สำคัญที่สุดเวลาอยู่ในที่ทำงานคือการสื่อสารนี่ล่ะ ทำยังไงให้เราเป็นผู้หญิงทำงานที่พูดอะไรแล้วชัดเจน ได้งาน และคนไม่คิดว่าเราเซลฟ์ไป สาวทำงานท้อปฟอร์มเขาใช้ 10 ประโยคนี้กันบ่อยๆ เลย
เป็นความยากอย่างหนึ่งในที่ทำงานคือ เวลาเราพยายามจะสื่อสารอะไรกับใคร แล้วต่อให้เราใช้ประโยคดีแค่ไหน เขาก็อาจจะเข้าใจผิดอยู่ดี หรือเรื่องซีเรียสๆ ที่เราอยากให้งานมีประสิทธิภาพขึ้น ถ้าได้ประโยคฮุคเลย ก็อาจทำให้คนที่ทำงานด้วยเข้าใจความหมายที่เราอยากสื่อสาร อย่างถ้าเราพูดกับคนที่ทำงานด้วยกันว่า “ขอโทษที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น” คนที่ทำงานกับเราก็อาจรู้สึกว่าเราอ่อนแอไปมั้ย หรือถ้าเราไปบอกว่า “ไม่ทราบว่าจะได้งานเมื่อไหร่” เขาก็อาจคิดว่าเราจิกไป
บอกเลยว่าสื่อสารกับใครในที่ทำงาน ต้องใส่ใจการใช้คำพูดทีเดียว ประโยคที่ไม่ทันคิด อาจสร้างความเซนซิทีฟให้คนฟังได้แบบเขาแย่กับตัวเองไปเลยก็ได้ หรือหัวหน้าบางคนที่พูดอะไรห้วนไป ลูกน้องกลับบ้านไปร้องไห้โฮได้เหมือนกัน คลีโอเลยอยากอัพเดทประโยคที่เรารวบมาแล้วว่า สาวท้อปฟอร์มในออฟฟิศเขาพูดแบบนี้กัน
1.“ฉันอาจจะไม่ได้มองในแบบนี้นะ ขออธิบายหน่อยว่าเพราะอะไร”
การที่เราย้ำความคิดของเราถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้งานเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี เมื่อเรามีมุมมองที่ต่างจากคนอื่น ก็ไม่ควรต้องเงียบ เพราะจุดมุ่งหมายเราคืองานต้องดี! และความจริงก็คือ “ความเห็นของคุณเองก็สำคัญ” ไม่ถือว่าเป็นการเยียบเท้าใครหรอกถ้าเราจะออกความเห็นด้วย สำคัญที่โมเมนท์ที่เราจะออกความเห็นมากกว่า
อย่างถ้าอยู่ในห้องประชุมแล้วเพื่อนร่วมงานถามว่ามีใครเห็นต่างมั้ย ตอนนี้ให้รีบแชร์ความเห็นเลย อย่ารอทีหลัง บอกมุมมองของเรา และบอกเหตุผลประกอบให้ชัดเจน อาจพูดว่าเช่น “ฉันไม่เห็นว่าการที่เราต้องกลับมาทำงาน 5 วันเต็ม เกี่ยวกับประสิทธิภาพในการทำงานของเรานัก เวลาเราทำงานที่บ้านบ้าง ทำให้มีสมาธิที่ยาวนานขึ้น และประหยัดเวลาเดินทาง ทำให้อิสระในการทำงานขึ้นด้วย” อะไรแบบนี้
2.“ฉันมีไอเดียอื่นๆ ที่อยากแชร์เพิ่ม”
พวกเราเคยผ่านจุดที่ต้องรวบรวมความกล้าที่จะออกไอเดียกันมาแล้ว แล้วเราก็เคยเจอที่พูดยังไม่ทันจบ เพื่อนร่วมงานคนอื่นก็มาพูดแซง หรือไม่เห็นด้วยกับเรา มันทำให้เราท้อและคิดว่าต่อไปนี้ไม่พูดดีกว่า
สิ่งนี้เกิดขึ้นตลอดเวลา และถึงแม้เราจะรู้สึกเบื่อที่จะออกความเห็น คุณก็ยังมีสิทธิ์ที่จะออกความเห็นอยู่ดี และต่อให้มีใครมาขัดซีน คุณก็ยังยืนหยัดที่จะแชร์ความเห็นต่อไปได้ หาประโยคชิลล์แต่ชัดเจนอย่าง “ขอบคุณที่คุณออกความเห็นมานะ ฉันขอแชร์ไอเดียอื่นๆ ต่อไปเลยแล้วกัน” เมื่อเรายืนยันสิ่งที่เราอยากแชร์ จะทำให้เรามีพลังขึ้นมาด้วย
หรือถ้าไม่สบโอกาสจริงๆ อาจส่งอีเมลไปเล่าเรื่องไอเดียคุณต่อหลังจากประชุมก็ได้ หรือขอนัดนอกรอบเพื่อเล่าไอเดียของคุณเพิ่ม
3.“ตอนนี้ฉันมีงานที่ต้องทำค่อนข้างมากอยู่ หรือเราจะลองขอให้…. เขาทำมั้ย?”
ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มักไม่กลัวที่จะบอกความจริงเวลามีงานมากเกินไป และแนะนำให้คนอื่นทำแทน พวกเรามักถูกหัวหน้าขอให้ทำงานนอกจากที่กำลังทำอยู่มากมาย เราสามารถปฏิเสธและแนะนำต่อได้ นั่นจะทำให้เราไม่ต้องท็อกซิกเกินไปด้วย
คราวหน้าถ้าคุณถูกขอให้ทำงานอะไรที่เยอะไปอีก ลองกล้าๆ พูดกลับไปว่า “ตอนนี้งานฉันเยอะอยู่มาก แต่ฉันรู้มาว่า….เขาอินกับเรื่องนี้พอดี ลองถามเขาดูไหมว่าเขารับทำได้มั้ย”
4.“ฉันคิดว่าฉันควรได้เงินเดือนเพิ่มมากกว่านี้”
ที่สุดแห่งความต้องกลั้นหายใจแล้วพูดประโยคนี้ออกไป ผู้หญิงทำงานที่รู้คุณค่าตัวเอง มั่นใจ รู้ว่าแรงกาย แรงใจที่เธอทำไป เธอสมควรได้รับเงินเดือนเท่าไหร่ ทั้งหมดจะทำให้เธอยิ่งมีไฟในการทำงานมากขึ้น ถ้าแอบกลัวอย่างแรกเลยลองหาข้อมูลดูว่า ตำแหน่งงานของคุณ การทำงานแบบคุณ ผลงานที่คุณสร้างมา สมควรได้รับเงินเดือนเท่าไหร่ ที่ทำงานอื่นเขาให้กันเท่าไหร่ เพื่อเป็นข้อมูลซัพพอร์ตการเข้าไปขอเงินเดือนเพิ่มของคุณ
และรอจังหวะเวลาที่เหมาะ อาจเป็นช่วงประเมินกลางปี หรือก่อนการประเมินประจำปี ตรงเข้าไปหาหัวหน้างาน ให้เหตุผลว่าทำไมคุณต้องได้เงินเดือนเพิ่ม แล้วพูดประโยคนั้นออกไปเลย “หัวหน้าคะ ฉันคิดว่าที่ฉันทำงานมาในปีนี้ ฉันคาดว่าฉันจะได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นค่ะ”
5.“ฉันขอชื่นชมในความพยายามของตัวเอง ที่ได้ทำงานโปรเจ็คท์นี้”
บางทีในการทำงานเราก็ไม่ได้ให้เครดิตความพยายามของตัวเองเท่าไหร่ เราเลี่ยงที่จะอวยตัวเองบ้าง และถ่อมตัวเกินไป อยากบอกว่า “คุณมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะบอกโลกว่าคุณทำอะไรสำเร็จบ้าง” คุณภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองทำได้ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรเริ่ดๆ แล้วอยู่อย่างเงียบๆ
ยิ่งถ้าคุณทำกันเป็นทีมล่ะก็ ยิ่งควรที่จะนำเสนอผลงานของทีม และบอกทุกคนว่า “ฉันภูมิใจกับสิ่งที่พวกเราทำกัน” เพื่อให้กำลังใจทีมงาน และให้ทุกคนได้เห็นคุณค่าของความพยายามที่ทำไป
6.“ขอโทษที่ฉันเข้าประชุมนี้ไม่ได้ มีทางที่ฉันจะได้สรุปประชุมหลังจากนั้นไหม?”
ผู้หญิงที่ท้อปฟอร์มเธอจะรู้ว่าการแคนเซิลประชุมบ้าง เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ และก็ไม่ต้องลังเลที่จะขอสรุปการประชุมส่งมาให้ ไม่เป็นไรเลยถ้าเข้าไม่ได้ แต่เธอมีวิธีแก้เตรียมรอไว้
อาจจะมีนะที่คุณรู้สึกผิดถ้าไม่ได้เข้าประชุม แต่ความลังเลแย่กว่าการไม่ได้เข้า ตัดสินใจแล้ว เลือกสิ่งที่สำคัญกว่า แล้วแคนเซิลด้วยความสุภาพ พร้อมมีวีธีรับมือว่าจะทำยังไงเอาไว้ด้วย อาจใช้วิธีติดต่อนอกรอบไปกับคนที่จัดการประชุม บอกเหตุผล และยินดีจะ follow up การประชุมภายหลัง
7.“ฉันรู้สึกขอบคุณเหลือเกินที่คุณสละเวลามาคุยกับฉันวันนี้”
บางครั้งเราก็อยากได้ไอเดียบางอย่างจากเพื่อนร่วมงาน แล้วก็เกรงใจไม่กล้าขอเขา ง่ายกว่านั้นคือเจตนาเราทำเพื่อบริษัท เราไม่ควรรู้สึกเกร็งถ้าจะขอให้ใครช่วย เพียงแต่เพิ่มหนึ่งประโยคให้เขาที่เป็นความรู้สึกซาบซึ้งที่เขาสละเวลามาให้ ให้เขาได้รู้ว่าคุณเห็นคุณค่าของพลังงานและเวลาของเขา
8.“ขอบคุณที่อดทนและฟันฝ่าทำกันจนสำเร็จ!”
ประโยคแห่งกำลังใจที่ควรบอกใครเวลาเราเห็นใครฟันฝ่าทำงานให้สำเร็จกัน มอบพลังแห่งการขอบคุณและเห็นคุณค่าให้กับเขาเถอะ และกลับกันถ้าเป็นหัวหน้างานเราที่เขามีวุฒิภาวะสูงกว่า เราอาจบอกหัวหน้าประโยคว่า “ขอบคุณที่ฝ่าฟันไปกับพวกเรานะคะหัวหน้า ขอบคุณที่อดทนไปด้วยกันด้วยค่ะ” แล้วทั้งเราและคนที่เราชมจะมีพลังกันขึ้นเลย
9.“บอกมาได้เลยนะ ถ้าคุณอยากถามอะไร หรือติดอะไร ไม่ต้องเกรงใจเลย”
เวลาเราอยากแชร์ไอเดียของเรา จะดีมากและเหมือนได้เปิดพื้นที่ให้กับอีกคนได้แชร์กลับ ประโยคอย่างว่า “บอกมาเลยนะ ถ้าคุณอยากแชร์อะไร ยินดีเลยค่ะ” ก็จะทำให้เราดูเป็นคนเปิดเผย เป็นมิตร และส่งให้งานได้รับการถกกันกว้างขึ้น ประโยคแบบนี้จะทำให้คนรอบๆ รู้สึกอยากเข้าหาคุณมากขึ้นด้วย
10.“ฉันยินดีที่รับฟีดแบ็คจากคุณเลย และเดี๋ยวขอเอาไปพิจารณานะคะ”
ฟีดแบ็คจากคนอื่นจะทำให้เราโตขึ้น ส่วนใหญ่ผู้หญิงทำงานท้อปฟอร์ม เธอจะเปิดรับฟีดแบ็คกันเสมอ และใจกว้างพอที่ถ้าใครจะคอมเมนท์ตรงๆ เธอก็รับได้เช่นกัน สิ่งเหล่านี้ล่ะจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบริษัทได้ และทำให้ทุกคนมีไฟที่จะได้โยนไอเดียเบรนสตอร์มกันต่อ เป็นการบอกถึงภาวะผู้นำของคนลีดประโยคนี้เลย
และทำให้คุณฝึกทักษาการฟังที่ไม่ตัดสินคนพูด และสุดท้ายทำให้เขามีกำลังใจว่ามีคนเห็นคุณค่าของคอมเมนท์เขาด้วย
อ่านเรื่องราวอื่นๆ ต่อได้ที่ 4 ทางรอดของคนที่ต้องเจอท็อกซิกในออฟฟิศ