ต่อมเอ๊ะทำงานมานานแล้ว สงสัยในใจตลอดว่าถ้าเขาใช่ ทำไมเรารู้สึกแบบนี้ ทำไมร้องไห้บ่อย ทำไมไม่เคยอุ่นใจที่มีเขา แต่กลัวไม่มีใครไง ก็เลยยังฝืดๆ อยู่ในความสัมพันธ์แบบนี้ไปก่อน เช็คเลยว่าคุณเป็นแบบ 12 สัญญาณเตือนนี้มั้ย หรือ เขาไม่ใช่ จริงๆ
เพราะถ้าเป็นจะบอกว่าไม่เฮลธ์ตี้แน่นอน พลังงานดีๆ ในชีวิตที่ต้องเสียไปกับความสงสัย แล้วยังทุกข์อีก เดินต่อก็ฝืด อยู่ก็ไม่มีความสุข มีทางมั้ยที่เอาให้ชัดกับตัวเอง แล้วกล้าเป็นกล้า กล้าที่จะมูฟออน เอาให้ข้างในเราเคลียร์ที่สุด เพราะถ้าคุณมีครบ 12 สัญญาณเตือนนี้ คุณรู้อยู่แก่ใจแล้วล่ะว่า “เขาไม่ใช่” แน่นอน!!
อย่าให้ต้องมาเสียดายเวลาแล้วถามตัวเองอีกเลยนะว่า “มีคนที่ฉันสุขใจกว่านี้ไหม คนที่ฉันไม่ต้องพยายามที่จะอยู่ คนที่ใช่จริงๆ สำหรับฉัน”
ถ้าคุณ….
1.รู้สึกอยากมีความสัมพันธ์ มากกว่าอยากยอมรับทุกสิ่งของผู้ชายคนนี้
บางทีเราก็ยอมรับตรงๆ กับตัวเองไม่ได้นะว่า เราน่ะอยากมีแฟน อยากมีความสัมพันธ์เหมือนใครเขา แต่พอมาเจอจริงๆ ผู้ชายคนนี้โหว….มีอะไรที่เราอึ้งๆ เพียบ เรารู้เลยว่าเราไม่ได้รับตัวเขาทั้งหมด หลายๆ อย่างยอมรับไม่ได้ แต่เราอยากมีใคร อยากแต่งงานไง ก็เลยยอมอยู่ในความสัมพันธ์ จริงๆ ก็รู้มาตั้งนานแล้วล่ะว่าเขาไม่ใช่ เคมีไม่ได้ บอกเลยว่าฝืนทนคบยังไง ก็ยากมากๆ ที่จะลงล็อคอยู่ดี
2.ต้องระวังคำพูดของตัวเองตลอด ไม่อย่างนั้นเขาจะขยี้คุณได้
ถึงเขาจะเป็นผู้ชายที่คุณรู้สึกสปาร์คขนาดไหน แต่พี่ชายเนี่ยเป็นโรคขยี้ซะจังเลย พูดอะไรไม่เข้าหูนิด ก็ต้องขยี้ให้จนมุม จนคุณรู้สึกว่าฉันจะทำอะไรผิดมั้ยตลอดเวลา แล้วพอขยี้ไปมากๆ เข้า คุณระเบิดขึ้นมา ทีนี้ไปกันใหญ่ ทำให้คุณต้องมายอมเขาตอนหลัง และคิดกับตัวเองว่าฉันต้องปรับปรุง เพราะอยากรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ แต่จริงๆ แล้วคุณคือผู้หญิงธรรมดาๆ นะ ที่ไม่เป็นไรเลยถ้าจะพูดอะไรพลาดไปบ้าง หรือขออะไรใครบ้าง เขาเกินไปต่อใจไปหรือเปล่า ลองคิดดูดีๆ นะว่าไหวมั้ย
3. เวลาทะเลาะกัน หรือไม่เห็นด้วยกัน มันกลับมาไม่ค่อยจะได้แฮะ
คนเราไม่เหมือนกันเลยมาเจอกัน มันต้องทะเลาะกันอยู่แล้ว และถ้าการตีแผ่ความรู้สึกจริงๆ ออกมา ทำให้ต้องเถียงกัน เถียงทุกครั้งก็สงบกันไม่ได้ กลับสรุปว่าหรือเราไม่เข้ากันนะ จะบอกว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับว่าเราทะเลาะกันหรือเปล่าหรอก แต่ในความสัมพันธ์มันคือ “เราจะทำให้คลี่คลายกันยังไง” มากกว่า อีคิวของแต่ละคนจะมีปัญญากันพอมั้ย จิตใจจะรักและเมตตาต่อกันมั้ย หรือจะยึดติดกับแค่เรื่องเล็กๆ แล้วสรุปว่าเราไปกันไม่ได้
ถ้าทะเลาะกันนะให้สังเกตการกระทำของคุณทั้งสองเอาไว้ ฟังกันมั้ย พยายามเข้าใจกันมั้ย ใส่ใจกันจริงหรือเปล่า แล้วตอนสุดท้ายคอมฟอร์ทกันยังไง ยิ่งถ้าผ่านไปหลายวันแล้วดูเลย ว่ายังหยิบเรื่องที่ทะเลาะมาเป็นประเด็นอีกหรือเปล่า คนที่ใช่ยังไงเขาก็ยินดีจะมูฟออน และมีพัฒนาการกัน เพื่อจะรักษากันและกันไว้ มากกว่าพุ่งไปที่สิ่งไม่ดีของอีกคน
4. ต่อหน้าคนอื่นหวานมาก แต่พออยู่กันเองกลับเฉยชา
เรียกว่าสร้างภาพเลยดีกว่า ใครๆ ก็คิดว่าหวานกันจากรูปในเฟซบุ๊ค ดูเป็นกิ่งทองใบหยกเชียว แต่มีคุณเท่านั้นที่รู้ว่า พออยู่กันสองคน แพชชั่นแทบจะไม่มี ก็อยู่ไปแบบรักษามารยาทต่อกัน คุยกันบ้าง ปรึกษากันบ้าง แต่ในใจคุณรู้ชัดเลยว่าขาดความรักที่แนบแน่นอยู่ในนั้น
5. หวังตลอดว่าเขาน่าจะเปลี่ยนได้นะ
เรียกว่าสะกดจิตตัวเองให้เดินอยู่บนทุ่งลาเวนเดอร์ ทำดีขนาดนี้เขาต้องเปลี่ยนได้สิ วันหนึ่งเราต้องสปาร์คกันกว่านี้ เขาต้องเห็นคุณค่าเรา และอีกมากมายเหตุผลที่เราจะเอามาอ้าง เพื่อจะอยู่ในความสัมพันธ์กับเขาต่อไป แล้วบอกเลยนะว่าไม่จำเป็นที่คุณจะต้องเปลี่ยนอะไร เพื่อให้เขาเปลี่ยน หรือรักคุณมากขึ้นหรอก เรื่องของใจ เรื่องของกาย มันคือการเชื่อมโยงกัน ดูดเข้าหากัน ถ้าฝ่ายใดไม่รู้สึก ก็ยากที่จะเปลี่ยน บางทีเขาก็แค่คนที่ไม่แมทช์กับคุณเท่านั้นแหละ
6. ทำไมไม่รู้สึกไว้ใจเขาเลยก็ไม่รู้
ไม่ไว้ใจตั้งแต่ว่า เขารักเราจริงเหรอ เขาอยากมีอนาคตกับเราไหม เวลาเขาบอกว่าคิดถึง เขาพูดจริง หรือเขาฝืน เวลาเขาไปกับคนอื่น เขาคิดถึงเราไหม ที่สุดแห่งความไม่แน่ใจ กลายเป็นไม่ไว้ใจ จนสงสัยเลยว่าเขาจริงใจหรือเปล่า ก็เลยทำให้เวลาเขาพูดอะไร ทำอะไร ก็ไม่ไว้ใจไปด้วย จนไม่เชื่อและไม่ศรัทธาในตัวเขาเลยล่ะ
7. แล้วก็ต้องทำเป็นว่าเขามีอะไรน่าสนใจ
ทั้งๆ ที่คุณคิดกับตัวเองตลอดว่าคุณน่ะเจ๋งกว่าเขา สิ่งที่เขาพูดคุณไม่เคยเห็นเขาทำ แต่กลับต้องทำเป็นสนใจในสิ่งที่เขาพูด ลึกๆ คุณยังรู้สึกเบื่ออีกต่างหาก มีผู้หญิงหลายคนเลยบอกว่า “ดีใจที่แฟนไม่อยู่ จะได้ไปเที่ยวกับเพื่อน” พวกเธอสารภาพกันเลยนะว่า “ไม่เอนจอยเวลาคุยกันนานๆ กับแฟนเลย เรื่องที่เขาสนใจ ไม่อยากรู้เลยด้วยซ้ำ” คุณไม่ควรเสแสร้งอะไรแบบนี้นะ นานๆ ไปจะกลายเป็นต่างคนต่างเงียบ และไม่มีเรื่องอะไรดีๆ คุยกัน ก็อาจจะมีแค่ดินฟ้าอากาศไปอย่างนั้น ความสัมพันธ์จะเข้าขั้นเฉาเอาเลย
8. พอนึกถึงภาพอนาคตกับเขา มันรู้สึกเฉยๆ มาก
ไม่ตื่นเต้น ไม่ดีใจ เรียบมากจนเฮ้ย! จะดีเหรอ การที่เราอยากอยู่กับใครน่ะ อย่างน้อยเราต้องรู้สึกมันช่างน่าตื่นเต้น ชีวิตมีเขาต้องสนุกแน่ๆ เราจะได้ทำอะไรเริ่ดๆ ด้วยกันตั้งเยอะ แต่นี่กลับแบบ…เหม่อ พอนึกภาพว่าต้องแกไปกับผู้ชายคนนี้ ขนลุกซู่เลย ชัดมากๆ เลยว่าเขาน่ะไม่ใช่แน่นอน!
9. อยู่กันแบบไม่ขำ ไม่เอนจอย ไม่โรแมนติก
เรียกว่าไม่มีอารมณ์ใดๆ ที่จะพอทำให้ชีวิตซาบซ่าได้ อยู่แบบรักษาน้ำใจกัน ดูแล ใส่ใจกันให้อีกฝ่ายไม่บอบช้ำ แต่ไม่ขำ ไม่สนุก ไม่โรแมนติก แล้วไม่อยากมีเซ็กซ์ ไม่อยากนอนกอด คือไม่มีอะไรสปาร์คกันเลย ถามจริงๆ ว่าเราจะอยู่กับคนแบบนี้ไปทั้งชีวิตเลยจริงๆ หรือ?
10. รู้สึกดีกับเขาในบางสถานการณ์เท่านั้นล่ะ
คือเขาก็มีดีบางอย่างที่เรารู้ มีเหมือนกันที่เรารู้สึกดีกับสิ่งที่เขาทำ บางสถานการณ์ บางสิ่งแวดล้อมเนี่ย มีเขาก็โออยู่ อย่างเขาซ่อมโน่นนี่เก่ง แม่เราเอ็นดูเขา รอเราทำงานนานๆ ได้ แต่มันไม่พอไง เรื่องอื่นๆ ที่ฝืดมันก็มีอยู่เหมือนกัน อันนี้ต้องแยกแยะดีๆ เลยว่า เราเอากำแพงแห่งความดีงามมาตั้งไว้ด้วยหรือเปล่า มองชีวิตให้เป็นความมีชีวิตชีวา ดีต่อใจให้เบิกบานไว้ด้วยเยอะๆ นะ
11. ไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่กับเขาเลย
เขาดูอีโมมาก อารมณ์เขาพร้อมจะตีขึ้น และดิ่งลงตลอด ทำให้เวลาเราอยู่กับเขาไม่ค่อยรู้สึกปลอดภัย ไม่วางใจ ไม่สบายใจ แล้วเลยรู้สึกว่าเขาก็ไม่ค่อยน่าเคารพเท่าไหร่ด้วย อันนี้สำคัญในการมีใครสักคนของชีวิตเลยนะ ถ้าเราฝืดขนาดนี้ แล้วต้องคอยตามอารมณ์เขาตลอด เราจะเสียเวลามาก เสียพลังงานดีๆ ไปด้วย
12. จังหวะของเราสองคนไม่เหมือนกันเลย
เรื่องนี้สำคัญสุดๆๆๆๆๆ มันคือเคมีที่เรามีด้วยกันเวลาเจอเรื่องตลก การหยอกล้อ การเชื่อมโยงกันข้างใน มันจะซิงค์กันได้เป็นธรรมชาติเลย เป็นเรื่องของจังหวะรับส่งที่ผสานไปด้วยกัน เขาเรียกว่าเป็นโซลเมทเลยดีกว่า แล้วยากที่จะแยกคนสองคนแบบนี้ออกจากกัน คือถ้าคุณกับเขาไม่เป็นแบบนี้กันนะ อยู่ไปยากที่จะรอด ไม่ก็ต้องไปนอกใจ ไปเจอคนใหม่กัน หรือยอมทุกข์ทนกันไป ข้างในลึกๆ ของคุณจะรู้ชัดเลย ลองถามตัวเองดูนะ
อ่านเรื่องราวอื่นๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO