ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Relationship

21 สัญญาณนี้บอกได้ว่า “คุณและเขาดีพกับถึงขั้นจิตวิญญาณ” เป็น Spiritual Connection ให้กันและกัน

Spiritual Connection

ถ้าคุณรู้สึกว่าอยู่ดีๆ ก็เหมือนถูกดูดเข้าไปในใครสักคน นั่นอาจจะเป็นเพราะคุณสองคนมี Spiritual Connection เชื่อมโยงกันทางจิตวิญญาณได้ หรืออาจเรียกว่าโซลเมท ระลึกชาติได้ คนแบบนี้จะทำให้มีดีพ คอนเน็คชั่น เชื่อมโยงอะไรที่ลึกซึ้งเข้าด้วยกัน 

และนี่คือ 21 สัญญาณให้คุณฟันธงได้ว่า “กำลังมี Spiritual connection” กับใครสักคนอยู่

1. คุณมีความเคารพซึ่งกันและกัน

คือเคารพในสิ่งที่เขาเป็น ที่เขาบอก ฟังและเชื่อ และไม่ตัดสินเขา สิ่งนี้เป็นพื้นฐานที่ดีในการมี deep connection กับใคร คุณยินดีที่จะฟังเขาอย่างไม่รู้สึกอึดอัด ไม่แม้แต่จะขัดเขา เพราะคุณค่าต่อสิ่งต่างๆ ที่เขาบอกออกมา มีผลกับความคิดและความรู้สึกของคุณได้ 

จิตวิญญาณที่เชื่อมโยงกันมักจะชื่นชมในความแตกต่างกันเสมอ และจะมองว่าเป็นสิ่งลงตัวด้วยกัน และไม่ว่าอย่างไรจิตวิญญาณแบบนี้จะไม่ตัดสินกันและกัน จะเข้าใจว่าอีกคนต้องการอะไร เกิดเป็น bonding ที่สมานไปด้วยกันและเป็นความเข้ากันได้ที่ดีพ

แพชชั่นและความสนใจก็ไปด้วยกันได้ด้วยถึงแม้ว่าจะมีอะไรที่ต่างกัน รวมๆ ก็คือถ้าเจอใครที่สามารถแชร์เรื่องดีพๆ ได้ นั่นคือคุณไม่ต้องพยายามอะไรในเรื่องการเคารถกัน การซัพพอร์ตกัน และก็จะให้กำลังใจกันตลอดความสัมพันธ์นี้ได้เลย

2. คนที่มีพลังจิตจะฟันธงให้คุณได้

ไม่ได้งมงายนะ แต่พลังแห่งความ deep connection ของคุณ คนที่สัมผัสกับพลังงานทางจิตจะรู้ได้เลยว่า คุณมีพลังงานเลเว่ลเดียวกัน ลองหาใครที่สัมผัสกับสิ่งนี้ได้และคุณไว้ใจ มาช่วยเช็คดูให้รู้กันไปเลยดูนะ และคนที่มีพลังจริงๆ เขาไม่ได้แค่บอกคุณว่า deep connection นี้เป็นยังไง แต่จะแนะนำทางเป็นไปได้สำหรับความรักของคุณเพิ่มได้ด้วย

3. คุณรู้สึกสบายใจจริงๆ เมื่อเขาอยู่ตรงหน้า

เราอาจจะเคยเจอใครที่รู้สึกอึดอัดและไม่รู้จะพูดอะไรต่อ แต่คนที่มีspiritual connection จะเป็นทางตรงข้ามกันเลย ไม่ว่าสิ่งรอบตัวของคุณจะเป็นอะไร คุณก็จะรู้สึกสงบเมื่อมีเขาอยู่ข้างๆ พลังงานจากเขาเพียงพอจะทำให้คุณสงบลง ไม่กลัวอะไร ไม่ตื่นตระหนกใดๆ ได้ คุณจะรู้สึกสบายใจกับตัวเอง และกับการมีเขาเลยล่ะ

ที่สำคัญคือจะไม่ต้องมีการสร้างบทสนทนาเพื่อเอาใจกัน ไม่ต้องงัดอะไรมาโชว์กัน และพูดสิ่งที่คิดและรู้สึกจากใจจริงต่อกันได้ และยังไม่ต้องคอยหาข้ออ้างใดๆ ให้ตัวเอง เพราะจะรู้ว่าอีกคนจะเข้าใจแน่ๆ และก็ไม่เป็นไรถ้าจะนั่งเงียบๆ ไปด้วยกันด้วย “คุณจะไม่รู้สึกถูกบังคับให้ต้องพยายามพูดหรือทำอะไรเลย”

4. คุณเหมือนถูกดูดเข้าหาเขาไปตามสัญชาติญาณ

ลองนึกดูนะว่าคุณเดินเข้ามาในห้องหนึ่ง สบตากับคนๆ หนึ่ง และรู้สึกเหมือนกับว่า “ได้เคยรู้จักเขามาก่อน” อาจฟังเหมือนซีรีย์เกาหลีไปนะ แต่สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงในชีวิตคุณได้แน่ ถ้าเขาเป็น Spiritual Connectionของคุณ

จะมีแรงดึงดูดบางอย่างที่เข้มข้น เมื่อคุณเจอใครที่มีความผูกพันกันเช่นนี้ คุณก็จะให้หัวใจและสัญชาติญาณนำสมองทันที แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรด้วย สัญชาติญาณจะบอกคุณว่าลุยไปเลย ไม่มีสัญญาณเตือนจากความผุดรู้ใดๆ ของคุณ คุณจะไม่รู้สึกกลัว เหมือนประโยคที่บอกว่า “When you know, you know.” 

5. คุณจะมีความจริงแท้เมื่ออยู่กับเขา

บางครั้งเราต้องใส่หน้ากากปะทะโลก แล้วเราอาจจะอยากให้โลกยอมรับความเป็นตัวเรา แต่คนที่เป็นspiritual connection ของเรา เราจะมีแต่งความ “จริงแท้” กับเขา ซื่อตรง หมดจด ไม่ปิดบัง เป็นเพราะความสบายใจและไว้ใจว่า ไม่ว่าเราจะเป็นยังไง เขาก็จะไม่ตัดสินเรา เมื่อได้เจอคนแบบนี้เราจะซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองที่สุด และยินดีที่จะเปิดเผยมันออกไป

6. คุณจะทำทุกอย่างเพื่อกันและกัน

เมื่อคุณมีความดีพในขั้นจิตวิญญาณต่อกัน เขาจะก้าวออกมาทำอะไรให้คุณแบบไม่ลังเล เขาจะจัดหา ปกป้อง และช่วยคุณต่อสู้กับความสับสนภายใน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก และคุณเองก็จะทำแบบนั้นกับเขา เขาอาจจะให้สัญชาติญาณความเป็นฮีโร่ของผู้ชายก็ได้นะ ซึ่งผู้ชายมีสิ่งนี้อยู่แล้ว แต่เขาจะรู้ว่าเขาทำให้คุณโดยสัญชาติญาณ หรืออยากให้คุณพอใจหรือเปล่า คุณเองก็จะรู้ได้ ลองกระตุกอินเนอร์นี้เล็กๆ ของเขาดู จะเห็นธรรมชาติของเขาออกมาได้เลย

Spiritual Connection

7. คุยกันได้เรื่อยๆ ไม่ต้องหาเรื่องคุยให้อึดอัด

คุณอาจเคยเจอคนน่าเบื่อมากมายในโลก ที่ไม่รู้จะแชร์เรื่องอะไรกันดี แต่สำหรับคนที่เป็น spiritual connection สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น เพราะไม่ว่าจะเรื่องอะไร คุณก็คุยกันได้หมด และไม่ว่าจะเงียบเฉยๆ ก็ยังเหมือนคุณได้คุยกันอยู่ดี ในการคุยกันคุณและเขาจะค้นพบความเป็นตัวเองขึ้น และต่อยอดกันและกันลึกซึ้งถึงขั้นจิตวิญญาณได้ ปัญญาของคุณก็เลเว่ลเดียวกัน คุยแล้วจะได้อะไรและสนุกด้วย

8. ค่านิยม และศีลธรรมของคุณจะไปด้วยกัน

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้คุณค่าต่อสิ่งไหนในโลก คนที่เป็น spiritual connection จะรู้สึกและคิดเหมือนๆ กัน เรียกว่ามีจุดมุ่งหมายในชีวิตเหมือนกันเลยทีเดียว ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่จะใช้ชีวิตกับใครบางคนทั้งชีวิต ชีวิตจะง่ายและปูทางไปสู่สิ่งที่คุณอยากไปให้ถึงเหมือนกัน แบบที่ไม่ต้องมาทะเลาะขัดแย้งกันเลย

9. คุณบอกได้ทันทีถ้ามีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น

จะรู้สึกทันทีถ้าเขามีปัญหาในใจ แม้กระทั่งแค่เหนื่อยคุณก็รู้ได้ หรือเรื่องเล็กๆ ที่คุณอาจเคยคิดว่าคงไม่มีใครในโลกแคร์ แต่เขาที่มี spiritual connection แบบเดียวกับคุณจะแคร์แน่นอน การที่เราได้คอนเน็คท์กับใครที่ดีพเลเว่ลนี้ด้วยกัน ข้อดีคือจะได้ยินสัญญาณเตือนภัยจากอีกคนเสมอทันที แค่โมเมนท์ที่เห็นเขาเดินผ่านประตู คุณก็จะรู้แล้วล่ะว่าวันนี้เขาเจอเรื่องไม่ดีมา และก็จะรู้ด้วยว่าจะคอมฟอร์ทเขายังไง

10. คุณซัพพอร์ตกันและกันแบบหมดจิตหมดใจ

คือถ้าชีวิตเป็นเกม พูดง่ายๆ คือคุณจะอยู่ข้างสนามเชียร์เขาหมดใจ คุณทั้งสองมีธรรมชาติอย่างหนึ่งคืออยากเห็นอีกคนประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะมีอะไรมาท้าทายคุณแค่ไหนก็ตาม คุณจะเมคชัวร์ว่าอีกคนจะต้องไม่เผชิญสิ่งนั้นตามลำพัง มันเลยเป็นเหตุผลว่าเมื่อเราเจอใครที่มีspiritual connection ด้วยแล้ว “ชีวิตจะเปลี่ยนไปทันที” 

แทนที่คุณจะกลัวกับปัญหาที่จะตามมา แต่คุณจะกลับมั่นใจว่า “มีใครบางคนระวังหลังให้คุณ” และถ้าคุณอยากให้เขาซัพพอร์ต ในความเป็นผู้ชายต้องบอกให้เขารู้ว่าคุณต้องการอะไร และถอยเพื่อให้เขาก้าวเข้ามาฟิลล์ความต้องการนั้นให้คุณ

11. รู้สึกเหมือนกับว่า “รู้จักกันมานาน”

ถ้าคุณเจอใครใหม่แล้วรู้สึกว่าเขาช่างมีอะไรที่รู้สึกคุ้นเคยจัง เหมือนกับว่ารู้จักกันมาตั้งแต่เกิด มีความเหมือนกันทั้งความคิด ไอเดีย ความรู้สึก ที่คุณเองก็อธิบายไม่ได้ ถ้าในทางความเชื่อบางอย่าง อาจแปลได้ว่าคุณและเขามีกลิ่นของการระลึกชาติอยู่ หรือบางทีอาจเป็นคนที่คุณเคยเป็นเพื่อนในวัยเด็กมาก และจำกันไม่ได้ แล้วมาเจอกันอีกครั้ง 

ที่แน่ๆ คุณไม่สามารถหยุดคิดถึงเขาได้ และก็รักที่จะอยู่รอบๆ เขาเสมอด้วย

12. ไว้ใจเขาหมดใจ โดยไม่ลังเลสักนิด

ความผุดรู้จะทำให้คุณรู้สึกว่าคุณมีบางอย่างที่ดีพและเข้าใจกันเสมอ เมื่อเราฟังความผุดรู้นี้ดีๆ ก็จะแทบไม่ต้องใช้ความคิด จะเป็นความรู้สึกแน่ชัด ไว้ใจ มี่ความลังเลสงสัย สัญชาติญาณจะบอกว่าไว้ใจเขาได้ และไม่สงสัยในการกระทำใดๆ ของเขา จะเข้าใจเหตุผลและรู้ว่าเขาปรารถนาดีต่อคุณ

Spiritual Connection

13. คุณคุยกันได้ในความเงียบ

เวลาเราคุยกันได้ในความเงียบ ไม่ได้แปลว่าเรามีพลังจิตอะไรขนาดนั้นหรอกนะ แต่มันคือการคอนเน็คท์เชิงจิตวิญญาณมากกว่า คุณจะรู้ได้เลยว่าเขาจะถามอะไร พูดจบตรงไหน และแม้กระทั่งไม่ได้อยู่ด้วยกันตรงนั้น ก็จะรู้สึกถึงกันได้ เขาเองก็ไม่ได้ต้องการให้คุณต้องพูดออกมา แต่เขาจะรู้อารมณ์คุณ และรู้ว่าต้องทำยังไง 

Spiritual connection จะทำให้คุณคอมฟอร์ทกันและกัน โดยที่ไม่ต้องพยายามใดๆ

14. เขาทำให้คุณเข้าใจตัวเองมากขึ้น

สิ่งหนึ่งที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนไม่ได้เจอคนที่ใช่ ก็คือเวลาที่คุณรู้สึกชีวิตมันว่างเปล่า เฉาข้างใน ไม่มีแพชชั่น และบางครั้งก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่ออะไร แต่ถ้าคุณเจอคนที่มีspiritual connection เขาจะมาปลดล็อคข้างในให้คุณ ให้คุณยิ่งเข้าใจตัวตนของคุณมากยิ่งขึ้น และมีกำลังใจอยากลุกขึ้นมาทำอะไร ชีวิตจะกลับมามีความหมายสำหรับคุณ

15. คุณจะตื่นรู้กับตัวเองมากขึ้น

เมื่อเราเจอคนที่เป็นspiritual connection เราจะรู้สึกถูกรัก รู้สึกว่าเขาเข้าใจ และสิ่งนี้ทำให้เราเปิดกว้างที่จะอยากเรียนรู้จักตัวเองมากขึ้น เขาจะทำให้คุณเห็นข้อผิดพลาด ความขัดแย้ง อะไรที่เป็นปมในใจของคุณ เขาจะโชว์หลายๆ สิ่งที่คุณอาจเคยไม่กล้ายอมรับกับตัวเอง

16. ชีวิตเดินหน้าต่อไปได้สวยๆ

มีคนบางคนที่พอได้เจอ คุณจะรู้สึกนิ่ง และพอใจกับชีวิตตัวเอง ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ค่อยได้ทำอะไรกับชีวิตก็ตาม เขาจะให้กำลังใจให้คุณทำรูทีนชีวิตให้เป็นปกติ และถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้น เขาก็จะอยู่ตรงนั้น เขาจะแคร์คุณมากพอ แคร์ต่อความตื่นรู้ของคุณ ถ้าคุณรู้สึกชีวิตเริ่มติดขัด เขาก็จะอยู่ตรงหน้าช่วยเคลียร์ทางให้คุณ นั่นก็เพราะว่าเขาเข้าใจว่าคุณต้องเจอกับอไรมา

17. คุณสองคนมองว่าเรื่องความสัมพันธ์ คือเรื่องที่ทำให้แต่ละคนโตขึ้น

เมื่อเจอคนที่คอนเน็คท์กันทางจิตวิญญาณแล้ว คุณจะรู้ได้เลยว่า “ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป” มีอะไรในอินเนอร์คุณที่เปลี่ยนไปแล้ว และสิ่งข้างในจะมาสร้างโลกข้างนอก เป็นการเปลี่ยนถ่ายพลังงานที่อาจไม่จำเป็นต้องโรแมนติค แต่เขาจะเป็นคนสำคัญมาให้คำแนะนำกับชีวิตคุณมากกว่า เหมือนกับว่าจุดมุ่งหมายลึกๆ ที่ซ่อนอยู่ของคุณ ได้ถูกเปิดออก ความฝันที่คุณเคยลืมไปแล้วได้ถูกเปิดออกมานั่นล่ะ

ที่สำคัญคือคนๆ นี้ไม่เคยกลัวที่จะบอกความจริงกับคุณ เขาจะคอยไกด์คุณไปในทางที่ถูกที่ควรให้คุณได้เรียนรู้ต่อไปด้วย 

18. คุณสองคนมีหนทางของจิตวิญญาณไปด้วยกัน

เป็นสัญญาณอีกอย่างเลยว่าคุณจะเริ่มสนใจอะไรทางจิตวิญญาณไปด้วยกัน จะเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ต้องมีการโน้มนำหรือควบคุม ข้างในคุณและเขาจะมีพลังงานบางอย่าง ที่เริ่มทำงานไปด้วยกัน และยินดีที่จะเดินไปสู่หนทางนี้ด้วยกัน 

19. คุณจะมีชีวิตที่แยกจากกัน มีโลกของตัวเองกันได้แบบไม่มีปัญหาใดๆ

ถึงคุณจะเอนจอยที่จะใช้เวลาอยู่ด้วยกัน คนที่เป็นspiritual connection กันอย่างแท้จริง จะไม่รู้สึกว้าเหว่ถ้าไม่มีกันและกัน และจะคงมีชีวิตที่แยกจากกันได้ ซึ่งก็อาจเป็นเรื่องของ…

  • การทำงานกับตัวเอง: ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาชีพ อนาคต เวลาที่ได้ใช้ด้วยกัน สิ่งที่ต้องพึ่งพากัน คนแบบนี้จะทำให้คุณรู้สึกไม่ต้องกังวล ไม่ต้องทำให้ใครเป็นอะไร จะโฟกัสที่สิ่งที่คุณทำได้เต็มที่
  • รู้ขอบเขตของกันและกัน: สิ่งหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ไปต่อไม่ได้ ก็คือการที่เอาเรื่องของอีกคนมาขึ้นอยู่กับชีวิตเรามากเกินไป และคิดแทนกันเกินไป หรือคิดเข้าตัวเกินไป เรียกว่าไม่มีขอบเขตกันและไม่เคารถกันเพียงพอ
  • สร้างบทบาทของกันและกันได้ลงตัว: คนที่มี spiritual connection จะรู้ว่าจะต้องทำอะไร และปล่อยให้อีกคนทำอะไร จะรู้ธรรมชาติกันและกันว่าแต่ละคนเด่นอะไร แล้วก็ไว้ใจกัน ไม่ก้าวก่ายกันด้วย

20. คุณแน่ใจได้เลยว่า “จะไม่ลืมเขา”

ในชีวิตเราเจอคน 10,000-80,000 คน ก็จริง คนที่เราแน่ใจว่าจะไม่มีทางลืมเลย ก็คือคนที่เราได้แชร์spiritual connection ด้วยกัน ถึงความทรงจำอาจจะคลายลง แต่ความทรงจำในวิญญาณจะไม่มีวันจาง เราจะไม่ลืมเขา อาจเป็นใครก็ได้ในชีวิต เป็นเพื่อนรัก เมนเทอร์ รักแรก หรือคนที่ประทับใจ ว่าเขาจะเป็นใคร และเจอกันที่ไหน เขาคือคนที่คุณจะนึกถึงแล้วรู้สึกขอบคุณ

ถ้าคุณมีเขาอยุ่ใกล้ๆ ตอนนี้แล้ว เขานั่นล่ะคือคนที่คุณจะ “รุ้สึกชื่นชม ยินดีเสมอเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ”

21. ชีวิตที่มีคุณและเขา ดีกว่าชีวิตที่ไม่มี

เมื่อคุณได้เจอกับคนที่มีspiritual connection มีความผูกพันบางอย่างที่ได้แชร์กันเกิดขึ้นแล้ว คุณได้คอนเน็คท์กับใครในเลเว่นที่ทรงพลัง และตื่นรู้ที่สุด และถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน คุณก็รุ้สึกนึกถึง และสงสัยเสมอว่าเขาทำอะไรอยู่

คุณและเขามีรูปแบบความผูกพันแบบ telepathic connection คือเมื่อคุณคิดถึงเขา เขาก็อาจกำลังคิดถึงคุณอยู่ คุณได้รับรู้ถึงพลังงานชีวิตใหม่ อาหารอร่อยขึ้น เพลงเพราะขึ้น คุณหัวเราะดังขึ้น โปรดัคทีฟขึ้น และรวมๆ คือ “คุณมีความสุขมากขึ้น” นั่นเอง

ยินดีด้วยนะถ้าคุณได้เจอเขาแล้ว คนที่เป็น Spiritual Connection ของคุณ

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']