ลืมตาตื่นขึ้นมาก็รู้สึกมวนท้องไม่อยากไปทำงานแล้ว แต่หนี้ต่างๆ มาดักทุกสิ้นเดือน ไม่มีงานทำตอนนี้จะเอาที่ไหนกินใช้ เลยเหมือนตัวเองหายใจไม่ทั่วท้องเหมือนติดอยู่ในงานที่เกลียดตลอดเวลา ความมั่นคงเดียวที่มีทำไมถึงเป็นสิ่งที่เราอยากหนีที่สุด อาการนี้บอกเลยว่าไม่ใช่เราที่โชคร้ายคนเดียวบนโลก แต่ฝรั่งอย่างสื่อของ metro ในอังกฤษเขาสรุปชื่อว่า “resenteeism” หมายถึงการขยาดงานที่ทำจนต้องบ่นเรื่องงานตลอดเวลาที่ว่าง หรือปล่อยเกียร์ว่างเรื่องงานแบบเฉื่อยไปเลย
คุณกำลังเป็น Resenteeism อยู่หรือเปล่า?
ทำไมเราถึงเกลียดงานได้ขนาดนี้?
สาเหตุจริงๆ อาจจะไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ๆ ก็ไม่พ้นหัวหน้าไม่ดี ทำงานแล้วไม่รู้สึกก้าวหน้า ระบบจัดการแย่ ที่ทำงานมีแต่คนท็อกซิก หรืองานหนักไม่เคยได้หยุดพัก โดยเฉพาะช่วงนี้ที่หลายองค์กรกลับมาโกยเงินช่วงหลังโควิด งานออนไลน์ งานขายต่างๆ ทำกันไม่มีผลัดเวร เสาร์อาทิตย์ยังต้องลุกมาทำ ออกไปกินข้าวกับเพื่อนหรือครอบครัวต้องหลอนว่าใครจะไลน์มาตามงาน
แต่ก็ต้องเข้าใจว่าหลายบริษัทก็เพิ่งฟื้นจากวิกฤต ทำให้ต้องประหยัดงบในการจ้างคน หรือคนที่เคยทำได้ลาออกไปแล้วยังหาคนมาแทนไม่ได้ เรื่องพวกนี้ยิ่งทำให้คนทำงานอารมณ์เสีย รู้สึกว่าโดนเอาเปรียบ งานวนอยู่ที่เดิม ไม่มีกำลังใจว่าทำไปแล้วจะได้อะไรตอบแทนที่ควรค่า เก็บความไม่ชอบเอาไว้ทุกวัน แล้วยังแพร่เชื้อไปใส่สมองคนอื่นๆ เอาไปพูดกับคนที่เข้ามาใหม่ๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงในองค์กรจะรีบดักคอทันทีว่าก็ยังเหนื่อยนังหนักเหมือนเดิม ไม่เห็นช่วยอะไรได้ ไม่มีเอเนอร์จี้ดีๆ แทรกเข้ามาได้เลย
แล้วทำไมไม่ลาออกล่ะ?
ใช่! หางานใหม่ดีกว่ามั้ย…เวลาที่มีคนด่างานที่ตัวเองทำบ่อยๆ บางคนพูดทุกวันไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือนกี่ปี คนที่ฟังจะมีคำถามว่าแล้วยังอยู่กินเงินเดือนเขาทำไม ก็ง่ายๆ ว่าห่วงตัวเองว่าจะเอาอะไรกินล่ะทีนี้ ชีวิตยังต้องมีเงินหล่อเลี้ยงอยู่ เพราะภาระที่บ้านหรือต้องจ่ายค่าหนี้บ้านหนี้รถก้อนใหญ่น่ากลัวมากกว่า แถมลึกๆ ไม่มั่นใจในความสามารถตัวเองว่าสมัครงานใหม่คนจะรับมั้ย หนีเสือปะจระเข้ที่ใหม่แย่กว่าเดิมหรือเปล่า จะเข้ากับคนที่ใหม่ได้เหรอ ทุกสิ่งที่ตั้งคำถามทำให้ต้องฝืนทนกล้ำกลืนวนอยู่ในอ่างแบบนี้ ถ้าพูดตามตรงก็ไม่แฟร์กับใครเลย ไม่ให้คุณค่าตัวเองด้วย เรากลายเป็นคนที่เอาเปรียบบริษัท เป็นคนขี้เมาท์ ขี้บ่นมองโลกในแง่ร้ายตลอดเวลา
ลามไปถึงจิตใจที่อาการนี้นักจิตวิทยาอย่าง ดร.ซาแมนธา มาโนซิงห์ บอกว่า “สุขภาพจิตของคุณจะเสียไม่ใช่แค่ตอนอยู่ในที่ทำงานเท่านั้นนะ แต่อยู่ข้างนอกหรือไปที่ไหน ใจก็แย่ไปหมด” เวลาที่คนเราเกลียดงาน รู้สึกโกรธ หมดหวังและหงุดหงิดบ่อยๆ อาจเป็นต้นเหตุให้เป็นโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล กลับมาบ้านยังหัวร้อนกับเรื่องเล็กๆ ส่งผลให้เรื่องที่เคยเอนจอย เคยมุ้งมิ้งน่ารักกับแฟนก็กลายเป็นอยากอยู่คนเดียวไปซะงั้น
จากประสบการณ์คนจะไม่ทนทำงานที่เกลียด
สาวๆ คลีโอที่มีอาการ resenteeism หรือกำลังเกลียดงานแต่ก็ต้องฝืนทนอยู่อาจจะต้องกลับไปคิดว่านอกจากเงินเดือนที่ได้ เรายังไปต่อกับงานนี้ได้อยู่มั้ย มีเรื่องที่ให้แลกแบบยังพอมีความสุขอยู่รอดไปได้หรือเปล่า เช่น หัวหน้าไม่ดีแต่เพื่อนร่วมงานเข้าใจ พากันทำงานไปจนสุด หรือถ้าเราอดทนทำไปก่อน สามารถไปอัพโปรไฟล์สมัครงานที่อื่นได้ง่ายขึ้น ไม่อย่างนั้นถ้าเราหาทางที่จะแก้ไขไปทีละน้อย อาจจะทำให้ปรับตัวอยู่ด้วยความสุขมากขึ้นอีกนิด ต้องลองลิสต์ข้อดีข้อเสียออกมา คิดให้ดีๆ ก่อนที่จะเลือกการลาออกเป็นหนทางสุดท้าย
และคลีโอขอคอนเฟิร์มว่า “ความสุขในการทำงาน” ยังมีอยู่จริง แค่เราต้องหาให้เจอ จากการสัมภาษณ์ผู้หญิงที่ประสบความเร็จในการทำงานและสร้างธุรกิจมานับร้อยๆ คน ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า จะงานอะไร แต่ตื่นมาต้องรู้สึกสนุกกับงานที่ทำ งานอาจจะเครียดหรือเหนื่อยแต่ต้อง “สนุก!” แล้วเดี๋ยวเงินมาเอง ถ้าเรายังทนให้อาการเกลียดเกาะกุมหัวใจแบบนี้อีกนานๆ จนทำให้เป็นคนด้านชา เราจะไม่มีวันที่จะมีแพชชั่นทำงานไหนได้อีกเลย รวบรวมความกล้าที่จะบอกกับตัวเองว่า “เราน่ะทรงอย่างแบด แต่ไม่แซดเรื่องงานแล้วนะ”
อ่านเรื่องอื่นๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO