ใครกำลังคิดว่าตัวเองกำลังเป็น “เดอะ แบก” ในที่ทำงานบ้าง รู้สึกว่าเราทำทุกอย่างเพื่อพยุงทีมเอาไว้คนเดียว แต่ทำไมคนอื่นดูไม่เห็นทำงานหนักเท่าเราเลย ถ้ารู้สึกไม่มีทางออกมากๆ ก็ส่งเมลลาออกเลยดีมั้ย บุคลากรที่ทรงคุณค่าอย่างเรา หัวหน้าต้องรั้งไว้แน่ๆ ถ้าหัวหน้าทำแบบนั้นจริง แปลว่าคุณคือคนสำคัญที่เขาขาดไม่ได้ตามคาด แต่ถ้าเขาให้คุณไปแบบง่ายๆ เหมือนดีใจที่คุณจะไป อาจแปลว่าที่คุณเข้าใจมาตลอดว่าเป็นคนแบกทุกอย่างไว้ที่ตัวเองกำลังเข้าใจผิดอยู่ก็ได้หรือเปล่า แอบเสียเซลฟ์ขึ้นมาหน่อยๆ
เราเข้าใจเป็นอย่างดีว่าคุณทำงานหนัก คุณเหนื่อย คุณเบิร์นเอาท์ คุณไม่มีแรงบันดาลใจ แต่พยายามอย่ามองคนอื่นในทีมว่าเขาไม่เก่งเท่าเรา คนขี้เกียจน่ะมีอยู่เห็นๆ แต่ไม่ต้องคิดว่าเราทำมากกว่าคนอื่นทั้งหมด พูดตามตรงที่ออกจะดูโหดไปหน่อย ถ้าไม่ไหวจริงๆ และคิดว่าเราเจ๋งจริง คนสวยเลือกได้ ลาออกไปสมัครงานที่อื่นที่เราคิดว่าทีมเวิร์คแน่นกว่าไปเลย อย่าไปเมาท์หรือดราม่าบ่นว่าคนนั้นอ่อนหัด คนนี้ไม่ได้เรื่อง คนเก่งอย่างเราต้องมาช่วยฝูงคนขนาดนี้ทำไม สุดท้ายก็หมดกำลังใจซะเอง เพราะว่าบางครั้งเราอาจคิดไปเองด้วยเหตุเกิดจากความท้อของเราทั้งหมด
โปรเฟสเซอร์ด้านจิตวิทยาอย่างคุณไอร่า ไฮแมน ที่มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น วอชิงตันบอกใน Psychology Today ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเขาให้ลูกสองคนสลับกันล้างจาน และตอนนี้ป็นคราวของใครล้างแล้ว ลูกแต่ละคนก็บอกว่าตัวเองล้างแล้ว เถียงกันเอาเป็นเอาตาย แล้วไม่ได้เนียนโกหกด้วยนะ ลูกๆ ของเขาเชื่อว่าตัวเองทำเป็นคนสุดท้ายจริงๆ คุณไอร่าบอกว่าสิ่งนี้เรียกว่า “อคติที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางในความทรงจำ” เราจะจำได้ถึงสิ่งที่เราทำมากกว่าสิ่งที่คนอื่นทำ ก็เหมือนกับในที่ทำงานที่เราจะจำได้ถึงผลงานที่เราทำมากกว่าผลงานที่เพื่อนร่วมทีมทำเลยเข้าใจว่าตัวเองทำเยอะอยู่คนเดียว
เปิดใจแล้วไปดูว่าคนอื่นๆ กำลังทำอะไร
ครั้งหน้าถ้าคิดว่าเราทำมากคนเดียว ให้หยุดแล้วคิดถึงแต่ละขั้นตอนจนกว่างานจะเสร็จว่าคนที่เราไม่เห็นว่าเขาทำ มันมีผลงานออกมาบ้างมั้ย เขาอาจจะงานเยอะมากจนดูเหมือนเดินไปเดินมาทั้งวัน แต่เขาอาจเอางานกลับไปทำต่อที่บ้าน หรืองานฝ่ายซัพพอร์ตที่ไม่ได้มีผลงานชัดเจน แต่เขาช่วยจัดการจองห้องประชุม ทำเอกสาร งานเล็กๆ น้อยๆ เราแทบไม่ต้องแตะ แปลว่ามีใครบางคนรันให้ทุกอย่างสมูธอยู่
ถ้าอยากรู้ก็เข้าไปลองพูดคุยกับเขาเลย แต่ไม่ใช่เดินเข้าไปหาเรื่องสอบสวน ถามจี้ว่าวันๆ ทำอะไรบ้าง ลองแกล้งโยนหินถามทางไปก็ได้ว่าไม่ค่อยได้เจอเลย ช่วงนี้เธอดูโปรเจ็คท์อะไรอยู่เหรอ บางครั้งสิ่งที่เขาเจอ มันคืองานหินแบบที่เราต้องมองเขาใหม่ทันที หน้าตาเขาดูไม่เครียด แต่ความกดดันน่ะสูงมาก สุดท้ายเราอาจจะเห็นใจแล้วลดอีโก้และอคติของตัวเองลง แถมยังรู้สึกชื่นชมกับความสามารถของเพื่อนร่วมงานแล้วทำงานไปด้วยกันได้แบบเข้าใจทุกคนมากขึ้นกว่าเดิม