2 ไอเท็มเมคอัพที่เราต้องเป็นสาวก  สวยจัดที่สุดแห่งมิติของหน้า

ผิวหน้าที่เปล่งประกายรับกับดวงตาใสคม เพียงแค่นี้ก็ทำให้สวยไปทั้งหน้า และสวยได้ทั้งวัน คลีโอขอนำเสนอเมคอัพ 2 ไอเท็มนี้จาก JUDYDOLL เมื่อได้ลองพียงครั้งเดียว มั่นใจมากว่าจะกลายเป็นสาวก!

รีวิว Roborock F25 ACE เครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะที่จะทำให้คุณหลงรัก! ปังมาก! มีแล้วอย่างฟิน!

เครื่องดูดฝุ่น Roborock F25 ACE คือรุ่นใหม่ที่ช่วยให้การทำความสะอาดบ้านง่ายและสนุกยิ่งขึ้น ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย น้ำหนักเบา และระบบ AI ที่ช่วยปรับแรงดูดอัตโนมัติ บริการทำความสะอาดตัวเองอีกทั้งการควบคุมผ่านแอพ ทำให้เหมาะกับชีวิตยุคใหม่.

2 สเต็ปที่เบสิคดูแลผิวหน้า.. ให้ผิวกระจ่างใสและแข็งแรงด้วยสองไอเท็มนี้

ดูแลผิวหน้าให้ผิวสุขภาพดีไปยาวๆ เราทำ 2 สเต็ปนี้ก็เอาอยู่เลยนะ คือบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นแข็งแรง และเคลียร์ให้ผิวกระจ่างใสด้วยไอเท็มจากแบรนด์ NU FORMULA ที่มาเพื่อดูแลผิวให้คุณได้แบบเบสิครูทีน และเต็มไปด้วยสารสกัดที่ดีต่อทุกสภาพผิว เป็นสูตรที่อ่อนโยนและออกแบบมาเพื่อผิวคนเมืองร้อนโดยเฉพาะ

คลีโอชี้เป้า! สองไอเทมนี้จะทำให้ผิวหน้า +ผิวกายของเราอย่างไบรท์! จนต้องได้รางวัล CLEO Beauty Hall of Fame2024

อะไรดีเราต้องประกาศให้โลกรู้ 2 ไอเทมที่ได้ลองใช้แล้วรู้สึกว่าดีจนต้องให้เป็นสุดยอดผลิตภัณฑ์บิวตี้ CLEO Beauty Hall of Fame ของปี 2024 นี้ มาทั้งผิวหน้าและผิวกาย รักจริง เริ่ดจริง!




Lifestyle

เธอค้นพบตัวตนและความฝันอย่างช้า ๆ บนลู่วิ่งของตัวเอง



คุยกับ “มีมิ ปุญญิศา” กับการค้นพบตัวตนและความฝันอย่างช้า ๆ บนลู่วิ่งของตัวเอง
“เมื่อความฝันของเธอ เกิดจากการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในระหว่างที่เดินทาง”

เธอค่อย ๆ เก็บเศษเสี้ยวของประสบการณ์ในแต่ละช่วงชีวิต นำมาหลอมรวมเป็นเส้นทางเดินในแบบของตัวเอง
มีมิคือหญิงสาววัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่งที่เพิ่งเรียนจบเหมือนกับวัยรุ่นในช่วงอายุเดียวกัน เราได้คุยกับมีมิในหลายเรื่องราว โดยเฉพาะเรื่องของ “ความฝัน” ซึ่งเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนมีอยู่แล้วในใจและกำลังไต่ไปให้ถึงเส้นทางความฝันนั้น หรือบางคนก็ยังหาความฝันของตัวเองไม่เจอ มีมิเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ค่อย ๆ เดินตามหาความฝัน ผ่านการลองผิดลองถูก ทำสิ่งใหม่ ๆ ในแบบที่ชอบ จนวันนี้เธอก็ค้นพบมันจนเจอ

มีมิคือเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ชอบและมีใจรักในภาษา เธอไม่ได้เป็นคนเก่งอะไรมากมาย เธอรู้แค่ว่าเธอชอบฟังเพลงสากล ชอบอ่านเนื้อเพลง รักในการอ่านหนังสือ การได้ตีความสิ่งต่าง ๆ จนตกผลึกความคิดคือสิ่งที่ทำให้มีมิมีความสุข และนี่คือจุดเริ่มต้นของการเข้าเรียนในคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถ้าถามว่าในชีวิตมหาวิทยาลัยของเธอเป็นยังไง เธอบอกกับเราว่า “พอเข้าอักษรฯ มาได้ สิ่งที่ตามมาคือความคาดหวังจากคนรอบข้าง และความหวังเหล่านั้นคือสิ่งที่เธอยังไม่มีให้กับใคร แม้กระทั่งกับตัวเธอเอง มีมิใช้เวลาส่วนใหญ่มุ่งไปที่การทำกิจกรรมนอกมหาวิทยาลัยมากกว่าการเข้าชั้นเรียน

“บางทีเราก็คิดนะ เรากำลังทำอะไรอยู่ แล้วอนาคตเราจะล้มเหลวจากการกระทำของตัวเองนี้มั้ย”

แต่เธอก็ยังทำมันต่อไป การเรียนอักษรศาสตร์จึงถือเป็นเศษเสี้ยวประสบการณ์แรกที่มีมิหยิบขึ้นมาได้

“ตอนที่เข้าอักษรฯ มา มีคนรอบตัวบอกเราเยอะมากว่าเราจบไปแล้วจะเป็นอะไรได้บ้าง แต่เราไม่ได้อยากจะเป็นแบบนั้นเลยสักอย่างเดียว”

มีมิเป็นหนึ่งในคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ถ้าเรียนจบแล้วเราต้องทำอะไร เป็นแบบไหน ในขณะที่คนอื่นกำลังอยู่บนลู่วิ่งที่ค่อย ๆ เข้าสู่เส้นชัยด่านแรก มีมิยังอยู่ที่จุดสตาร์ทเพื่อดูทิศทางการวิ่งของตัวอยู่ แต่จริง ๆ แล้วการที่เราวิ่งช้ากว่าคนอื่นก็ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่ถึงเส้นชัย สิ่งที่มีมิมักจะเน้นย้ำตลอดเวลาที่คุยกันคือการเลือกเดินในเส้นทางของตัวเอง บางคนมีความสุขกับทางเดินที่เลือกเอง บางคนมีทางเดินแต่ไม่มีความสุขเพราะไม่ได้เลือกเอง ทุุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะว่า สังคมให้ทางเลือกกับวัยรุ่นอย่างเราน้อยเกินไป “เราต้องเดินตามทางเลือกของสังคมอีกนานแค่ไหน ที่ต้องผลักตัวเองเข้าไปในทางที่เราไม่ได้ต้องการ เหมือนกดดันให้เราเรียนเพื่อจบไปมีอาชีพอะไรสักอย่างที่มีชื่อเรียก”

เศษเสี้ยวชิ้นใหม่ กับการเปิดโลกและมุมมองที่กว้างมากกว่าเดิม

ขอย้อนไปช่วงก่อนที่เธอจะเข้าเรียนที่อักษรฯ ตอนนั้นเป็นช่วงรอยต่อหลังจบมัธยมปลายพอดิบพอดี มีมิได้เข้าร่วมโครงการ Asia Pacific Youth Exchange (APYE) เธอได้ทำกิจกรรมหลายอย่างที่เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะการเป็นผู้นำจาก Leadership Development Training อีกทั้งฝึกการคิดอย่างสร้างสรรค์ผ่านกิจกรรม Design thinking นอกจากนี้มีมิเองก็ยังได้เรียนรู้การสร้างโมเดลธุรกิจและโมเดลการพัฒนาที่เป็นนวัตกรรมทางสังคม หรือแม้แต่การลงชุมชน แปลภาษาไทยให้ต่างชาติฟัง มีโอกาสได้ทำโปรเจ็กต์ต่าง ๆ จนได้รับรางวัลชนะเลิศกลับมา

เธอบอกว่าการได้เข้ามาทำตรงนี้ ทำให้เธอเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์มากขึ้น การได้พบเจอผู้คนที่หลากหลายทำให้มีมิมองเห็นว่า “มนุษย์นั้นเต็มไปด้วยความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่หลากหลาย” และนั่นทำให้เธอได้เห็นมุมมองการใช้ชีวิตของผู้คนที่กว้างมากขึ้น นอกจากเธอจะทำโครงการ APYE แล้ว มีมิยังได้มีโอกาสได้ทุนไปเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ ASEAN International Mobility for Students (AIMS) Programme ที่มหาวิทยาลัย Ateneo de Manila ประเทศฟิลิปปินส์อีกด้วย มีมิได้เล่าว่าการเรียนที่ฟิลิปปินส์ก็มีสภาพแวดล้อมไม่ต่างจากที่กรุงเทพเท่าไรนัก แต่สิ่งที่เธอได้กลับมานั้นนับเป็นความทรงจำและประสบการณ์ที่หาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เธอได้รู้จักเพื่อนต่างชาติที่มาจากหลายหลายประเทศ ได้ใช้ภาษาได้อย่างเต็มที่ แต่สิ่งนี้ก็ได้กลายเป็นมาเป็นส่วนประกอบในชีวิตของเธอ

เมื่อประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวมา ได้พาไปสู่ทางเดินเส้นใหม่ที่เธอสร้างขึ้นเอง


“ดูเหมือนบ้าบิ่น เด็กจบอักษร ใช้เวลานอกมากมหาลัยมากกว่าการเข้าเรียน แถมไม่ได้เกียรตินิยมตามคนส่วนมากในคณะ แต่กำลังผันตัวมาทำธุรกิจการศึกษา” สิ่งที่มีมิพูดกับเราวันนั้นทำให้เราเห็นอะไรบางอย่างในตัวเธอ มันไม่ใช่ความบ้าบิ่น แต่มันคือประกายไฟแห่งความฝันที่เธอจุดขึ้นเอง ประสบการณ์ที่ได้สั่งสมมา เธอค่อย ๆ หยิบสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาทีละนิดจนกลายมาเป็นธุรกิจของตัวเอง


“สิ่งที่เรามีคือก็คือความรู้เรื่อง Business Model เรามีความรู้เรื่องภาษาซึ่งเป็นสิ่งที่เรารัก และที่สำคัญคือเรามีความตั้งใจที่อยากผลักดันเยาวชน” ทั้งสามสิ่งนี้รวมกันเป็น “Ascend” สถาบันสอนภาษาจากเด็กเรียนภาษา ทางเดินเส้นใหม่ของมีมิ
(IG: @ascend.languagecenter)

ความตั้งใจของมีมิ คือความต้องการที่จะสร้าง community ที่ให้คนมาแลกเปลี่ยนความคิดและเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านการใช้ภาษา มีมิเชื่อว่าภาษาคือผู้คนกับการสื่อสาร เธอจึงตั้งใจให้การเรียนการสอนเป็นเหมือนการสนทนาผ่านเรื่องราวต่าง ๆ เหมือนกับการใช้ภาษาในชีวิตจริง ไม่ว่าจะอาหารการกิน วัฒนธรรม ให้กับคนเรียนภาษาได้เรียนรู้และเพลิดเพลินไปกับมัน สิ่งที่เธอคาดหวังคือการที่ได้เป็นจุดประกายเริ่มต้นการเรียนภาษาให้กับหลาย ๆ คนได้ โดยไม่จำเป็นต้องเก่งหรือมีพื้นฐานอะไร เพราะเธอเองก็เริ่มต้นมาแบบนั้น

ถ้าถามว่ามีมิประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง เธอพูดออกมาอย่างเต็มปากเลยว่า “ยัง” ตอนนี้เธอเหมือนได้เจอเส้นทางที่ใช่สำหรับเธอ หลังจากที่หลงทางอยู่นาน ความฝันเล็ก ๆ ของเธอได้ปรากฏขึ้นแล้ว แต่เส้นทางนั้นยังอีกยาวไกล

“เราไม่ได้อยากเป็นแรงบันดาลให้ใคร เราแค่อยากให้ทุกคนเป็นแรงบันดาลให้กับตัวเอง ไม่ต้องลุกขึ้นมาหาความฝันตอนนี้ก็ได้ แค่ใช้ชีวิตแบบค่อย ๆ ไปเรื่อย ๆ จะช้าจะเร็วไม่เป็นไร แค่ทำออกมาในแบบของตัวเองก็พอ”

เส้นทางความฝันของมีมิ เป็นแค่เส้นทางหนึ่งที่เธอเลือกสร้างขึ้นมาเอง เลี้ยวโค้งออกมาจากทางตรงที่สังคมคอยกำหนดเอาไว้เท่านั้น และเราอยากให้ทุกคนมีเส้นทางเดิน “ในแบบที่ตัวเองต้องการ” ไม่ใช่เพียงเพราะใครกำหนด ก่อนที่เราและมีมิจะแยกย้าย เธอยังได้พูดออกมาอีกหนึ่งประโยค ซึ่งเราว่าสิ่งที่เธอพูดมันจริงมาก ๆ จนแม้แต่ตัวเราเองก็ยังรู้สึกได้ มีสิ่งที่มีมิพูดก็คือ
“เราไม่จำเป็นต้องมีเป้าหมายยิ่งใหญ่เสมอไป ไม่ว่ามันจะเล็กน้อยหรือยิ่งใหญ่ในสายตาใคร แค่สิ่งนั้นมันยิ่งใหญ่สำหรับเราก็เพียงพอแล้ว”

เชื่อว่าหลาย ๆ คนตอนนี้อาจจะยังไล่ตามหาความฝันของตัวเอง หรืออาจกำลังหลงทางกับเส้นทางที่เดินอยู่ แต่อย่าลืมว่าสุดท้ายแล้ว เราเองนี่แหละที่เป็นคนใช้ชีวิต ไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร แค่หาตัวเองให้เจอ ไม่ต้องรีบก็ได้ ฟังเสียงของตัวเองเยอะ ๆ แล้วค่อย ๆ เดินตามมันไป เหมือนอย่างที่มีมิได้เดินตามเสียงหัวใจของตัวเองนะ

By Jiratchaya

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']