อยากหนีความวุ่นวายในเมือง ปลีกตัวเองออกมาฮีลใจหน่อย ลำปาง เป็นตัวเลือกแรกๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัว เมืองที่เงียบสงบ ไม่วุ่นวายแต่สวยงาม เป็นเมืองที่เรากระโจมพุ่งตัวเข้าหาธรรมชาติได้เลย มาสะดุดกับที่พักชื่อ เฌอปา แจ้ซ้อน บอกเลยว่าเวลาสามวันสองคืนที่นี่ช่วยฮีลใจเราได้จริงๆ นะ
เฌอปา แจ้ซ้อน คือโลกนิทานที่อยู่บนดิน
เราถึงลำปางในอากาศที่ร้อนกว่าปกติ แต่โชคดีที่มีลมพัดตลอด ทำให้ไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป ฟ้าเปิดกว้าง มองเห็นเมฆเต็มท้องฟ้า ทันทีที่เราถึงที่เฌอปา แจ้ซ้อน ความสงบก็เข้ามาในใจเราทันที เสียงแรกที่ได้ยินคือเสียงน้ำในลำธารที่ไหลไปอย่างช้าๆ และเสียงนกร้องเป็นระยะๆ
เราเดินเล่นในที่พักอยู่นานสองนาน กินเวลาไปเกือบชั่วโมง รู้ตัวอีกทีแสงตะวันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มแล้ว บอกเลยว่าใครที่เป็นสายธรรมชาติ อยากปลีกวิเวกหาความสงบให้ตัวเอง เฌอปาคือตอบโจทย์มากจริงๆ นะ เริ่มจากจุดชมวิวที่มองเห็นวิวทั้งหมดแบบ 360 องศา สามารถทอดสายตามองไปได้แบบยาวๆ เราจะได้เห็นลำธารที่น้ำไหลผ่านพร้อมเสียงเย็นๆ เบาๆ ต้นไม้เขียวขจีที่ทำมุมกับพระอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดิน มองเห็นรถบ้านเกือบทุกหลังที่ตั้งอยู่ตามโซนต่างๆ ลมเย็นปนแดดที่พัดโชยมาเบาๆ ทำเราอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้เลย
เริ่มเดินจากจุดชมวิวมาดูแต่ละโซนในเฌอปา ในผืนดินอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ เฌอปาทำรีสอร์ทเป็นรถบ้าน มีด้วยกันทั้งหมด 18 หลัง แต่ละหลังก็มีคาแร็กเตอร์ของตัวเองนะ เริ่มจากหลังที่เราอยู่ชื่อว่า Sexy ก็เซ็กซี่สมชื่อจริงๆ เดินมาถึงที่พักก็ต้องตะลึงกับอ่างอาบน้ำที่วางไว้ด้านหน้าประตูที่พักเลย! ใช่แล้วล่ะ มันคืออ่างแบบเอาท์ดอร์ เพิ่มความเซ็กซี่เข้าไปใหญ่ ห้องที่เราพักเป็นห้องสำหรับสองคน มองจากด้านนอกเหมือนรถบ้านวินเทจเลย มู้ดดีมาก ด้านในก็ไม่ได้เล็กนะ มีเตียงนุ่มสบาย มีโซนโซฟานั่งเล่น จะนั่งชิลล์ๆ หรือนั่งทำงานดูซีรีส์ก็ได้เหมือนกัน ใครกังวลเรื่องห้องน้ำก็ไม่ต้องกลัวเลย ที่นี่เขาใส่ใจเรื่องความสะอาดและความสะดวกสบายของห้องน้ำมาก ทุกหลังจะมีห้องน้ำในตัว ซึ่งหลังที่เราเข้าพักจะเป็นหลังที่ห้องน้ำกว้างที่สุด แบ่งโซนชัดเจน
ส่วนด้านหน้าก็มีโต๊ะกินข้าวที่นั่งมองวิวได้เพลินๆ ด้วยนะ หรือจะออกมานั่งตากลมยามเย็นก็ได้เหมือนกัน พอตกเย็นเราสั่งเป็นเซ็ตบาบีคิว พัชี่ๆ พนักงานก็จะจุดเตาปิ้งให้ เราก็สามารถตั้งแคมป์เล็กๆ หน้าที่พักเราได้เลยนะ พอตกเย็นลมหนาวก็เริ่มมา มาปะทะกับบาร์บาบีคิวก็อุ่นขึ้นเยอะ สนุกไปอีกแบบ รสชาติเขาก็โอเคเลยนะ ที่นี่เขาใช้เวลาหมักหมูนานถึง 4 ชั่วโมง น้ำซอสก็เข้มข้นมาก ไม่ต้องจิ้มอะไรเพิ่มเลย ยิ่งมากับเพื่อนสลับกันปิ้งไปมาก็สนุก หรือมาเดทกับแฟนก็ได้โมเมนต์น่ารักๆ เหมือนกัน
เฌอปา แจ้ซ้อน รีสอร์ทที่อบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน
นอกจากห้อง Sexy ที่เราพักแล้ว ก็ยังมีห้องอื่นแบบอื่นด้วยนะ วันนี้เลยจะมาแนะนำห้องพัก 3 หลัง 3 สไตล์พร้อมวิวสวยๆ มาฝากเป็นไกด์ไลน์กันหน่อย
Rocky เท่ ลุย เอาใจสายติสท์
ห้องร็อกกี้ มีความไม้ๆ ลุยๆ สายติสท์ถูกใจแน่นอน ห้องนี้นอนได้ 2-3 คนนะ โซนนี้ด้านนี้ก็มีน้ำไหลผ่านลำธาร มีโขดหินเป็นหย่อมๆ ยิ่งตอนกลางคืนเราก็จะได้ยินเสียงน้ำไหลเบาๆ ด้วย เหมือนเปิด ASMR ฟังเลยล่ะ นอนหลับสบายแน่นอน
Party กับแก๊งเพื่อนก็เริ่ดไปอีกแบบ
เหมาะกับการมาพักผ่อนปาร์ตี้แบบไพรเวทกับแก๊งเพื่อนมากๆ เป็นรถบ้านคันยาว ชื่อห้องว่าปาร์ตี้ ในห้องมีเตียงไซส์ใหญ่ 2 เตียง นอนได้ 6-8 คน สายปาร์ตี้ต้องชอบโซนนี้แน่นอน
Domy ห้องพักเก๋ๆ เหมือนนอนอยู่ในโดม
ที่สุดของความเก๋ เหมือนได้นอนในโดมจริงๆ เห็นแบบนี้แต่ในข้างในสบายมากเลยนะ เตียงกว้า มีโต๊ะนั่งเล่น ห้องน้ำพร้อมหมด ใครที่ชอบความเก๋ อยากนอนในโดมแบบนี้ต้องลองห้อง Domy เลย โซนนี้รอบข้างจะกว้างมาก ตื่นมาสามารถสูดอากาศดีๆ ได้เต็มที่
จนเริ่มตกเย็น ฟ้าเริ่มมืด เฌอปาก็เปลี่ยนเป็นบรรยากาศเป็นโรแมนติกทันที ไฟเริ่มเปิดทีละดวง ก็สวยไปอีกแบบ บรรยากาศที่เฌอปายามค่ำคืนให้ความรู้สึกต่างกับช่วงกลางวันอย่างลิบลับเหมือนต้องมนตร์ มองไปบนฟ้าเราก็จะเห็นดาว เสียงรอบข้างที่เงียบสงบ เราได้ยินแค่เสียงธรรมชาติเท่านั้น เลยเปลี่ยนบรรยากาศเดินเล่นยามค่ำคืนบ้าง จะมีโซนนึงที่เราชอบมาก เชื่อว่าใครที่มาเห็นก็ต้องร้องว้าว เป็นเหมือนหอดูดาวที่เราสามารถแช่อ่างพร้อมบาธบอมพ์สวยๆ ปล่อยใจสบายไปกับน้ำอุ่น แหงนหน้ามองท้องฟ้าดูดาวในบรรยากาศโรแมนติก รอบข้างมีผ้าม่านบางๆ พริ้วไหวตามลมที่พัดมา ฟินสุดๆ เป็นอีกจุดนึงที่ต้องมาลองตอนกลางคืนเลยนะ
ยามเช้ากับเมนูซิกเนเจอร์ “ไข่ลวกน้ำแร่” ส่งตรงน้ำตกแจ้ซ้อน
เช้าวันรุ่งขึ้น ตื่นมาด้วยเสียงฝนตกเบาๆ แต่ก็มาพร้อมกับแสงแดดยามเช้า บรรยากาศยามเช้าบอกเลยว่าฟินมาก อากาศไม่ร้อนมาก แดดกำลังดี ได้ยินเสียงนกร้องดังเจื้อยแจ้วไม่หยุด ได้เวลาของอาหารเช้ากันแล้ว รีบแต่งตัวแล้วตรงดิ่งไปที่ Sherpa Cafe เป็นโซนคาเฟาของที่นี่เลยโดยเฉพาะ พอไปถึงก็จะเป็นลานกว้างๆ มีที่นั่งให้เลือกหลายโซน ส่วนอาหารเช้าที่นี่ก็อลังการมาก เรียบง่ายแต่อร่อย อิ่ม แฮปปี้แน่นอน เริ่มด้วยข้าวต้มร้อนๆ หอมกลิ่นพริกไทย เสิร์ฟคู่กับเซ้ตขนมจีบซาลาเปา และที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ ไข่ลวกน้ำแร่ ที่ลวกจากน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน รสชาติและเนื้อสัมผัสจะแตกต่างจากไข่ลวกทั่วไป เพราะไข่ลวกที่นี่จะไม่แข็ง ไข่ขาวสุกแต่ไม่แข็งเป็นก้อน กินแล้วนุ่มละมุนลิ้น ส่วนไข่แดงก็เนื้อเนียนละเอียด ถ้ากินกับน้ำซุปข้าวต้มก็ยิ่งเข้ากันได้ดีเลย ปิดท้ายด้วยเซ็ตผลไม้ล้างปาก เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
หลังจากกินอาหารเช้าเรียบร้อย ก็เดินเล่นจนไปถึงจุดชมวิวใต้ต้นจามจุรีที่มีอายุถึง 100 ปีเลยนะ โซนนี้เป็นเหมือนชั้นลอยฟ้าที่ทำให้เรามองเห็นวิวได้กว้างมากๆ สายถ่ายรูปบอกเลยว่าห้ามพลาดนะ
ทริปนี้ที่เฌอปาคือการชาร์จแบตให้ตัวเองที่แท้จริงๆ อยู่ที่นี่เราได้สัมผัสความนิ่งเงียบสงบที่หาไม่ได้จากในเมือง ธรรมชาติที่อยู่ใกล้ตัวมากๆ ท้องฟ้า ลำธาร ภูเขา แม้แต่เสียงนกร้อง เป็นความเรียบง่ายที่ทำให้มีความสุขมากจริงๆ นะ ใครที่อยากหนีความวุ่นวาย อยากหาเวลาให้ตัวเองได้อยู่กับคนที่รักแบบไพรเวทไม่มีใครรบกวน เฌอปาคือคำตอบเลยล่ะ แล้วมาค้นพบความสุขจากธรรมชาติไปด้วยกันนะ 🙂
เข้าไปดูรายละเอียดที่พัก หรือสอบถามจองที่พักได้ ที่นี่ เลย