ฉันไม่โชคดีพอที่จะมีผู้ชายสักคน “มองเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็น”

ฉันไม่ได้โชคดีแบบนั้น ฉันไม่ได้โชคดีพอที่จะมีผู้ชายสักคนมองเห็นฉันในแบบที่ฉันเป็น มองเห็นความเจ็บปวดของฉัน และอยากฉุดฉันขึ้นไป ไม่มีวิธีไหนอีกแล้วที่ฉันจะบอกตัวเองได้ดีไปกว่า “ยอมรับความจริงเถอะ” ทุกครั้งเวลาที่ฉันเห็นใครๆ เขารักกัน ความหวังในใจ ความเพ้อทุกครั้งที่กดแอปสีดำแดงเพื่อเลือกซีรีย์เกาหลีเรื่องใหม่ โจทย์ของฉันไม่มีอะไรมาก ต้องเป็นเรื่องที่ฉันสามารถสมมุติตัวเองเป็นนางเอกในเรื่องได้ แล้วจินตนาการต่อว่า บางทีฉันอาจจะเจอผู้ชายในชีวิตจริง ที่เป็นเหมือนพระเอกในเรื่อง หนังสือฮาวทูบอกว่า ให้คิดว่าอยากได้ผู้ชายแบบไหน ลิสต์ออกมาให้เยอะที่สุด แล้วตัดออกให้เหลือสัก 10 ข้อว่านั่นคือคุณสมบัติผู้ชายที่อยากได้ ฉันลองทำและกุมลิสท์นั้นไว้แน่นในกระเป๋าสตางค์ เอามาเปิดอ่านบ่อยๆ ด้วย บางทีที่เขาบอกว่าคืนพระจันทร์เต็มดวง พระจันทร์จะมอบพลังงานของความรักดูดใครให้เข้ามาในชีวิต ฉันจะเอาลิสท์นั้น ออกไปหาแสงจันทร์ ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วนึกถึงเขา แน่นอนว่าฉันมีความเชื่อ ยังคงเชื่อ และก็จะเชื่อต่อไป เรื่องราวในโทรศัพท์กับเพื่อนสาว เราจะวนเวียนกันที่ซีรีย์ที่เพิ่งดู กรี๊ดพระเอก อยากบินไปเกาหลี แล้วเราก็จะกลับมาที่เรื่องของเรากัน ทำไมเพื่อนคนนั้นได้แฟนดีจัง แฟนเขาพาไปเมืองนอกบ่อยมากเลย เขาไปทริปกันอีกแล้ว ฉันกับเพื่อนก็ได้แต่พยายามหาเรื่องเน่าๆ ในเรื่องรักของคนอื่น “แต่พวกเขาอาจมีอะไรไม่แฮปปี้ก็ได้นะ พวกเราไม่มีทางรู้หรอก” มันคงเป็นคำปลอบใจที่เราบ่นให้กันฟัง แต่ฉันก็ยังไม่มีใครเข้ามาในชีวิตอยู่ดี “ที่เธอเหนื่อยเพราะไม่มีคนรักหรือเปล่า?” ประโยคจากเรื่อง My Liberation Notes หัวหน้าของพี่สาวนางเอกถามขึ้นมา หลังจากที่เธอมาทำงานแล้วบ่นว่าเหนื่อยๆๆๆๆ ทำไมชีวิตฉันถึงเหนื่อยขนาดนี้ […]

คุณหมอสา-Guardian Diamond พี่สาวที่เปิดประตูลับ ช่วยเคลียร์พลังงานลบให้คุณพบความสำเร็จ

ตั้งแต่เข้าปี 2024 ที่ผ่านมา คลีโอขอบอกว่านี่เป็นการสัมภาษณ์ที่เบิกเนตรให้เรารู้สึกมีความหวังและกำลังใจ รู้สึกว่าจักรวาลมอบของล้ำค่าเอาไว้ให้เราเสมอ เป็นเรื่องไม่บังเอิญที่ทำให้เราได้เจอกับคุณหมอสา หรือหลายคนรู้จักเธอในชื่อ Doctor Diamond กับฉายาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพชรที่ไม่ได้จบแพทยศาสตร์ แต่เป็นผู้ที่ช่วยเยียวยาให้ความรู้กับคนที่สนใจเรื่องเพชร รวมทั้งก้าวเข้ามาแก้ปัญหาชีวิตด้วยพลังของ “เพชรดิบ” ที่ค้นพบพลังงานอันยิ่งใหญ่นี้จนกลายมาเป็นแบรนด์ Guardian Diamond ที่สายมูบอกว่ามาลองแล้วขนลุกซู่ทุกคน ลูกสาวครอบครัวคนจีนที่ฝึกค้าขายตั้งแต่เด็ก “ตอนเด็กไม่รู้ว่าเราอยากเป็นอะไร พ่อแม่อยากให้เรียนที่เอแบค เพราะเห็นว่าเราภาษาดีมาตั้งแต่เด็ก เราไม่มีฝันเลย เป็นเจเนอเรชั่นที่ที่บ้านเป็นคนจีน ดังนั้นก็จะมีบอกแค่ว่าต้องมาช่วยพ่อแม่นะ เราก็รู้สึกว่าเราต้องทําไปจนตลอดชีวิต ไม่เคยมีความคิดอื่นเลย ที่บ้านทำธุรกิจขายเพขร เรียนจบมาให้ไปเรียนดูเพชรนะ เราก็ไป ซึ่งเรียนดูเพชรของสถาบัน GIA ซึ่งตอนนั้นมีสาขาในประเทศไทย เป็นโรงเรียนเล็กๆ ในยุค IMF ค่ะนานมากแล้ว” “คุณพ่อคุณแม่พยายามหนักมากในการส่งเราเรียนนะคะ จําได้เลยว่าแม่ให้เราเดินเข้าไปถามแล้วขอตีเช็ค 4 ใบจ่ายค่าเทอมได้ไหม ช่วงนั้นเราก็รู้เลยว่าชีวิตไม่ได้ง่าย ต้องเรียนให้จบกลับไปช่วยเขา เพราะแม่ก็จะพูดตลอด ตาแม่ก็เริ่มไปแล้วนะ เหมือนเขามาเปิดร้านตอนประมาณ 40 กว่าแล้ว ดังนั้นจะให้เค้าดูเพชรไปตลอดก็เป็นไปไม่ได้ เราเริ่มทําทุกอย่างตั้งแต่เสิร์ฟน้ํา เช็ดตู้ วิ่งงาน บางทีมีงานช่าง เราก็ขับรถออกไปเอง เดินส่งของส่งงาน แม่จะเหน็บเราไปด้วย […]

5 วัดปังในฮ่องกง ขออะไรเทพให้รัวๆ

“เก่งอย่างเดียวแต่ไม่เฮงก็ประสบความสำเร็จยาก” คำพูดนี้ดูจะไม่เกินความจริงไปสักเท่าไหร่นัก ในปัจจุบันเป็นยุคที่วัยรุ่นกำลังสร้างตัว หลายๆคนที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจบางคนบอกว่าเกิดจากความสามารถของตัวเอง แต่หลายๆคนเปิดเผยความลับว่าส่วนหนึ่งมาจากการมูในสถานที่ที่มีพลังงานประกอบกับพิธีกรรมที่ถูกต้องทำให้มีทั้งพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์และกำลังใจในการประกอบธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ

“อกหัก” คือสิ่งยอดเยี่ยมที่เกิดกับฉัน ฉันเลิกโกหกตัวเองสักที

เราอย่าเพิ่งกลัวการอกหัก หรือการเลิกกับใครนะ เพราะเหตุการณ์จี๊ดในหัวใจนี้ จะนำพาคุณไปเจอตัวเอง เจอสิ่งใหม่ เจอโอกาสดีๆ ในชีวิตมากมาย เหมือนกับที่ เอมม่า กิบบ์ส นักเขียนและโปรดิวเซอร์รายการทีวีของออสเตรเลียเจอมา เธอเอาสิ่งนี้มาพูดในเท็ด ทอล์ค หมัดฮุคเลยคือเธอบอกว่า “อกหักไม่เพียงแต่จะทำให้เธอเห็นหัวใจตัวเอง ยังทำให้เธอเลิกโกหกตัวเอง และก็เลยเลิกโกหกทุกสิ่ง เรื่องดีๆ ในชีวิตเลยสาดเข้ามาเต็มๆ เลย” เอมม่าเล่าว่า…. ชีวิตฉันเหมือนจะดีนะ ฉันได้ทำงานที่ฝัน อยู่ในเมืองที่ดี “แต่ฉันกลับไม่มีความสุข ฉันโกหกตัวเองทุกวันว่า เดี๋ยวมันก็จะดีเองแหละ” ฉันใช้ชีวิตไป 3 ปีเต็มที่โกหกตัวเอง และบอกตัวเองว่าสิ่งนี้เป็นไปตามแพลนแล้วนะ ในขณะที่หัวใจฉันบอกว่า “เฮ้! เธอมีปัญหาแล้วล่ะ” ฉันใส่เสียงนี้เอาไว้ในตู้ และเอาความคิดควบคุมมันเอาไว้ ฉันคิดว่าถ้าฉันพยายามมากพอจะทำให้ทุกสิ่งเวิร์ค มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่สิ่งที่ฉันได้รับคือ ทั้งกาย อารมณ์ จิตวิญญาณของฉันมันเหือดแห้งมาก ฉันกลายมาเป็นคนที่ขึ้นอยู่กับแผนในชีวิต ฉันไม่ไปเจอเพื่อน ไม่ไปเที่ยวไหน ไม่เจอครอบครัว ไม่เจอใครใหม่ๆ และฉันไม่อยากทำงานกับแพชชั่นของตัวเอง ฉันมัวแต่หาทางซ่อมสิ่งที่ไม่ใช่ของชีวิตฉัน ความตลกก็คือในขณะที่คุณกำลังพยายามทำให้แผนชีวิตของคุณเวิร์ค แล้วคุณก็ต้องฝืดมากๆ นั่นน่ะ คุณเริ่มจะคิดแล้วว่า “แล้วทำไมฉันต้องมีแผนนั้นตั้งแต่แรกนะ” ฉันเริ่มลืมว่าทำไมฉันถึงอยากเป็นนักเขียน […]




Art, Love

Poemspells งานอาร์ตวาดภาพและบทกวี ที่ทะลวงหัวใจเราให้สั่นไหว ของ เกิร์ล Lafynagirl และ วิน โรแมนติกร้าย

โรแมนติกร้าย

ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเคยเจอ ความเสียใจ น้ำตาที่มาจากการแตกสลายในช่วงหนึ่งของชีวิต นำมาสู่ความเจ็บปวดและความสงสัยในตัวเอง หลายครั้งที่เราพยายามกอบกู้ความเป็นตัวเองและความรักที่หลงเหลืออยู่กลับคืนมา หนึ่งสิ่งที่ช่วยได้คือ “ศิลปะ” บางครั้งการได้อ่านบทกวีที่เข้าไปสะกิดในใจจนน้ำตาไหล หรือการได้ดูภาพวาดที่ให้เราได้ใช้ความคิดกับตัวเอง ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาตัวเองได้เหมือนกัน เช่นเดียวกับ วินและเกิร์ล ศิลปินที่ผ่านช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวดและแหลกสลายนักครั้งไม่ถ้วน แต่เขาและเธอก็ใช้สิ่งที่รักในการเยียวยาหัวใจ และอยากส่งต่อพลังให้กับใครก็ตามที่กำลังหลงทางหรือแหลกสลาย ในงาน Poemspells “ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ เธอก็คู่ควรกับความรัก”

“ทุกคนมีความเป็นนักเล่าเรื่องอยู่ในตัว ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้อะไรในการเล่า”

ถ้าพูดถึง วิน นิมมาน หรือ โรแมนติกร้าย ภาพในหัวของเราคือผู้ชายยิ้มหวานที่มาพร้อมกับพิมพ์ดีดสีชมพูคู่ใจ ที่พร้อมมอบความรักและพลังบวกให้ทุกคน แต่กว่าจะมาเป็น วิน โรแมนติกร้ายในวันนี้ เขาเคยผ่านช่วงเวลาที่หลงทางและแตกสลายมาหลายครั้ง ผ่านความกลัว ความล้มเหลวมากมากมาย แต่สุดท้ายเขาก็มอบความรักให้ตัวเองและคนอื่นได้อย่างมากมายมหาศาลผ่านบทกวีที่เขาเขียนออกมาจากใจ

วินเล่าว่า “เมื่อตอนเด็กๆ เราเป็นเด็กอ้วนขี้อาย พูดไม่เก่ง แถมสมัยที่เรียนชายล้วน เราก็มักจะเห็นเพื่อน LGBT ถูกรังแกมาตลอด มันเลยกลายเป็นแผลใจว่า “เราอยากเปลี่ยนโลกให้ดีขึ้น” สิ่งนี้เป็นแรงบันใจให้เราเป็นเฟมินิสต์และเชื่อเรื่องความเท่าเทียม จนเริ่มอยากส่งพลังไปให้คนอื่น ผสมกับความเป็นเด็กขี้อายของเราเลยทำให้เราชอบเขียนไดอารี่ พอได้จดบันทึกมากขึ้น มันเลยหลายเป็นสิ่งที่เรารู้สึก เหมือนได้ฮีลตัวเอง ได้คุยกับตัวเอง เลยรู้สึกว่าการเขียนอาจเป็น Magic ของเราก็ได้ โรแมนติกร้ายเลยเป็นกวีที่มองเห็นเรื่องโรแมนติกในวันที่โลกใจร้ายได้ เราอยากสร้างกำลังใจให้ผู้หญิง รวมไปถึงสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ”

“ดูภายนอกคนอาจจะเข้าใจว่าเราเป็นหนุ่มหวาน แต่ถ้าขุดลึกลงไป ความหวานที่มันอยู่ในงานเรามันเกิดจากความขมหมดเลย เราโตมากับซิงเกิลมัม เราได้เห็นการที่ผู้หญิงในสังคมถูกเอาเปรียบ มันมีความไม่แฟร์อยู่เยอะมาก”

“เผยความเป็นตัวเองออกมา และรักตัวเองให้มากขึ้น

ส่วนเกิร์ล ศิลปินสาวเจ้าของภาพวาดที่เป็นเอกลักษณ์ มองจากภายนอก หลายคนอาจมองเกิร์ลเป็นผู้หญิงหวานๆ มีความสดใส แต่เธอก็มีช่วงเวลาที่ดาร์กเหมือนกัน แต่ทุกสิ่งที่เธอเคยเจอนั้นล้วนทำให้เธอได้กลายมาเป็น LafynaGirl ในทุกวันนี้ เกิร์ลเล่าว่า ตอนเด็กๆ เธอมีปัญหาในเรื่องการพูด เธอเลยใช้ภาพในการสื่อสารแทน “ตอนเด็กๆ เราก็จะไม่กล้าพูด แต่ชอบไปเรียนวาดรูปกับคุณยาย ทุกวันหลังเลิกเรียนเราก็จะไปหาคุณยายเพื่อเรียนวาดภาพ เราใช้ภาพวาดในการสื่อสารมาตลอด เหมือนเราบ่มเพาะมันมาเรื่อยๆ

“การบ่มเพาะก็เหมือนการเดินทางรูปแบบนึงที่ว่าตัวเราคืออะไร แล้วเราชัดเจนกับทางไหน”

งานของเกิร์ลถ้าดูเผินๆ อาจจะมองว่าเป็นภาพที่สีสันสดใส น่ารัก แต่ถ้ามองลึกๆ ลงไป ทุกภาพขอฝเธอมีความหมายที่ซ่อนอยู่ “ความสวยงามในตอนแรกเป็นเพียงแค่แรงดึงดูด แต่ถ้าได้มองลึกๆ ไปข้างใน คุณจะรู้ว่าทุกอย่างในภาพมันคือความน่ากลัวบางอย่างในสังคม แต่เราเคลือบมันไว้ด้วยน้ำตาล”

ชอบที่เกิร์ลบอกว่า “จุดจบจะเป็นยังไงไม่สำคัญ แต่เราอยากให้ความสำคัญกับ “ระหว่างทาง”  เพราะแต่ละช่วงในชีวิตมันไม่มีจุดจบ เราต้องออกเดินทางตลอดเวลา เติมคุณค่าให้ตัวเองในระหว่างทาง ขึ้นอยู่กับว่าเราจะครองสติ ความรักตัวเองให้มันอยู่รอดได้ยังไงในช่วงเวลาของการเดินทางนี้”

LAFYNAGIRL X ROMANTICRAI

Poemspells “You Are Worth Of Love”

“ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ เธอก็คู่ควรกับความรัก”

Poemspells คืองานแสดงภาพวาดและบทกวีจากสองศิลปิน วิน โรแมนติกร้าย เจ้าของบทหวีสีชมพูที่มอบความรักในทุกคนวันที่โลกแสนร้าย และ เกิร์ล LafynaGirl ศิลปินสาวอิลลัสเตรท งานที่จะทำให้คุณมีความรักเต็มเปี่ยมในหัวใจ ผ่านการผสมผสานระหว่างศิลปะและถ้อยคำ เธอและเขาอยากเล่าเรื่องผ่านภาพวาดแฟนตาซีและบทกวีคอลลาจสีชมพู กับความเชื่อว่า “You Are Worth Of Love” “ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ เธอก็คู่ควรกับความรัก” เกิดเป็นคอนเซ็ปต์งานดูโอที่ใช้การทำงานกับผู้ชมผ่านอินสตอลเลชั่น อาร์ทในรูปของ “จิ๊กซอว์” เพื่อตั้งคำถามให้กับผู้ชมว่า “ความสมบูรณ์แบบที่ทุกคนไขว่คว้า บางทีความสมบูรณ์แบบนั้นอาจไม่มีอยู่จริง หรือการเว้าแหว่งในแบบของตัวเอง อาจเป็นความสมบูรณ์แบบที่สุดแล้วก็ได้”

 Poemspells “You Are Worth Of Love” ความงามที่เกิดจากความกลัว

เกิร์ลและวินบอกว่า “เราสร้างงานนี้มาจากการที่เราหลงทาง ซึ่งมันคือความงามเหมือนกัน”

“ทุกคนเคยผ่านเรื่องที่แย่มาก่อน เราอยากให้งานนี้เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยให้ทุกคน เส้นทางชีวิตของทุกคนสวยงามในแบบของตัวเอง เช่นเดียวกับจิ๊กซอว์ที่ไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบทั้งหมด แต่เราอาจมีรูโหว่ เราจะต่อยังไงก็ได้ เพราะมันคือชีวิตเรา” รูโหว่ในทีนี้อาจเป็นความล้มเหลวหรือความผิดพลาด แต่เราชอบที่วินบอกว่า I did it my way ถ้ามันจะล้มเหลว มันก็ล้มเหลวในแบบของเรา แล้วเราก็ได้ทำเต็มที่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องจริง

แล้วความล้มเหลวมันมีอยู่จริงเหรอ? เกิร์ลบอกเราว่า “เราไม่อยากให้เอามาตรฐานสังคมเป็นที่ตั้ง เพราะถ้าเราไม่เอามาตั้งตั้งแต่แรก เราจะตัดคำว่า “ความล้มเหลวคืออะไร ความก้าวหน้าคืออะไร ความสำเร็จคืออะไร” ออกไปได้เลยเพราะมันจะไม่เกิดการตัดสินตัวเองว่าเราล้มเหลว จริงๆ ความล้มเหลวมันคือปัจจัยนึงของชีวิตที่ต้องเผชิญต่อไปด้วยซ้ำ”

จิ๊กซอว์เปรียบเสมือนเวทมนตร์ที่สะท้อนมุมมองความรัก และตัวตนของสองศิลปินที่แตกต่างกันแต่ลงตัว มู้ดแอนด์โทนที่ต่างกันของ LafynaGirl และ Romanticrai ได้มาผสานกันในความไม่สมบูรณ์แบบ เป็นิจ๊กซอว์ที่เว้าแหว่งและบอบช้ำ งานแสดงครั้งนี้จะชวนให้ผู้ชมตั้งคำถามกับตัวเองว่า “จิ๊กซอว์ที่สวยที่สุดอาจไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบที่สุด และเราต่อจิ๊กซอว์ในแบบของตัวเองได้”

“เราเชื่อว่าทุกคนคู่ควรกับความรัก แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ นำมาสู่การร่วมสร้างพื้นที่ว่างแห่งความไม่สมบูรณ์แบบร่วมกัน เสมือนจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจายแล้วต้องประกอบร่างขึ้นใหม่ ทั้งบทกวีที่ไม่สมบูรณ์แบบและชิ้นงานศิลปะที่เว้าแหว่ง จะยังคงงดงามและมีคุณค่าอยู่ไหม”

งานแสดงครั้งนี้ยังเป็นผลงานที่ต่อยอดมาจากงาน “PoemSpells” ของทั้งสองศิลปิน ที่เล่าเรื่องผู้คนออกมาเป็นไพ่ทาโรต์ ถึงช่วงเวลาที่ชีวิตอ่อนแอและเต็มไปด้วยบาดแผล เช่นกันกับในงานแสดงครั้งนี้ LafynaGirlและ Romanticrai จะมาแสดงการวาดภาพสดผสานไปกับบทกวี เป็น Poem Spells Life Performance

“เมื่อมางานนี้ อย่างแรกคุณจะได้เจอบรรยากาศ สิ่งแวดล้อมเดียวกัน ให้คุณรู้สึก ไม่โดดเดี่ยว คุณมาที่นี่คุณจะเจอเพื่อนที่เข้าใจคุณ และอยู่ในความรู้สึกเดียวกับคุณ มันคือจุดเริ่มต้นของการฮีลลิ่ง”

รูปวาดหลักของเกิร์ลในงานนี้คือ “ไข่” ที่มีความสวยงามแต่ก็ซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ข้างใน

“เราเปรียบไข่นี้เหมือนตัวเรา เราไม่มีวันรู้เลยว่าอนาคตข้างหน้าจะเปืนยังไง ไข่ใบนี้ก็้เหมือนกัน เราไม่รู้ลเยว่ามันจะออกมาเป็นตัวอะไร มันก็เหมือนเรากำลังอยู่ในไข่ แต่เป็นไข่ที่ยังเอนจอยกับชีวิตเราได้โดยที่เราไม่ต้องคิดถึงว่าเราจะเป็นอะไรในอนาคต เราเชื่อว่าทุกคนเคยอยู่ในภาวะที่เราไม่รู้ว่าตัวเองคืออะไร ฉันจะไปทางไหนดี ถ้าทำสิ่งนี้มันถูกต้องหรือยัง งานชิ้นนี้เลยมาจากความกลัวของเราหมดเลย มันเป็นงานที่ออกจากกรอบตัวเองเหมือนกัน เพราะเป็นชิ้นแรกที่วาดด้วยความกลัว “กล้าที่จะใช้ความอ่อนแอของตัวเอง” 

“Your worth is not defined by your pain, but your ability to love again”

“อยากพูดกับทุกคนที่เคยแตกสลาย ผ่านความเจ็บปวด หรือรู้สึกว่าชีวิตมันไม่ได้ดั่งใจเลย ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด แต่เราอยากบอกว่า คุณค่าของเรามันไม่ได้ถูกกำหนดด้วยความเจ็บปวดในอดีต แจ่มันขึ้นอยู่กับความกล้าที่จะรักอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการรักตัวเอง หรือรักคนอื่นก็ตาม” – วิน นิมมาน

มาร่วมสัมผัสงานแสดงภาพวาดและบทกวี “ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ เธอก็คู่ควรกับความรัก” และค้นหาคำตอบปริศนานี้ด้วยกัน เพราะแน่นอนว่าพื้นที่แห่งนี้คือความไม่สมบูรณ์ที่งดงามและเป็นของทุกคน

ที่ ODS ชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ ตั้งแต่วันที่ 6 – 28 กุมภาพันธ์ 2566


อ่านเรื่องอื่น ๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']