ลืมเขาไม่ได้สักที ทำไมการลืมใครมันถึงยากขนาดนี้ วันก่อนได้นั่งคุยกับเพื่อนคนนึงที่เลิกกับแฟนมาตั้งแต่ต้นปี ตอนนี้ก็จะปลายปีแล้ว แต่เธอยังเสียใจอยู่ราวกับว่าเธอเพิ่งโดนบอกเลิกมาเมื่อวาน ก่อนที่จะเลิกกัน เธอกับเขาดูช่างเข้ากันดีเหลือเกิน ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน ไปเที่ยวด้วยกัน ทำอะไรให้กันและกัน เทคแคร์กันเสมอ จนทำเพื่อนคนอื่นเหม็นความรักไปตาม ๆ กัน
เพื่อน ๆ ของพวกเขา รวมถึงตัวเราเองด้วยที่เห็นทั้งคู่รักกันดีมาตลอด และก็แอบคิดในใจว่าช่างดูเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริง ๆ เลยนะ ไม่มีใครคิดว่าเขาและเธอจะต้องเลิกกัน จนวันนึง สิ่งที่เราไม่ได้คิดเอาไว้มันก็มาถึง พวกเขาเลิกกัน ตอนนั้นเธอโทรมาหาเรา ร้องไห้หนักมาก “ทำไมต้องเป็นเราที่เสียใจด้วย ที่ผ่านมามันคืออะไร เค้าไม่รักเราแล้วหรอ” เธอร้องไห้ไปพูดไปอย่างไม่มีหยุด คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวเธอ ล้วนแต่เป็นคำถามที่หาคำตอบยังไงก็หาไม่เจอ ผ่านไปเดือนแล้วเดือนเล่า สิ่งที่เธอได้กลับมาไม่ใช่คำตอบเลย มีแค่เพียงคำว่า “ทำไม” อยู่ในใจเธอเสมอมา
จากผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยมีความสุขได้ง่าย ๆ จากสิ่งรอบตัวโดยที่ไม่ต้องพยายามอะไรมากมาย เธอใช้ชีวิตทุกวันแบบสุดเหวี่ยง ไปเจอเพื่อน ไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ รอยยิ้มของเธอก็ปรากฏออกมาโดยไม่รู้ตัว เธอเป็นคนแบบนี้เสมอ แต่พอเธอเลิกกับเขาไป ความสุขที่เคยมีก็หดหายไป กลายเป็นความสุขปลอม ๆ ที่เธอต้องสร้างมันขึ้นมาเพื่อปกปิดความเศร้าเหล่านั้น เธอพยายามทำทุกอย่างให้ตัวเองกลับมาแฮปปี้ เธอพยายามจนทุกคนเชื่อสนิทว่าเธอมูฟออนแล้ว เธอไม่เป็นอะไร แต่จริง ๆ แล้วเธอเป็น เธอเป็นมากด้วย
เป็นเวลาเกือบจะปีนึงแล้วที่เธอเลิกกับแฟนไป เวลาที่ผ่านไปค่อย ๆ ซับน้ำตาบนหน้าเธอจนแห้งสนิท แต่ใจเธอก็ยังท่วมไปด้วยน้ำตาอยู่ดี เธอยังลืมเขาไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการไหน กลับไปคุยกับเขา ลองคุยกับคนใหม่ บล็อกเขา ฟังเพลงเศร้า ให้เพื่อนปลอบ เธอทำมาทุกวิธี แต่คำถามเดิม ๆ ก็ยังวนเวียนมาในหัว ความโกรธ ความเศร้า ความคิดถึง ผลัดกันทำหน้าที่ไปมา เธอมูฟออนไม่ได้เลย เลยกลายเป็นคำถามที่เธอต้องคอยตอบคนอื่นว่า “เลิกกันมาตั้งนานแล้ว ทำไมถึงยังมูฟออนไม่ได้อีก”
“ที่จริงมันไม่ได้อยู่กับเวลาที่ผ่านไปหรอก มันอยู่ที่ความรู้สึกที่มีให้เขามากกว่า”
ลืมเขาไม่ได้สักที ยิ่งรักมากก็ยิ่งเจ็บมาก และการที่เราเสียใจสุด ๆ ตอนที่เลิกกับเขาก็แปลว่าเรารักเขามาก สิ่งที่ทำให้ยังลืมเขาไม่ได้มันไม่ได้อยู่ที่เวลาเพียงอย่างเดียวหรอก แต่ความรู้สึกและความทรงจำนี่แหละ ที่ทำเรามูฟออนไม่ได้เลย “สองสามอาทิตย์แรกเป็นอะไรที่หนักมาก เราทำอะไรต่อไม่ไหวเลย เราอยากพ้นจากความรู้สึกนี้ไปเร็ว ๆ แต่ก็ทำไม่ได้” แต่พอผ่านไปได้สองสามเดือน เวลาก็จะเป็นตัวบอกเราเองว่า “เขาจะไม่กลับมาแล้วนะ” นั่นแหละ แต่ความรู้สึกเสียใจก็ยังอยู่ แต่เวลาก็เราสามารถใช้ชีวิตได้ดีขึ้น เอนจอยกับสิ่งรอบตัวได้มากขึ้นกว่าตอนแรก ๆ
“เราต้องยอมรับความจริงให้ได้ เผชิญหน้ากับความคิดถึง แล้วค่อย ๆ ไปต่อ”
ถามว่าไปต่อไหวมั้ย มันก็ไหว แต่ก็ยังไม่ได้หายขาด คำถามที่ต้องเธอเจอจากคนรอบตัวก็คือ “ยังไม่เลิกเสียใจอยู่อีกหรอ นี่ก็นานแล้วนะ” เธอตอบให้พวกเขาไม่ได้ เธอมีแค่ความกดดัน เหมือนมีใครมาบอกว่าต้องรีบมูฟออนให้ได้ แต่อีกคำถามหนึ่งก็คือ แล้วจะรีบมูฟออนไปทำไมกัน ก็เรายังเสียใจอยู่นี่นา
กลายเป็นว่าเธอรับความกดดันจากคนรอบข้างว่าต้องรีบกลับมามีความสุขให้ได้ ต้องเลิกเสียใจ เธอได้แต่กลัวว่าคนอื่นจะมองเธอยังไง แล้วถ้ายังไม่มีความสุขล่ะ จะดูไร้ค่ามั้ย เป็นความกลัวและกดดัน เธอก็ยิ่งพยายามเร่งสปีดการมูฟออนให้เร็วยิ่งขึ้นเพื่อกลายเป็นคนมีความสุข แต่ก็ไม่มีอะไรช่วยเธอได้เลย เธอเศร้า เธอไม่แฮปปี้
และสุดท้ายเธอก็คิดได้ว่า “จะปล่อยให้จิตใจมันย่ำแย่แบบนี้ไม่ได้ สุดท้ายแล้วก็ต้องกลับมารักตัวเองบ้าง” ที่ยังเสียใจอยู่ ก็เพราะว่าเราอาจจะให้ความหวังตัวเอง และการตัดความหวังตัวเองให้ได้ดีที่สุดสำหรับเธอ คือการไม่รับรู้เรื่องของเขา เธอออกมากจากวงจรแห่งการมูฟออน สู่วงจรใหม่ที่สร้างขึ้นมาเอง recover ตัวเอง กลับมาแคร์ใจของเธอเอง ร้องไห้จนสุดแล้วก็พอแค่นั้น ผ่านมาได้ 2 วีค เธอไม่เข้าไปส่องเขา ไม่เสิร์ชชื่อเขา ไม่ดูสตอรี่เขาอีกแล้ว เธอไม่แคร์เรื่องระยะเวลาที่มันผ่านมานาน แต่เปลี่ยนเป็นแคร์ใจตัวเองที่บอบช้ำไปนานให้กลับมาสดใสอีกครั้ง
“ทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้น ความเสียใจ ความคิดถึง ความโกรธ ความเศร้า มันคือส่วนประกอบนึงในชีวิตที่ทำให้เราได้เป็นเราในทุกวันนี้ เราเรียนรู้ความรักได้จากความเสียใจของเราเอง”
มูฟออนช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อย ๆ ก็ยังได้กลับมารักตัวเองนะ 🙂
By Jiratchaya
อ่านเรื่องราวอื่น ๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO