ไม่รู้ว่าดาวย้าย ฮอร์โมนตีก่อนเมนส์มาหรือเป็นคนนิสัยชอบหัวร้อนอยู่แล้ว ทำให้ทุกวันนี้ใครพูดอะไรไม่เข้าท่า โพล่งสิ่งที่เพ้อๆ มาในที่ประชุม หรือนั่งคุยงานลูกค้าที่พูดเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่อง ทำให้บางทีแทบข่มอารมณ์ไม่อยู่ เผลอพูดสวนแรงๆ ไปบ้างเหมือนกัน เพราะว่าการคุยถกเถียงเรื่องต่างๆ ตอนนี้เหมือนอยู่ใต้ความกดดันไปหมด เราก็เครียด เขาก็เครียด คลีโอเลยไปหาข้อมูลเจอว่าการคุมสถานการณ์ด้วยความนิ่งทั้งที่ใจร้อนผ่าว ต้องเริ่มมาจากอะไร
และแล้วก็ได้ข้อแนะนำเจอจากนักเขียนหนังสือเรื่อง Holding the Calm: The Secrets to Resolving Conflict and Defusing Tension อย่างเฮช่า อับบรัมส์ ออกมาอธิบายว่าสังคมของเราทุกวันนี้แตกแยกมาก ขนาดไม่ได้พูดกันเท่าไหร่ ยังไม่รู้ว่าจะประสานรอยร้าวระหว่างกันยังไงเลย เพราะมันมีแต่การบอกว่าเธอผิดตรงไหนบ้าง ตำหนิกันไปซะหมด
อันนี้สำคัญมากว่าสิ่งที่เราทำสะท้อนถึงสมองเลยนะ เพราะ “อมิกดาล่า” ซึ่งอยู่ที่สมองส่วนหลัง เป็นศูนย์รวมความรู้สึกกลัวและความคิดแง่ลบ มีประโยชน์ให้มนุษย์รู้จักตื่นตระหนกมาตั้งแต่ยุคถ้ำ อย่างเวลาที่มองเห็นอะไรเป็นเส้นๆ ยาวๆ จะสั่งการให้เราคิดทันทีว่านั่นงูหรือกิ่งไม้นะ สมองส่วนนี้จะตัดสินใจในเสี้ยววินาทีให้เราทำอะไรลงไป ถึงแม้จะเป็นการเข้าใจผิดก็ตาม แต่สมองด้านหน้าเป็นส่วนที่ต้องใช้เหตุผลและตรรกะกลับต้องใช้เวลาในการไตร่ตรอง ซึ่งถ้าต้องแข่งกันทำงานในเวลาตอนนั้น อมิกดาล่าจะเร็วกว่าทำให้เราตัดสินไปเลยว่านี่เขาตั้งป้อมใส่เราเหรอ เลยเกิดเหตุการณ์ระเบิดลงกลายเป็นโกโก้ครั้นช์ในพริบตา
วิธีเดียวที่จะให้สมองส่วนหน้านี้เทคโอเวอร์ก่อนจะพัง เราเลยต้องนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว คุมสติเอาไว้กับตัวก่อน และเมื่อไหร่ที่สมองส่วนคิดลบโดนกระตุ้น จะมีเสียงคนข้างๆ บอกคุณว่าใจเย็นๆ นะ ซึ่งคุณเฮช่าก็ให้ข้อคิดที่ทำให้เราแอบขำ เพราะในประวัติศาสตร์ของการบอกใครให้ใจเย็นๆ ไม่เคยเห็นว่าเขาใจเย็นลงได้จริงสักคน เหมือนทุกคนจะมองโลกแง่บวกขึ้นมาทันที หมายถึงพร้อมเข้าไปบวกเขาอ่ะ… นี่ถ้ามีพวกยุๆ “เล่นเลยมั้ยลวกเพ่!” คงไม่ต่างจากหนัง 4KINGS ดีๆ นี่เอง
ดังนั้นสิ่งที่จะฝึกให้เราผ่านความหัวร้อนพร้อมไฝว้ไปได้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า
- ตั้งใจสะกดอารมณ์ไว้มั่นๆ
ถ้าโดนพูดจากระตุ้นอารมณ์เมื่อไหร่ ให้มโนเหมือนความสงบนิ่งเป็นแก้วครอบตัวเองไว้ ทุกเหตุการณ์มีโลกคู่ขนาน มีทางเลือกให้เดินเสมอ ไม่ต้องพุ่งชนอย่างเดียว ยิ่งเรารับรู้อารมณ์ของตัวเองว่าตอนนี้เคืองนะ คำพูดนั้นเริ่มไม่ถูกจริตแล้ว แต่จะมีอีกฝากที่เราแยกแยะว่าควรรีแอคตอบโต้ยังไงดี โดยอาจซ่อนความเคืองไว้ในใบหน้ายิ้มๆ เราสามารถนิ่งฟังเขาจนจบ แม้แต่การเงียบเข้าสู้ ยังดีกว่าแสดงความรุนแรงออกไปซึ่งผลสุดท้ายก็มาเสียใจเองอยู่ดี
- อยู่ใกล้ๆ คนที่มีพาวเวอร์ในห้องนั้น
เป็นคำแนะนำที่เก๋มาก เพราะเฮช่าบอกว่าสิ่งแรกเลยเวลาเข้าห้องประชุมให้มองหาว่าใครที่มีอำนาจการตัดสินใจนั่งตรงไหน แล้วพยายามไปนั่งใกล้ๆ เขาที่สุด เพราะอะไร เพราะเราจะกลัวไง ปกติสมองอมิกดาล่าจะทำให้เรารู้สึกกลัวคนมีพาวเวอร์ ทำให้อยากนั่งไกลๆ แต่เราขอสวนกระแส ไปนั่งใกล้ท่านประธานในพิธีเลย วิธีนี้จะไม่ทำให้เรากร่างใส่ใครง่ายๆ ไม่อย่างนั้นฝ่ามืออรหันต์อาจลอยมาจากหัวหน้าเราเอง
- ตอบกลับด้วยคำถาม
เวลาโดนคนที่เราไม่ชอบมาคอนเมนท์เยอะๆ อยากสวนกลับไปเลยว่า “เก่งนัก ก็มาทำเองดิ!” เราก็ลองถามกลับไปว่า “มีวิธีอื่นแนะนำบ้างมั้ยคะ” ถ้าเขาตอบไม่ได้ ก็แปลว่าเขาเองไม่ได้เก่งไปกว่าเราขนาดนั้นหรอก หรือบางทีถ้าเปิดใจสิ่งที่เขาพูดมันอาจเวิร์คก็ได้ แค่วางทิฐิของเราลง
เพราะถ้าเราใช้ความสะใจสาดใส่ทุกอย่าง เรียนผูกปมยากๆ จะหาทางแก้คงยากหน่อย ดังนั้นถ้าเราคุมสติ คิดก่อนทำอะไรหัวร้อนออกไป คนโบราณบอกว่าเอาน้ำเย็นเข้าลูบไปเถอะ ชีวิตจะง่ายและเบากว่าแบกอะไรหนักๆ ไว้กับตัวเองทุกวัน แล้วไม่ต้องไปไหว้ย่อสวยๆ ขอโทษใครตามหลังอีก