เป็นโพสต์ที่ทำให้เราต้องหยุดอ่านแล้วกรี๊ดในใจ น้องเนสส์ สาวน้อยที่กล้าเขียนเรื่อง “แอบรัก” ลงเฟซได้หมดจดแล้วน่ารักมาก จนทำให้เราต้องทักเนสส์แล้วให้เธอเล่าเรื่องรักครั้งนี้กับชายหนุ่มฮ่องกงให้ฟัง เนสส์บอกว่า “แค่กำลังเล่าให้พี่เอ๋ฟัง ก็มีความสุขแล้ว แค่ได้พูดถึงเค้าให้ใครฟัง ถึงจะไม่เจอ ไม่คุยกัน มันโอเคแล้วจริงๆ”
ความรักที่ซื่อตรงจากหัวใจของเธอ
ขอเรียกความรักของเนสส์ครั้งนี้ว่าเป็น unconditional love รักข้ามเวลาของสาวน้อยคนนี้
(ไม่สามารถลงรูปชายหนุ่มออกสื่อได้ เนสส์กลัวเขาจะอึ้งเกินไป จินตนาการกันเองนะ เป็นหนุ่มหล่อ ผมยาวประต้นคอ ผิวแทนๆ ที่แววตาลึกซึ้ง)
เนสส์เล่าว่าเรื่องนี้เป็นเรื่อง “รักข้างเดียว” ของเธอ…
“ไม่รู้ว่าเป็นรักแบบไหนนะ แต่ว่ารัก มันเหมือนในหนังเลย ตอนเจอครั้งแรกเนสส์ไปเที่ยวบาหลีคนเดียว ตอนนั้นเราหาที่เดินดูพระอาทิตย์ตก ทั้งหาดไม่มีคนเลย พอได้ที่ลงแล้วปรากฏว่าไปเจอว่ามีอีกคนอยู่อีกหาดหนึ่งด้วย ก็เลยมองเขา แล้วอยู่ดีๆ เขาเดินมาฝั่งที่เราอยู่ เขาบอกว่าถ่ายรูปให้ไหม หลังจากนั้นเลยได้คุยกัน แล้วรู้สึกว่าถูกชะตา แต่ก็ไม่ได้อะไรมาก”
เนสส์ไปบาหลีคนเดียวหลังจากเลิกกับแฟน เธอบอกว่าตอนแรกก็คิดว่าจะแย่ แต่พอไปแล้วกลับรู้สึกดีกับตัวเอง อยู่ได้แบบมีความสุขกับตัวเอง แล้วฟ้าก็พาเจอมาเจอกับผู้ชายคนนี้
“เขาเป็นหนุ่มฮ่องกง มารู้ว่าเขาเคยไปม็อบที่ฮ่องกง เราเองก็ไปเหมือนกันตอนนั้น พอคุยกันถึงรู้ว่าที่เขามาบาหลีเพราะเครียดกับสถานการณ์ที่ฮ่องกง ก็เลยเหมือนมีอะไรคอนเน็คท์กัน วันนั้นเป็นวันสุดท้ายที่เราอยู่บาหลี ตอนแรกก็งงว่าทำไมหาดนี้มีแค่สองคนที่รอดูพระอาทิตย์ตก อยู่กันคนละฝั่งเลย เราก็แค่คิดในใจว่า “เขามาดูพระอาทิตย์คนเดียวเหมือนเราเลย””
ความบังเอิญอีกเรื่องคือ วันแรกๆ ที่เนสส์เที่ยวที่บาหลี เนสส์เคยเจอกับเขามาแล้ว และได้ขอให้เขาถ่ายรูปให้ด้วย “แล้วเราก็เพิ่งรู้ว่าเราเคยเจอเขามาแล้ว เราเคยให้เขาถ่ายรูปให้แล้วเราจำเขาไม่ได้ เขาเลยเดินมาจะถ่ายรูปให้อีก ก็เลยได้เริ่มคุยกัน”
สิ่งที่ทำให้เนสส์รู้สึกเชื่อมโยงกับผู้ชายคนนี้ ก็คือตอนที่เธอได้ไปกินข้าวคุยกันต่อหลังจากเจอกันบนหาด ความลื่นไหลที่คุยกัน เรื่องราวที่สนใจเหมือนๆ กัน กลายเป็นความประทับใจในใจของเนสส์ไป “เราคุยกันถูกคอมาก ตอนแรกก็ไม่ได้ชอบขนาดนั้น เราเที่ยวคนเดียวก็รู้จักคนทั้งเกาะอยู่แล้ว แต่ประทับใจที่เขาต้องรู้สึกกับบ้านเมืองขนาดไหน เขาถึงเป็นขนาดนี้แล้วต้องมาที่นี่ วันนั้นไปกินข้าวกัน แล้วเขาก็ไปส่งที่สนามบิน เราคุยกันจนเกือบตกเครื่องบิน”
เหมือนกับที่ใครๆ บอกกันว่า “ความรักที่ดีเริ่มจากบทสนทนาที่ดี ความสนใจ การฟังกัน จะนำพาให้คนสองคนคอนเน็คท์กัน แล้วกลายเป็นความรักได้”
เนสส์บอกว่าหลังจากนั้นเธอรู้สึกดีกับเขามาก เธอตรงไปตรงมากับตัวเอง และซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเอง “เรารู้สึกดีมากเลย อธิบายไม่ถูก รู้แต่ว่าคนๆ นี้ดีจังเลย ตอนคุยก็บอกกับเขานะว่าเราโดนเทมา เราเลยมาที่นี่คนเดียว”
หลังจากจากเจอกันครั้งนั้น เนสส์ก็ยังติดต่อกับเขาอยู่ ทักกันบ้างในไอจี คุยกันบ้าง ส่งคลิปขำๆ ให้กันบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีการเปิดเผยความรู้สึกหรืออะไรมากกว่านั้น “เราไม่เคยคุยกันว่าเราชอบกัน เรารู้สึกแต่ว่าอยากให้คนนี้มีความสุขจังเลย คุยกันเรื่อยๆ ไม่เคยหายกันไปจริงๆ แล้วก็ไม่เคยข้ามเส้นไปจริงๆ”
เวลาผ่านไปหลายปี เนสส์รู้สึกอยากไปม็อบที่ฮ่องกงอีกครั้ง เธอไปแบบไม่ได้คิดว่าจะเจอเขา ไปเพราะอยากไปเอง แต่ฟ้าก็ได้จัดการอะไรให้กับเนสส์ “แล้วเราไปฮ่องกงอีกรอบ บังเอิญเป็นความตั้งใจที่ไม่ได้จะเจอเขา แต่กลับได้ไปเจอเขาโดยบังเอิญ เราเดินอยู่ในม็อบฮ่องกง แล้วเขาเป็น first aid ที่ตั้งใจฝึกตัวเองเพื่อมาดูแลคนในม็อบ เขาเป็นผู้กำกับที่ไม่ได้มีอาชีพด้านนี้ เขาเลยโดนใจเรามาก เขาเท่มาก เขาน่าชื่นชมมากเลย ตอนที่เจอกันเขาหันมาบอกเราว่า “มันอันตรายมาก มาทำไม” เราเจอกันใกล้วันที่เราจะกลับ ที่ทำได้ก็คือเดินตามข้างหลังเขาไปในม็อบ เห็นข้างหลังเขา แล้วเรารู้สึกว่าเขาเท่สุดๆ ตอนนั้นคือรู้ตัวเลยว่าชอบเขามาก”
“แล้วรู้สึกตอนนั้นเลยว่าเขาไม่ต้องชอบเราก็ได้ แค่เรามองเขาเราก็มีความสุขแล้ว เขาเป็นคนค่อนข้างแคร์คนอื่นมาก เหมือนเราเห็นหัวใจเขา”
แล้วทั้งสองก็ห่างกันไปอีกครั้ง คราวนี้เนสส์รู้ตัวเลยว่าเธอชอบเขาจริงๆ แล้ว “เราก็คุยกันคล้ายๆ เดิม ไม่ได้คุยกันลึกๆ เรารู้จักเขามาห้าหกเดือนแล้ว เราไม่รู้ว่าเขาชอบเราหรือเปล่า แต่เราตั้งใจแล้วล่ะว่าจะบอกว่าชอบเขานะ เคยถามเขาว่าโสดมั้ย เขาก็บอกว่าโสดมาสองปี เราก็คิดว่าถ้าเขาจะมีแฟนน่าจะมีไปนานแล้วล่ะ เราไม่มีอะไรจะเสีย ก็เลยบอกออกไป”
“ตอนนั้นเขาก็อยู่ในม็อบ เราก็โทรไปบอกเขาตรงๆ อยากให้เขารู้ว่าเราชอบเขา เลยบอกเขาว่า “I like you, please don’t fall in love without me.” เขาตอบว่า “Thank you. I miss you.””
เนสส์บอกว่าตอนบอกออกไป ถึงเขาตอบมาแค่นี้แต่เธอไม่รู้สึกเฟลอะไรแม้แต่นิดเดียวเลย “ไม่รู้สึกเสียใจกับการที่เขาตอบมาแค่นี้ เพราะเราเป็นคนอยากพูด มันเก็บไว้ไม่ได้แล้ว พูดไปดีกว่าอย่างน้อยเราก็ไม่คาใจเราด้วย แล้วเราเห็นเขาทำเพื่อคนอื่นตลอด ก็เลยคิดว่าถ้าเขาไม่ชอบเรา ก็ไม่มีอะไรน่าเสียใจเลย”
เนสส์ได้ก่อความรัก unconditional love ในหัวใจของเธอขึ้นมาแล้ว เธออยากให้เขามีความสุข เธออยากบอกความรู้สึกที่ทั้งชอบและชื่นชมในตัวเขาอยู่ในนั้น แล้วเธอก็ไม่ได้หวังอะไรตอบกลับมา
เนสส์มีผู้ชายคนนี้ในใน ในความรู้สึกนึกคิดมาสามปี ไม่ได้ติดต่อเสมอ มีหายๆ กันไปบ้าง แล้ววันหนึ่งเขาก็ทักเธอมา เขาบอกว่าจะมาเมืองไทย
“อยู่ดีๆ ก็ได้ข้อความจากเขา เขาก็ทักมาบอกว่าจะมาไทยนะ ตื่นเต้นมาก เขาบอกคืนวันจันทร์ แล้วคืนอังคารเขาก็มาถึงเลย เราดีใจจนนอนไม่หลับ คิดแผนเลยว่าจะพาไปทำอะไร แต่วีคนั้นเรางานยุ่งมาก แต่ก็คิดว่าจะทำให้ดีที่สุด”
เนสส์เล่าว่าตลอดเวลา 5 วันที่เขามา เธอและเขายังอยู่ใน friendzone กัน แต่เป็น 5 วันที่เธอมีความสุขมาก “ ตอนแรกก็กังวลว่าไม่เจอกันสามปี ขนาดหน้าเขายังเปลี่ยนไปขนาดนั้น เราจะมีอะไรเปลี่ยนกันมั้ย แต่พอได้เจอมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย เหมือนเพิ่งเจอกันเมื่อวาน เราสัมผัสได้ว่าเขารักษาระยะห่างนิดหนึ่ง ก็คิดว่าจะจับมือเขาดีมั้ยนะอยู่หลายรอบ แต่ก็ไม่เอาดีกว่า ไม่อยากทำให้เขาไม่สบายใจ”
“มันมีหลายโมเมนท์ที่รู้สึกว่ารอบๆ ตัวมันหยุดหมุนไปเลย มีรู้สึกว่านะว่าเขาอยากเดินมากอด แต่เรากล้าๆ กลัวๆ ว่าต้องทำตัวยังไงดี แต่เห็นแววตาของเขาแล้วรู้เลย รู้สึกว่าเขาไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย เราชอบเขายังไงความรู้สึกมันก็เหมือนเดิม”
ความห่างทำให้เกิดความสงสัย เนสส์แค่สงสัยว่าเขาจะไม่มีแฟนจริงๆ หรือ? เธอเลยถามเขาไปตรงๆ “เขาบอกว่าไม่ได้เดทกับใครเลยตลอดสามปี แล้วเขาถามกลัวว่าทำไมเราไม่มีใคร เราก็บอกว่า “ก็รอเธอมารอบนี้ล่ะ”” แต่คำตอบของเนสส์ทำให้เขาเงียบ ความunconditional loveของเนสส์แล่นมาทันที เพราะเนสส์บอกว่า “เรารู้ว่าเขาเป็นคนที่ไม่ต้องรู้จักกันนาน แล้วประหลาดมากเลย ความเงียบของเขาแต่เราเหมือนรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แค่นิดเดียวก็รู้แล้วว่าเขารู้สึกยังไง”
ข้างในของเขาที่เนสส์รู้สึกคือ เธอรู้ว่าเขายังไม่พร้อมจะมีใคร แต่ไม่ว่าจะยังไงเนสส์กลับรู้สึกว่าแค่นี้เธอก็มีความสุขแล้ว “เขาทำให้เรารู้สึกว่าเราเปิดตัวเองได้ด้วย แล้วมันเป็นการเปิดที่ไม่กลัวอะไรเลย บอกชอบเขาไปก็ยังบอกเพื่อนว่า ก็รู้นะว่าเขายังไม่พร้อมมีใคร รอบนี้ที่เขามารู้สึกเขาไม่ค่อยมีความสุข ยังบอกเขาเลยว่า ไม่ต้องเป็นเราก็ได้นะ แค่หาใครสักคนที่ฮ่องกงที่ทำให้เธอมีความสุข เธอน่าจะมีคนอย่างนั้นอยู่ในชีวิตนะ”
จากความชอบก็กลายเป็นรัก เนสส์แน่ใจว่านี่คือความรักของเธอ “มันรักเขาแบบ unconditional love ไปแล้ว ถ้าได้เป็นแฟนกับเขามันคงดีมาก แต่ถ้าไม่ได้เป็นแฟนกัน แค่เขามีความสุขเราก็พอใจแล้ว”
รู้สึกว่าเราชอบเขามาก แค่พูดถึงแล้วไม่ต้องทำอะไรก็มีความสุขแล้ว
เนสส์อยากบอกทั้งโลกว่าเธอชอบผู้ชายคนนี้ เธอไม่อยากเสียโอกาสที่ได้เปิดกว้างกับความรู้สึกนี้ แล้วเธอรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำออกไป เธอรู้สึกด้วยว่าชอบตัวเองมากขึ้น “ปากเราจะบอกชอบเขาทั้งต่อหน้าและลับหลัง เราคิดว่าเขาคงชอบเราประมาณหนึ่งในระดับเพื่อน แต่คงยังไม่สามารถเป็นแฟน แต่ก็ไม่มีอะไรน่าเสียดาย โมเมนท์ดีๆ เราเก็บมาหมดแล้ว เราได้บอกว่า”เราชอบเธอ” แล้วมันมีความสุขจังเลย เขาทำให้เรายอมรับตัวเองได้ ถึงเขาจะปฏิเสธเรา เราก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรเสียดาย เขาทำให้เรายอมรับตรงนั้นได้ เราก็ชอบมากเลยนะ ทำไมมันดีจังที่เราได้บอกคนว่าเราชอบเขา เราอาจผิดหวังก็ได้ แต่เราไม่เสียใจเลย”
แล้วสิ่งที่เนสส์รู้สึก ก็ให้คำตอบบางอย่างกับเธอ เมื่อเขา “เข้ามากอดเธอ”
“อยากกอดเขามาก อยากจับมือเขามากแต่กล้าๆ กลัวๆ แล้วอยู่ดีๆ ตอนกำลังจะลากันเขาก็บอกว่า “มากอดลากันหน่อย” พอได้กอดโอ้โห! มันเป็นกอดที่รู้เลยว่า “เขารักเรา” “มันท่วมท้นไปหมดเลย” เรารู้เลยว่า เขาคิดถึงเราขนาดนี้เลยเหรอ เขารักเราขนาดนี้เหรอ เขาอยากให้เรามีความสุขขนาดนี้เลยเหรอ มันอธิบายไม่ถูกเลย มันเยอะไปหมดเลย”
กอดเพียงกอดเดียวทำให้ความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่ง ชนกับทุกความรู้สึกในใจของเธอแล้ว
“คือตอนนี้ไม่ต้องถามแล้วว่าเขาชอบเรามั้ย รู้แล้ว ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เข้าใจทั้งหมด เราเลยใช้เฮือกสุดท้ายบอกเขาว่า เราก็ไม่รู้ทำไมนะ แต่ตั้งแต่ครั้งแรกจนตอนนี้ เรารู้สึกดี รู้สึกชื่นชมเธอตั้งแต่แว่บแรกเลย แล้วตอนนี้ที่กอดมันคือความรักนะ แต่มันเป็น unconditional love ไม่ต้องกังวลนะว่าเธอจะมีคนอื่นไม่ได้ เพราะไม่ว่ายังไง เราก็จะซัพพอร์ตเธอเสมอ ขออย่างเดียว ขอให้มีความสุข ยังไงก็โอเคหมดเลย มันพอแล้ว”
เมื่อเรารักใครที่ไม่ต้องมีเหตุผล แล้วเขาไม่ต้องรักตอบก็ได้ ทุกสิ่งมันอยู่เหนือความต้องการของตัวเองได้จริงๆ
“เคยสงสัยว่าทำไมเรารักใครแบบที่ไม่ได้รับรักตอบได้ ตอนนี้รู้แล้วว่าทำไม แล้วชอบมากเวลาเราบอกว่าชอบเขา รุ้สึกมีความสุขจังเลยที่ได้พูด เราชอบตัวเองที่ได้ชอบเขาแบบนี้จังเลย เรามีความสุขมาก ถึงความรักนี้อาจอยู่แค่ friendzone ก็ตาม แค่เล่าเรื่องเขาก็รู้สึกว่ามันดีจังเลย เราอิสระและพัฒนาความรักเรามาได้ขนาดนี้เลยนะ”
ก่อนจากกันเนสส์และผู้ชายคนนี้แลกคำขอให้กันและกัน เธอและเขาขอสิ่งเดียวกันก็คือ “เขาขอให้เรามีความสุขอย่างเดียว เขาขอเหมือนที่เราขอให้เขา ต่างคนต่างอยากให้อีกคนมีความสุข มันมากกว่าที่เราอยากมีความสุขด้วยซ้ำ”
คลีโอขอขอบคุณเรื่องราว unconditional love ของเนสส์ รักเรื่องราวแบบนี้มาก โรแมนติก ไม่ร้องขอ ไม่คาดหวัง และเป็นกำลังใจให้ทำอะไรให้ตัวเองได้ชุ่มชื่นหัวใจขึ้น เนสส์เปิดกว้าง เธอมีความรักที่แลนดิ้งในตัวเอง โดยที่ไม่ต้องมีใครมาทำอะไรให้ อิสระและเป็นสุข แล้วมันแผ่ไปให้คนอื่น แบบที่ไฮไปกับเนสส์หนักๆ เลย
อ่านเรื่องราวอื่นๆ ต่อได้ที่ spiritual connection ความรู้สึกที่เชื่อมกันของคุณและเขา