ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Love, Relationship

13 สิ่งที่คนมีความสุขในชีวิตคู่..เขาทำกัน รับรองรักกันยาวๆ เลย

ความสัมพันธ์ที่ร้กกันนานๆ

นักจิตวิทยาชื่อดัง ฌอง คลอด ชาลเมท์ บอกว่าเราอาจจะรู้เพียงสองสามสิ่งที่ทำให้ชีวิตคู่มีความสุขแค่นั้น แต่ยังมีอีกมากมายที่ทำให้คุณและเขารักกันยาวๆ ที่คุณยังไม่รู้นั่นล่ะ

มีคนบอกไว้ว่า ความลับที่ทำให้คนยังอยู่ในความสัมพันธ์กันอยู่ ก็คือเขาไม่ได้อยากหย่าพร้อมกัน ซึ่งมันก็จริงเอาเลยนะ แต่ถ้าเรามีทางที่ดีกว่านั้นล่ะ ถ้าเราหาทางรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ได้อย่างแท้จริง ที่แต่ละคนก็มีความสุขกันจริงๆ คราวนี้ก็ไม่เกี่ยวแล้วว่าเราต้องทนกันไปนานแค่ไหน ต้องปิดหูปิดตาเพื่อจะมีกันแค่ไหน

นักจิตวิทยาชื่อดังของโลก ฌอง คลอด ชาลเมท์ ผู้ใช้เวลาทั้งชีวิตค้นหาว่าอะไรที่จะทำให้คนเรารักกันไปได้นานๆ โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเจอกับชีวิตที่ไม่ได้คาดฝัน แล้วเขาก็ยังจับมือรักกันได้อยู่ “ตลอดเวลา 30 ปี ผมเป็นที่ปรึกษาให้คนมากมาย ลูกค้าของผมไม่ใช่คนที่จ่อรอจะหย่ากันเสมอนะ พวกเขายังรักกันอยู่ ยังอยากมีความสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่ แต่พวกเขาแค่กำลังเจอช่วงเวลายากๆ เท่านั้นล่ะ”

ชาลเมท์บอกว่างานของเขาคือช่วยให้คู่รักเข้าใจซึ่งกันและกัน “เมื่อคุณผ่านอะไรมากันมากมายน่ะ มันก็ง่ายที่จะมีนิสัยที่ไม่อภิรมย์กันงอกขึ้นมา แล้วมันก็ไม่แปลกที่จะทำให้คุณอยากเลิกรากันไป” เขาก็เลยอยากชี้ให้ทุกคนได้เห็นกันว่า แต่คนที่รอดมาได้ก็มีเยอะอยู่นะ และนี่คือ 13 สิ่งที่พวกเขามีให้กันและกันเสมอ

#1. อย่าเมินความรู้สึกของคู่คุณ ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม

คือกับคุณคุณมองว่ามันไม่มีอะไรไง แต่กับคู่คุณเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขา อยากบอกว่าทุกครั้งที่คุณเมินเขาน่ะ เขารู้สึกนะ เขาคิดว่าคุณไม่อยากรับรู้ และเห็นความมันไม่สำคัญสำหรับคุณ เขาคือคนที่ใกล้ชิดคุณที่สุดแต่กลับรู้สึกเช่นนี้ การที่คุณแคร์เขา ใส่ใจความรู้สึกเขาน่ะ เรียกว่า “อารมณ์ที่สอดคล้องกันและกัน” และสิ่งนี้คือหัวใจสำคัญทำให้ความสัมพันธ์ของคนเรายืนยาว คู่รักที่มีความสุขกันยาวๆ พวกเขามีคุณสมบัติข้อนี้เลย เขาสังเกตกันและกันเสมอ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขารู้สึกว่าคนรักของเขาไม่พอใจอะไร เขาจะไม่มองข้าม แต่จะหันมาถาม “เธอโอเคมั้ย? ฉันรู้สึกว่าเธอแปลกๆ ไปนะ ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า?” หรือคุณจะได้ยินประโยคแบบนี้จากเขา “ฉันไปแตะปุ่มอะไรของเธอ ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าฉันไม่สนใจหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ขอโทษนะ”

#2. อย่าหลีกเลี่ยงบทสนทนาที่อาจจะทำให้อึดอัดใจ

ไม่มีใครชอบบทสนทนายากๆ หรอก ลึกๆ ก็กลัวกันแหละว่าถ้าพูดไปแล้วจะทำให้อีกฝ่ายเสียใจ หรือกลัวจะคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วทะเลาะกัน ถ้าเกิดสิ่งนี้ขึ้นในใช ชาลเมท์บอกว่า “ให้ถามตัวเองว่าทำไมถึงกลัวการเผชิญหน้าในการคุยกับคนที่ครั้งหนึ่งเราเคยอยากเล่าทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาฟัง” มันยากนะถ้าคุณมีปมกับเขาเรื่องนี้ แต่ถ้าฮึบแก้ปมตัวเอง ปะทะความจริงไปเลย อาจจะคุ้มในระยะยาวกว่าไหม ประโยคง่ายๆ อย่าง “ฉันอยากคุยกับคุณ เรื่องนี้อาจจะดูยากสำหรับฉันนะ แต่ขอเวลาให้ฉันได้อธิบายได้ไหม?” ถ้าคุณยังไงก็ยังกลัวอยู่ดี ลองใช้วิธีเขียนจดหมายสื่อสารกับเขาดู มันสำคัญมากๆ เลยสำหรับความสัมพันธ์

#3. รักษาโลกของตัวเองกันไว้ โลกที่คุณมีความสนใจไม่เหมือนกัน

ในเรื่องความสัมพันธ์ ความเป็นตัวเอง โลกของตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในการทำให้ความรักดี เพราะนั่นคือแพชชั่นของคุณ “ผมเห็นหลายๆ คุ่รักที่ต่างคนต่างพยายามทำให้อีกฝ่ายพอใจ โดยที่เลือกจะไม่ทำสิ่งที่ตัวเองรัก ผลกึคือแพชชั่นและความสุขของตัวเองหายไปด้วย ก็เลยไม่สามารถเป็นตัวเองกันจริงๆ และเป็นแรงกดในใจที่พอมีอะไรไม่พอใจกัน ก็ระเบิดออกมาได้” ชาลเมท์บอกมา คนรักกันก็เลยควรที่จะให้เวลาและสเปซของแต่ละคนได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก เรื่องแค่นี้ก็ทำให้อีกคนสดชื่น แล้วกลับมาอยากส่งความรักที่เขามีออกไปให้คุณกว่าเดิมเลยด้วยซ้ำนะ

#4. อย่าทำชีวิตให้มีแต่ภารกิจ และสิ่งที่คุณ “ต้องทำ”

คู่บางคู่อยู่ด้วยกันเพื่อสร้าง “ชีวิตที่มีแต่การจัดการ” เขาเหมือนเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกันจัดการให้บรรลุจุดมุ่งหมายอะไรสักอย่างกัน ก็เลยมองข้ามความใกล้ชิดภายในกันไป เขามีแต่ภาระ หน้าที่ สิ่งที่ต้องทำ มันเลยเหลือคอนเน็คชั่นอันน้อยนิดระหว่างคุณกัน คุณให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพตัวเอง จัดการเรื่องบ้าน เรื่องลูก เรื่องงานของแต่ละคน ทุกอย่างดูไปได้สวยนะ แต่ข้างในคุณกลับกลายเป็นน้ำแข็ง แนะนำเลยว่าแค่ลองเอาหัวออกจากจอคอมพิวเตอร์ ไม่ต้องล้างจาน แล้วชวนกันไปเดินเล่นคุยกันสองคน แค่นั้นก็ใกล้ชิดกันขึ้นแล้ว ภารกิจที่บรรลุแต่ไร้หัวใจ จะทำให้คุณแห่งใส่กันเรื่อยๆ เลยนะ

#5. คอยถามกันว่าสไตล์เรื่องความสัมพันธ์ของเรา ขัดกันบ้างไหม?

 คนแต่ละคนจะมีสไตล์การอยู่ในความสัมพันธ์ไม่เหมือนกัน และก็ต้องจูงมือกันไปหาเธราปิสท์เพื่ออธิบายสิ่งนี้ให้แก่พวกเขากัน บางคนเป็นแนวเป็นผู้ให้และขอเป็นผู้รับด้วย แต่บางคนชอบที่จะให้ฝ่ายเดียว  บางคนเป็นแนวใช้ความรู้สึกนำการกระทำ บางคนรักกันแต่สื่อสารกันคนละภาษา บางครั้งก็เลยรู้สึกโดดเดี่ยว เหมือนไม่มีใครเข้าใจ แต่คู่รักที่อยู่กันได้ยาวๆ นะ เขาจะสื่อสารกันด้วยความใส่ใจประมาณว่า “มีอะไรที่ฉันทำให้เธอได้อีกไหม บางทีฉันก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง เธอช่วยฉันได้ไหม?” ก็จะประนีประนอมกันไปได้

#6. เข้าใจร่วมกันว่า “ทำไมเซ็กซ์ถึงสำคัญ?”

เซ็กซ์ไม่ได้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างก็จริง แต่เซ็กซ์คือสิ่งที่บราโวในความสัมพันธ์ได้เลย เทียบกันแล้วเรื่องความเครียด ความเจ็บป่วย การเปลี่ยนแปลง ความเศร้าอะไรแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติในความสัมพันธ์ที่ต้องเกิดขึ้นแล้วเราควบคุมมันไม่ได้ แต่เซ็กซ์นี่ล่ะถือเป็นเรื่องที่คุณต้องให้ความสำคัญและใส่ใจเป็นลำดับต้นๆ และต้องพยายามด้วยนะ ไม่อย่างนั้นคุณก็จะกลายเป็นคู่รักที่รักกันครึ่งๆ กลางๆ หัวใจก็คือในความเป็นคู่รัก คุณมักจะเอาเรื่องเหนื่อยมาอ้างในการไม่มีเซ็กซ์กัน แต่จริงๆ คุณไม่กล้าที่จะถามกันตรงๆ มากกว่าว่า “เธออยากมีเซ็กซ์ยังไง?” คุณจะอายหรืออะไรก็ตาม นั่นคือสิ่งสำคัญของความหมางเมินเลย ใจดีต่อกันและเริ่มหันเข้าหากันด้วยประโยคว่า “เธอจำได้ไหมฉันชอบให้เธอทำแบบนั้น….กับฉันน่ะ” เข้าหากันด้วยความอบอุ่นต่อกันด้วยนะ

#7. อะไรเล็กๆ ในทุกวัน จะทำให้รักกันยาวๆ มากกว่าอะไรยิ่งใหญ่ที่ต้องพยายามมี

ชาลเมท์ได้สังเกตคนรักกันนานๆ หลายคู่ เขาเทียบกันระหว่างคนที่ต้องคอยหาสิ่งใหญ่ๆ ในชีวิตมามอบให้กัน บ้าน รถ ของขวัญแพงๆ กับคนที่ใจดีต่อกัน ฟังกัน เห็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ แล้วนึกถึงกัน อย่างซื้อขนมที่อีกคนชอบมาฝาก โทร.คุยกันเวลาไกลกัน จะทำให้อีกคนรู้สึกซาบซึ้ง และโรแมนติคเล็กๆ ความรักบางทีก็แสดงออกได้ด้วยสิ่งเล็กๆ แต่ทำทุกวันแบบนี้ล่ะ

#8. คู่รักที่มีความสุขจะเฟลิตใส่กัน พวกเขารู้ว่าจะทำให้อีกคนสนุกได้ยังไง

ความสนุกของชีวิตคือสิ่งที่คนรักกันจะมอบให้แก่กันได้ ทำอาหารด้วยกัน ลงเรียนคลาสเต้นด้วยกัน ขับรถไปเที่ยวฟังเพลงกัน อะไรแบบนี้คือความรื่นรมย์ที่ถ้ามอบให้กันและกัน จะทำให้เกิดเป็นความสุขยาวๆ เลย แล้วมันก็ทำให้คุณรีแล็กซ์ ทำให้มีอารมณ์ขัน เป็นการเชื่อมโยงกันและกันที่ดีงามเลย และมันก็ทำให้คุณรู้สึกว่าคุณสองคนยังชอบกันอยู่ การแซวกัน หยอกกันบ้าง หยอดกันบ้าง อะไรแบบนี้ล่ะทำให้แววตาวิบวับจะตาย

#9. วางมือถือลง และตั้งใจฟังกัน

ถ้าคุณไม่ฟังและไม่ถามเลย คุณจะรู้ได้ยังไงว่าอีกคนเป็นยังไง เราทุกคนต่างอยากให้มีใครฟังเราและรู้สึกว่าเราไม่ได้โดดเดี่ยว เพราะถ้าเราเหงาในใจเมื่อไหร่ คอนเน็คชั่นก็จะหายไป ประโยคง่ายๆ “เธอเป็นยังไงบ้าง วันนี้โอเคมั้ย?” หรือ “เมื่อกี้โทษทีนะที่ฉันไม่ค่อยได้ฟัง เธอเล่าอีกครั้งได้มั้ย?”การฟังที่ดีคือต้องวางมือถือลง ออกจากคอมพ์ หันมาสนใจอีกคน 100% เต็ม รับรองว่าความสัมพันธ์เหมือนถูกบูสท์ขึ้นมาทันทีเลย

#10. อย่าทรีทคู่เราเหมือนพ่อแม่ทำกับเรา หรืออย่าทำตัวเป็นแม่เขา

บางครั้งคู่รักก็ทรีทเราเหมือนลูกบ้าง เหมือนเราเป็นแม่บ้าง ความสัมพันธ์ที่ดีควรเท่าๆ กัน เราควรเลิกหวีดเหวี่ยงกันแบบเด็กๆ หรือต้องปกครองกันแบบแม่ปกครองลูก หรือต้องอยู่กันด้วยความกลัวเหมือนกลัวแม่กลัวพ่อ จะทำให้อีกฝ่ายเศร้าในตัวเองหรือเหงาไปเลย คุยกันตรงๆ ถามกัน นิ่งใส่กัน ขำใส่กันบ้าง ให้รู้สึกว่าเราเท่าๆ กันจะรักกันได้ยาวกว่าเลย

#11. อย่ามองว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องไม่ดี ยอมรับและโอบกอดดีกว่า

เมื่อมีอะไรเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ คนเรามักคิดว่านั่นคือการทรยศบ้าง คือการไม่เข้าใจกันบ้าง เราอยากให้คนรักของเราเป็นแบบเดิมตลอดเวลา และเขาควรซัพพอร์ตเราเสมอ คนรักที่ชาลเมท์สังเกตว่าเขารักกันได้นานๆ น่ะ ก็คือ “เมื่อมีใครเกิดมีอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้นมา อีกฝ่ายก็จะไม่เปลี่ยนไปตามง่ายๆ เขาจะมีวิธีการมองโลกที่ไม่แย่ลง แต่มองว่าสิ่งที่เกิดก็เพื่ออะไรบางอย่างนั่นล่ะ” เราควรสร้างสถานการณ์ให้ง่ายเข้าไว้ ไม่ใช่กลัวแต่การเปลี่ยนแปลง เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่าเริ่มกดดันจากอีกฝ่ายเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ชาลเมท์บอกว่าอย่าเพิ่งถอยออก แต่ให้ ‘บอกเขาไปตรงๆ เลย”

#12. เสื้อผ้า หน้า ผม ก็ต้องให้ความสำคัญนะ

คนเราพออายุมาก สังขารก็ย่อมร่วงโรย เราไม่ควรมองข้ามว่าก็ปล่อยให้ผมมันหงอกไป หรืออ้วนแล้วไง? แต่เราควรเป็นกระจกให้อีกคนรู้สึกดี รู้สึกมั่นใจในตัวเองกันอยู่ การค่อยๆ บอกกันอย่างนุ่มนวล เตือนกันบ้างเป็นมิตรภาพที่ช่วยกันสร้างความเปล่งประกายให้กับอีกคน ประโยคที่ว่า “ฉันรักเธอที่เป็นเธอ” น่ะ บางครั้งก็ไม่เวิร์ค ถ้าในใจเรากลับคิดว่า “ฉันรำคาญขนจมูกเส้นนั้นของเธอที่สุด”

#13. บางครั้งมันก็โอเคที่เราจะต้องถกกันเรื่องเดิมๆ

ไม่มีความสัมพันธ์ที่เพอร์เฟ็คท์เสมอ จะหาคนรักกันที่เข้ากันทุกอย่าง ไม่ทะเลาะกันเลยเป็นไปไม่ได้เลย และมันก็ธรรมดามากๆ ที่เรื่องบางเรื่องเราคงไม่มีทางเคลียร์กันได้ ชาลเมท์บอกว่า “ผมเชื่อมากๆ ว่าคู่บางคู่ทะเลาะกันน่ะ ดีกว่าไม่ทะเลาะกัน” บางคู่มีเซ็กซ์ที่ร้อนแรงทุกครั้งหลังทะเลาะกัน บางคู่การขัดกันบ้างแปลว่าพวกเขายังคงเป็นตัวเองต่อกันได้ และเขาไม่เย็นเป็นน้ำแข็งปิดบังความรู้สึกใส่กัน คู่รักบางคู่เขามีวิธีคอนเน็คท์กันแบบนี้ด้วยเหมือนกัน เหมือนที่เราชอบได้ยินว่า “คุณปู่รักคุณย่ามากๆ เคล็ดลับคือปู่บอกว่า ก็ทะเลาะกันไปเรื่อยๆ นี่ล่ะ” อะไรแบบนี้เลย

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ได้ที่ 6 ความสัมพันธ์นี้ บอกลาการดูดวงได้เลย

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']