น้องตุ๋มเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทของเรา รู้ว่าตุ๋มติดโควิดเมื่อมิถุนายนปีที่แล้ว และตอนนี้เธอหายแล้ว
ตุ๋มทำงานในร้านอาหารญี่ปุ่นอยู่ที่ลาส เวกัส ตุ๋มบอกว่าคนที่นั่นถ้าใครไม่เป็นอะไรจะไม่ใส่หน้ากาก แต่ตุ๋มและเพื่อนไทย เพื่อนเอเชียจะใส่หน้ากากกันหมด และพอหลังจากล็อค ดาวน์ ก็ค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ได้ไปไหนนอกจากบ้าน ที่ทำงาน ซูเปอร์มาร์เก็ต วันที่ตุ๋มเริ่มคิดว่าตัวเองติดควิด ก็ไปทำงานตามปกติ ระหว่างทำงานจะใส่หน้ากากตลอด แต่คนอเมริกันที่เข้ามากินข้าวในร้านไม่ใส่หน้ากากเลย ตุ๋มบอกว่า
“หนูใส่หน้ากากตลอดเวลา เพื่อนร่วมงานก็ใส่ มีเปิดหน้ากากตอนกินน้ำ ถ้ากินข้าวก็จะแยกไปกินในห้อง แล้วเพื่อนรอบตัวก็ไม่เป็นกัน เลยไม่รู้แน่ว่าติดมาจากไหน”
ระหว่างทำงานตุ๋มก็จะคอยย้ำคิดกับตัวเองตลอดว่า เราจะเป็นมั้ย “ปกติจะเป็นภูมิแพ้ตอนเช้าทุกวัน น้ำมูกจะไหลสัก 2 ชั่วโมงแล้วก็หายไป” แต่ที่มารู้สึกว่าไม่ได้การแล้วก็คือวันหนึ่งตุ๋มเริ่มรู้สึกว่ามีไข้ รู้สึกเหมือนไม่สบาย “คือที่เอ๊ะก็เพราะปกติถ้าเป็นภูมิแพ้จะคันจมูก แต่วันนั้นไม่คันจมูก น้ำมูกไหล แล้วมีไข้ แล้วก็ท้องเสียงสองรอบ มีเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวด้วย” ตุ๋มรู้สึกแปลกๆ ก็เลยรีบกลับบ้านทันที เธอบอกกับตัวเองว่า “คิดไว้ก่อนตอนนั้นเลย ว่าเราอาจเป็นโควิดนะ” พอตุ๋มคิดแบบนั้นเธอก็แยกตัวเองจากทุกคนเดี๋ยวนั้น
“พอกลับมาบ้านคิดไว้ก่อนแล้วว่าเราเป็น แล้วบอกให้เพื่อนที่อยู่บ้านเดียวกันใส่หน้ากากตลอดเวลา เราป้องกันไว้ก่อนเลย บอกเพื่อนว่าเรามีอาการแบบนี้ เราจะอยู่ในห้องคนเดียวนะ” หลังจากนั้นตุ๋มเลยจองคิวไปตรวจโควิด แต่คิวคนจองเยอะมาก เธอต้องรออีก 3 วันถึงได้ตรวจ “พอวันที่สองเริ่มเจ็บคอ แต่ยังได้กลิ่นนะ วันต่อมาเริ่มคัดจมูก เจ็บคอ ปวดเมื่อยตัว” ตุ๋มให้เพื่อนเอาข้าวมาวางให้ เธอนอนในห้องรอครบสามวัน “ไปตรวจแบบไดรฟ์ ทรูผ่านกระจก แล้วรอผลอีกหนึ่งวัน ปรากฏว่าเราเป็น” ตุ๋มบอกว่าตกใจเลย
‘เธอเป็นคนแรกของคนไทยที่นั่นที่เป็น’
สิ่งที่ตุ๋มทำคือ เธอเปิดดูยูทูบหาข้อมูล แล้วเจอว่าคนยุโรปที่เป็นก่อนคนอเมริกัน เขาบอกว่าให้กินวิตามิน ตุ๋มเลยเริ่มจัดวิตามินให้ตัวเอง “ก็หาข้อมูลตามที่เจอ เพื่อนที่เป็นพยาบาลบอกว่าให้กินวิตามินซี 2000 มิลลิกรัม กินวิตามินดี 1 เม็ด กิน Zinc ทุกวัน กินฟ้าทะลายโจร” ตุ๋มกินตามนั้น และคั้นน้ำส้มสดทุกเช้ากิน “คิดคิดแต่ว่าทำยังไงก็ได้ให้ภูมิเราแข็งแรงที่สุด” แน่นอนว่าเธอไม่ได้เข้ารับการรักษา เพราะโรงพยาบาลเต็ม จะรับก็ต้องเข้าระยะหายใจไม่ออกเท่านั้น เธอต้องรักษาตัวเองไปตามอาการ ไม่สามารถพบแพทย์ได้แม้แต่นิดเดียว
สิ่งที่ตุ๋มทำคือปรึกษาเพื่อนในไทย และให้เพื่อนปรึกษาอาจารย์หมอแบบรายวัน “อาจารย์บอกว่าให้นอนพักให้พอ แต่อย่านอนเยอะไป ให้ลุกขึ้นมาออกกำลัง สูดอากาศบริสุทธิ์ให้ปอดทำงานได้ดี ออกกำลังกายให้ระบบข้างในทำงานให้เป็นปกติ ไม่อย่างนั้นจะยิ่งอมไข้ อมเชื้อโรค อาบน้ำเช้าและเย็น กลั้วคอบ่อยๆ ทำความสะอาดห้องตลอด เปิดหน้าต่างระบายอากาศ คือให้เชื้อโรคออกไปให้มากที่สุด” ตุ๋มบอกว่าที่สำคัญคืออาจารย์หมอให้เธอกินอาหารให้เป็นปกติ เพราะจะได้กินวิตามินได้ ไม่อาเจียน
ที่ตุ๋มต้องฝืนตัวเองมากๆ คือเธอต้องห้ามอาเจียน “อาจารย์บอกว่าอย่าอาเจียนเด็ดขาด เพราะมันจะมีกรดอะไรย้อนขึ้นมา ทำให้ระบบข้างในรวนได้ ร่างกายจะอ่อนแอลง” ตุ๋มต้องกลืนอาเจียนของเธอหนักๆ และทำทุกอย่างที่อาจารย์หมอบอก “อย่างเป็นไข้ก็จะกินไทลีนอลก่อน แล้วเปลี่ยนเป็นฟ้าทะลายโจรมื้อละ 2 เม็ด ถ้าเจ็บคอก็จิบยาแก้ไอ แล้วกินน้ำขิงแทนน้ำตลอดเวลา” ที่เธออัดให้ตัวเองอีกอย่างก็คือกระชาย “ไอดูยูทูบบอกว่า กินกระชายสดจะดี ก็เลยให้เพื่อนไปหามา แล้วตอนนั้นจมูก ลิ้นไม่รับอะไรแล้ว ก็เลยเคี้ยวๆๆๆ กินไป กินพวกตะไคร้ ใบมะกรูด สมุนไพรด้วย คือเซิร์จเจออะไรช่วยบ้าง ก็กิน พวกสมุนไพรไทยจะช่วยให้หายใจโล่งขึ้น พอเรากินแล้วรู้สึกหายใจคล่อง เลยคัดจมูกไปไม่กี่วันก็หาย” ยังมีพวกลูกอมแก้เจ็บคอ ฆ่าเชื้อต่างๆ ตุ๋มก็กินหมด ผลไม้ที่สร้างภูมิ กีวี่ ส้ม แอปเปิ้ล เธอก็กิน
ตุ๋มรักษาตัวเองแบบนี้ทุกวัน จดอาการ วัดไข้ รายงานอาจารย์หมอทุกวันตลอดเวลา และยังซักเสื้อผ้าเองด้วยเดตตอล ขยะก็เก็บใส่ถุง ฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อหมด เธอไม่ให้ใครเข้ามา และเพื่อนทุกคนก่อนเข้าบ้าน ต้องถอดรองเท้า ฉีดสเปรย์หน้าบ้านเป๊ะๆ และห้ามเอาของนอกบ้าน อย่างกระเป๋าเข้าห้องนอนกัน
ผ่านไป 10 วัน ไข้ที่สูงๆ ต่ำๆ ของตุ๋มก็เริ่มคงที อุณหภูมิเริ่มกลับสู่ปกติ “ลุ้นทุกเช้าว่าเราจะดีขึ้นมั้ย แล้วพยายามไม่ให้ตัวเองหัวว่าง มันจะเครียด จนผ่านไปสิบวัน อาการลดลงมาเรื่อยๆ ไม่มีไข้แล้ว ไม่เจ็บคอ ไม่ปวดหัว เหลืออาการสุดท้ายคือกลิ่น กับลิ้นไม่รับรส จนกระทั่งในที่สุดกลิ่นและรสกลับมา ถึงรู้ว่าเราหายแล้ว” แต่ตุ๋มก็ยังให้ตัวเองอยู่ในห้องต่ออีก 14 วัน เธอไปตรวจผลอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีเชื้อแล้ว
ควันหลงหลังจากที่เธอเป็นโควิดก็คือ ทำอะไรจะเหนื่อยง่ายขึ้น เหมือนเชื้อไปกระทบปอดข้างใน ปอดทำงานได้ไม่เต็มร้อย คงต้องใช้เวลาฟื้นฟูต่อไป แล้วอเมริกาก็เริ่มมีวัคซีน ตุ๋มไปฉีดมาสองเข็มเรียบร้อย ก่อนจะเตรียมตัวกลับไทย แล้วมากักตัวต่อที่เมืองไทย และพอพ้นการกักตัว เธอจะใส่หน้ากากคุยกับคนในครอบครัวตลอดเวลา ตอนนี้เธอแข็งแรงดีแล้ว ตุ๋มบอกว่า “ตอนที่เราเป็นแล้วหาย เพื่อนคนไทยรอบตัวไม่มีใครติดจากเราเลย” ตุ๋มยึดมั่นที่สุดก็คือ “เป็นอะไรนิดให้คิดว่าเป็นโควิดไว้ก่อน แล้วแยกตัวออกมาเลย” จะทำให้เพื่อนเราไม่เป็น
คลีโอขอขอบคุณน้องตุ๋ม อัญชนา ดวงสร้อยทอง ที่ได้แชร์เรื่องราวตัวเองจากประสบการณ์โควิดครั้งนี้ของเธอ และขอให้เพื่อนๆ ทุกคนแข็งแรง ปลอดภัยที่สุดนะ