป็นหมือนผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท เราทำมาด้วยกันในครัวเล็กๆที่บ้าน คิดสูตรกันเอง ก็เลยให้เครดิตคุณแม่ในเรื่องของรสชาติ

สตาร์ทอัพในอังกฤษ

เหตุผลที่ได้มาเริ่มธุรกิจที่เมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ ต้องย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่เราได้มาเรียนโทที่นี่ เราชอบบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมของลีดส์ ก็พยายามหาช่องทางที่จะได้ทำงานที่นี่ต่อ จนได้รู้จักกับ Entrepreneur visa (ตอนนี้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Startup and Innovator Visa) หรือวีซ่าสำหรับผู้ประกอบการและนักธุรกิจ เทียบเท่ากับวีซ่า Tier1 ที่ใช้ทำงานที่นี่ กติกาก็คือ เราจะต้องมีไอเดียในการทำธุรกิจ และต้องส่งแผนธุรกิจ เพื่อให้ทางมหาวิทยาลัยและพาร์ทเนอร์ช่วย endorse หรือช่วยสนับสนุนการทำธุรกิจของเรา รวมไปถึงการอนุมัติวีซ่าประเภทนี้ให้ ในปี 2014 เราทำแผนส่งที่มหาวิทยาลัยฮัดเดอร์ฟีลด์ก่อนที่แรก แต่ไม่ได้ แถมปิดประตูใส่หน้า เราเลยลองส่งอีเมลไปที่มหาวิทยาลัยลีดส์ในฐานะศิษย์เก่า ที่นี่จะมีโปรแกรมที่เรียกว่า SPARK ซึ่งช่วยสนับสนุนศิษย์เก่าที่อยากทำธุรกิจอยู่แล้ว ก็ได้คุยกับทีมให้คำปรึกษาของ SPARK ตั้งแต่ปี 2017 บินมาคุยตัวต่อตัวก็มี ได้คุยแค่ครึ่งชั่วโมงก็จะมา เพื่อให้เค้าเห็นว่า เราสู้นะ เราอยากได้จริงๆ จนปี 2018 แผนธุรกิจผ่าน เราก็เคลียร์งานอาจารย์ที่ทำอยู่ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ตัดสินใจลาออก ทำวีซ่ามาอังกฤษปี 2019 มาถึงก็เจอโควิดไป 1 ปีเต็ม! แต่ก็โอเคแหละ เพราะได้ขยายวีซ่าเพิ่มอีก 1 ปี บวกกับตอนนี้ธุรกิจได้เข้าโปรแกรมสนับสนุนนักธุรกิจของ NatWest ที่เป็นสถาบันทางการเงินของที่นี่ ได้ต่อวีซ่าเพิ่มไปอีก 3 ปี เท่ากับว่า เราจะได้อยู่ทำธุรกิจที่นี่ยาวจนได้ Residency (วีซ่าถาวร) ของอังกฤษไปเลย”

ธุรกิจที่ดี ต้องมี mentor ที่ดี

สตาร์ทอัพในอังกฤษ

“ก่อนจะได้คุยกับทางทีม SPARK เราเองก็ยังไม่นิ่งเรื่องแผนธุรกิจ เคยคิดอยากทำร้านกาแฟออร์แกนิค แต่ในแวดวงธุรกิจเนี่ย ร้านกาแฟมีความเสี่ยงค่อนข้างสูง เราเลยไปปรึกษาพี่หมู-ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ (พี่หมู Ookbee) ที่เป็น mentor ในการทำธุรกิจสำหรับเรามาเสมอ วันนั้นเป็นวันเปลี่ยนชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะพี่หมูช่วยเกลาไอเดียธุรกิจให้ โดยเริ่มจากคำถามว่า เราถนัดอะไร? ซึ่งเราทำเคยน้ำพริกขายมาก่อน ที่บ้านเราจะมีสูตรน้ำพริกอร่อยที่ใครๆก็อยากให้เราตำให้กิน แต่จะขายน้ำพริกก็ไม่ universal ฝรั่งอาจจะไม่เก็ทเท่าไหร่ พี่หมูก็ให้ไอเดียต่อไปว่า ถ้าถนัดทำน้ำพริก ก็ลองปรับผลิตภัณฑ์ดูสิ ทำในสิ่งที่ผู้บริโภคอยากซื้อซ้ำและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่าย เราเลยเกิดไอเดียที่จะทำผงโรยข้าวรสไทยๆ ก็ส่งแผนธุรกิจให้กับทาง SPARK มีการปรับไอเดีย ปรับแผนต่อมา จนในที่สุดก็ได้วีซ่าเพื่อทำสตาร์ทอัพ”

นักธุรกิจหญิงไทยในต่างแดน=ยากในยาก

“คำว่า entrepreneur ยากตั้งแต่คิดจะเป็นแล้ว ยิ่งเป็นผู้หญิง ยิ่งยากขึ้นไปอีก มันมีแรงปะทะเข้ามาหาเราทุกวัน มีเรื่องต้องตัดสินใจ มีความรับผิดชอบสารพัด จิตใจต้องแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวมาก ยังไม่รวมถึงการย้ายมาอยู่ในต่างแดน ต้องเจอทั้งความโดดเดี่ยว ไม่ได้มีเพื่อนมีครอบครัวมาคอยซัพพอร์ทจิตใจ เจออะไรหนักหนาแค่ไหน ต้องผ่านไปให้ได้ด้วยตัวเอง ร้องไห้ก็ปลอบตัวเอง เวลาจะไปหาแฟน ไปมีความรัก ไปเดท ยังไม่ค่อยจะมีเล้ยยย ตอนนี้เลยโสดสุดๆ ทำแต่งานวนไป สำหรับเรา ชีวิตต่างแดนมันเป็นความยากที่เพิ่มจากการทำธุรกิจขึ้นไปอีก และเป็นพาร์ทที่คนทั่วไปไม่ค่อยได้รับรู้หรือเห็นกัน

สตาร์ทอัพในอังกฤษ

ทุกครั้งที่เราบอกคนที่นี่ว่า เราเป็นนักธุรกิจที่มาจากประเทศไทย เค้าจะตอบกลับมาว่า ‘You’re so brave” ทำให้เราได้คิดว่า เออ เราก็กล้าจริงนะ ถามว่ากลัวมั้ย ความกลัวมันมีอยู่ตลอด แต่สุดท้ายความอยากมันใหญ่กว่า แล้วเราเป็นคนสู้ไม่ถอยง่ายๆมาตั้งแต่เด็ก พอรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ก็จะสู้ทำมันไปจนกว่าจะได้ ถือเป็นข้อดีสำหรับเรา แต่ภาพที่คนเห็นใส่สูทสวยๆลุคเท่ๆนี่ เบื้องหลังเสียน้ำตา เสียเหงื่อ เสียพลังใจมาหมดแล้วทุกรูปแบบ แต่ไม่เคยคิดจะเลิกทำ”

ผงโรยข้าว Suda’s เสน่ห์อยู่ตรงไหน?

“เราเชื่อว่าคงมีผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันบ้างในตลาด แต่สำหรับเรา Suda’s Seasoning มันคือความสนุกจากการได้นำผงโรยข้าวตัวนี้ไปสร้างสรรค์เมนูในแบบของตัวเอง แซ่บในแบบของตัวเอง คือเราออกแบบผลิตภัณฑ์มาให้คนกินแล้วจอย สโลแกนก็คือ The seasoning of Joy พกพาไปที่ไหนก็ได้ กินแล้วแฮปปี้ อร่อยง่าย ไม่ต้องคิดเยอะ ผงโรยข้าวตัวนี้เลยเหมาะกับวิถีชีวิตคนสมัยใหม่ ถ้าขี้เกียจก็แค่แกะซอง แล้วเอาไปโรยข้าวก็ได้ โรยอาหารอื่นก็ได้ เช่น ไก่ย่าง หรือโรยขนมพวกป็อบคอร์น มันฝรั่งทอด คนต่างชาติเห็นเกิดไอเดียที่จะเอาไปกินในแบบของเค้า ที่สำคัญ เราใช้วัตถุดิบไทยแท้ นำรสแบบไทยๆมาทำให้เข้าถึงได้ในตลาดนานาชาติ ตอนนี้มีตัวผลิตภัณฑ์ที่กำลังจะวางขาย 2 รสชาติคือ รสต้มยำกับแกงเขียวหวาน แต่ต่อไปจะมีอีก 4 รสชาติที่ตามมา”

ความสำเร็จคือ รสชาติไทยที่ใครก็ชอบ

“นักธุรกิจส่วนใหญ่จะมองถึงกำไรหรือยอดขาย แต่ในธุรกิจประเภทอาหาร เราหวังที่จะเห็นคนกินผลิตภัณฑ์ของเราแล้วชอบ รู้สึกอร่อย เกิดแรงบันดาลใจเอาไปครีเอทเมนูในแบบของเค้าเอง ถ้าลูกค้าแฮปปี้ ยอดขายหรือกำไรมันก็จะตามมา แล้วเราก็อยากให้รสชาติไทยๆที่ฝรั่งเค้ารู้จักกันอยู่แล้ว ไปปรากฏอยู่บนชั้นวางในซูเปอร์มาเก็ตดังๆที่นี่ อย่าง Waitrose หรือ Sainsbury’s ซึ่งตอนคิดผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ภาพในหัวเราชัดมากว่าอยากให้รสชาติเป็นแบบไหน แพ็กเกจจิ้งหน้าตายังไง เวลาไปวางบนชั้นวางจะเป็นยังไง เราเลยเลือกใช้การนำเสนอที่ชวนให้คนอยากหยิบลงตะกร้า ใช้รสชาติที่จับต้องง่าย อย่างรสชาติที่มาจากอาหารไทยเลย เพื่อให้เวลาตีความออกมาเป็นภาพ มันเข้าใจง่ายสำหรับคนทุกชาติ ไม่ใช่แค่คนไทยเท่านั้น”

จะไปให้ไกล ฝันต้องใหญ่ แพชชั่นต้องแน่น

“ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำแผนธุรกิจมาจนวันนี้ ก็ 7 ปีแล้วนะ ถ้าไม่ใช่แพชชั่น คงพับแผนกลับบ้านไปแล้ว เพราะเวลาบอกใครว่า เฮ้ย เราอยากทำสตาร์ทอัพในอังกฤษ จะมีคนพูดว่า ฝันใหญ่ไปรึเปล่า? ไม่ค่อยมีใครเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริง ยกเว้นพี่หมูคนเดียว แต่สำหรับเรา เรามองเห็นภาพตัวเองเป็น CEO หญิงมาตลอด เชื่อหมดใจว่าตัวเองทำได้ ขอแค่โอกาส เราเองก็มีลิมิตของเราอยู่ ถ้าสุดมือสอยก็ปล่อยวาง แต่สำหรับธุรกิจนี้ มันยังไม่สุด เลยทำให้สู้กับมันมาได้หลายปีแบบที่แพชชั่นไม่ตก ยิ่งพอได้มาอยู่ที่นี่ ได้ห้อมล้อมไปด้วยคนเก่ง ได้เห็นโอกาสและศักยภาพที่มันพัฒนาขึ้น เรายิ่งมีไฟ ตอนนี้ก็เริ่มมีขยายทีม ได้น้องๆรุ่นใหม่มาช่วย ธุรกิจก็เริ่มลงตัวมากขึ้น

สตาร์ทอัพในอังกฤษ

เป้าหมายต่อไปที่อยากทำให้ได้คือ อยากรันธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อน ต่อยอดไปในสาย innovation ขายหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ และขยายธุรกิจไปลงทุนในประเทศอื่น ถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้ทำงานกับวง BTS นี่เห็นภาพงานแถลงข่าวมารอแล้วนะ ถ้าได้พวกน้องๆวง BTS มาเป็นพรีเซ็นเตอร์จะฟูลฟิลจิตใจมากๆ เพราะ BTS เป็นวงเกาหลีวงเดียวที่เราเป็นแฟนคลับ เป็นต้นแบบของแพชชั่นและความพยายาม วงเค้าเริ่มจากศูนย์จนไปได้ไกลระดับโลก ก็ดูจะเป็นฝันใหญ่อีกแหละ แต่ไฟยังแรงอยู่ จะลองทำดูซักตั้ง”

instagram : @sudastaste

facebook : @sudastaste

Written by : Natty P.

อ่านเรื่องราวอื่นๆ เพิ่มเติมได้ทาง CleoThailand หรือ FB: @CleoThailand

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']