โปรแกรมดูดไขมันหน้าท้อง ทางลัดสู่ความมั่นใจที่ไม่ต้องรอ

รูปร่างที่สมส่วนเป็นสิ่งที่หลายคนใฝ่ฝัน แต่การดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายและควบคุมอาหารอาจใช้เวลานาน และบางครั้งอาจไม่สามารถกำจัดไขมันหน้าท้องที่สะสมมานานได้อย่างเต็มที่ การดูดไขมันหน้าท้องจึงเป็นทางเลือกที่ช่วยลดปัญหาไขมันสะสมได้อย่างรวดเร็วและเห็นผลชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความมั่นใจและปรับรูปร่างให้ตรงกับเป้าหมาย

สกินแคร์ดัง “The Ordinary” เปิดที่ไทยแล้ว!! อะไรทำให้เราต้องใช้แบรนด์นี้!!

ถ้าจะหาแบรนด์สกินแคร์ที่โปร่งใส สบายที่สุดสำหรับผิวเรา แนะนำ “The Ordinary” แบรนด์ดังสร้างขึ้นจากนักธุรกิจชาวแคนาดา ฺBrandon Truaxe ในปี 2016 เป็นสกินแคร์ที่เน้นคุณภาพมาเป็นอันดับแรก ที่เราต้องได้ลอง ก็จะรู้ว่านี่คือแบรนด์ที่เหมาะกับผิวเราจริงๆ คลีโอได้คุยกับ Nicola Kilner ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหารชาวอังกฤษของ The Ordinary เธอร่วมก่อตั้งแบรนด์กับ Brandon Truaxe และมีส่วนในการขยายบริษัทจนทำให้ The Ordinary ดังไปทั่วโลก ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งประธานบริหารของ The Ordinary และวันนี้ The Ordinary ได้เข้ามาเปิดในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว คลีโอมีโอกาสได้คุยกับนิโคล่า ให้เธอเล่าเรื่อง The Ordinary เธอตอบเรามา 6 คำถามนี้ว่า… “The Ordinary ช่วยเสริมพลังให้ผู้หญิงด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เรียบง่าย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพเราตั้งเป้าหมายจะช่วยให้ผู้หญิงกำหนดแนวทางการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ได้ด้วยตัวเองในราคาที่เหมาะสมเรายังแสดงรายละเอียดส่วนประกอบต่างๆ อย่างชัดเจนและใช้สูตรที่มีพื้นฐานจากวิทยาศาสตร์ สรุปแล้วคือผู้บริโภคสามารถเลือกสิ่งต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม และมีความมั่นใจในผิวพรรณของตนได้ เรายืนหยัดที่จะเป็นผู้มอบเครื่องมือที่สร้างผลลัพธ์ ไม่ใช่เครื่องมือที่สร้างตามเทรนด์ให้กับผู้บริโภค” 2. ผู้หญิงไทยจำนวนมากมีหลายบทบาท ทั้งผู้ที่มีหน้าที่การงานไปจนถึงบทบาทผู้ดูแล […]

อยากเมคอัพสวยติดทนตลอดวัน ต้องใช้เซ็ตติ้งสเปรย์ #PRAMY เลย!!

วันนี้ขอมาป้ายยา Pramy Moisturizing Makeup Setting Spray สูตร Matte Finish ตัวนี้! เพราะหลังจากใช้ไม่ต้องวอรี่ว่าต้องเติมเมคอัพบ่อยอีกต่อไป เพียงแค่สาวๆฉีดเบาๆ เมคอัพก็จะติดทน เอาอยู่นานทั้งวันของจริง

สุดยอดกันแดดสำหรับคนผิวเซนซิทีฟ วาระผิวเริ่ดแห่งปีต้องตัวนี้เลย!

หนึ่งในไอเท็มบิวตี้ที่เราจะไม่มีทางพลาดเลยก็คือกันแดดนี่ล่ะ ต้องเลือกกันแดดที่ใช่สำหรับผิวจริงๆ เท่านั้น บอกเลยว่าตั้งแต่ใช้กันแดดมา Clear Nose UV Sun Serum SPF 50+ PA++++  หนึ่งเดียวในใจเรายืนมาตลอด 2 ปีที่ได้ใช้!




Entertainment, Music

คุยกับ Jeff Satur สู่ New Chapter ของเขาบน ‘Highway’ ที่ไม่มีความกลัวอีกต่อไป

Jeff Satur

วันก่อนเราได้คุยกับ Jeff Satur หรือ เจฟ วรกมล ซาเตอร์ เราบอกได้เลยว่าตลอดเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงที่เราได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของเขา เจฟทำให้เราประทับใจมากจริง ๆ เราเห็นความคิดบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในใจของเขา และเขาก็ถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นออกมาผ่านเพลงแรกของเขาที่ชื่อว่า Highway เพลงที่พาเขาไปสู่ New Chapter ที่มุ่งหน้าออกจากความกลัวที่มี และพาเราออกไปเป็นตัวเองในแบบที่ต้องการ

จุดเริ่มต้นของ Jeff Satur และความกลัวที่เคยมี

เจฟเล่าเราให้ฟังว่า ก่อนที่จะมาเป็น Jeff Satur ในทุกวันนี้ เขาก็เริ่มต้นจากความชอบที่เรียบง่ายนั่นแหละ ย้อนกลับไปตอนนั้นเจฟยังอยู่มัธยมปลาย ความฝันของเด็กมัธยมก็คืออยากมีวงดนตรีเท่ ๆ สักวงเป็นของตัวเอง และเจฟก็คือหนึ่งในนั้น เจฟเล่าว่าช่วงนั้นเขาอินกับเพลงร็อกมาก เลยลองตั้งวงกับเพื่อนกันสองคน แถมยังไปเรียนร้องเพลงเพิ่ม และหลังจากนั้นเขาก็เริ่มร้องเพลงมาเรื่อย ๆ

เมื่อก่อนเขาเป็นคนที่แคร์คนอื่นมากเกินไป กลัวว่าผลงานที่เขาทำออกมาจะไม่ดี ความกลัวมาพร้อมกับความคาดหวัง ทำให้เขารู้สึกแย่มากขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาไม่กล้าทำอะไรสิ่งที่ตัวเองอยากทำไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพลงหรืออะไรก็ตาม แต่บังเอิญว่าช่วงนั้นก็เป็นช่วงเดียวกันกับที่เขาได้รับโอกาสจาก Warper Project เป็นโปรเจ็กต์ที่พัฒนาคนที่มีความสามารถในด้านต่าง ๆ เจฟเลยได้มีโอกาสเริ่มลองทำ โดยเริ่มจากเป็นนายแบบ ต่อมาได้แสดงหนังสั้น เรื่อง He She It ได้โปรดิวซ์เพลงในหนังสั้นเป็นครั้งแรกในชีวิต และนี่ก็ทำให้เจฟได้คลุกคลีกับดนตรีมากขึ้นเรื่อย ๆ

ทิ้งทุกความกลัว และกล้าที่จะเป็นตัวเอง

เราเปลี่ยนไปมองว่าผลงานของเรามันสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้มากกว่า เมื่อก่อนเราจะคิดว่าเพลงเราจะต้องดัง ต้องดี จริง ๆ มันเป็นแค่เปลือก มันไม่ได้มีความหมายกับการที่เราทำงานศิลป์ ตอนนี้เราก็ไม่ค่อยแคร์คนอื่น  เราทำงานเพลงแบบนี้ เราอยากเขียนแบบนี้ เราทำเพื่อความสนุก แสดงให้เห็นว่าตัวตนเราว่าจริง ๆ แล้วเราเป็นยังไง พอคนได้เห็น มันก็มีทั้งคนที่ไม่ชอบ และคนที่ชอบ คนที่เขาชอบเรา เขาก็จะรู้สึกว่าได้แรงบันดาลใจที่อยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรที่ไม่กล้าทำ ทุกคนมีสิทธ์พูดอยู่แล้วว่าชอบหรือไม่ชอบ ซึ่งเราไม่สามารถไปควบคุมเขาได้ ถ้ามัเป็นคอมเมนต์ในเชิงสร้างสรรค์ เราก็รับฟังและปรับปรุง ส่วนคอมเมนต์แย่ ๆ ที่พิมพ์ออกมาแล้วไม่ได้ช่วยอะไร เราก็จะปล่อยเบลอทำไม่ได้ยินไปเลย 

ขึ้น Highway และเริ่ม New Chapter ไปด้วยกัน

เจฟบอกเราว่าเพลง Highway ก็เหมือนกับการเล่าเรื่องราวพาร์ทหนึ่งในชีวิตของเขาผ่านเสียงเพลง เพลงนี้พูดถึงความกล้าที่เราจะกล้าออกมาจากเซฟโซน และออกจากความกลัวความผิดหวัง ออกมาเป็นตัวเองในแบบที่เราต้องการ เจฟเปรียบเทียบการเดินออกจากคอมฟอร์ทโซนกับการขับรถขึ้นไปสู่ Highway ถ้าเราอยู่ข้างล่าง highway เราต้องมีความกล้าระดับนึงที่จะขึ้นมาข้างบน เพราะเรารู้ว่าถ้าเราขึ้นไปมันจะย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว มันคือความกล้าตรงนั้นที่เราตัดสินออกมาและไม่มองหันหลังกลับไปอีก

ส่วนเรื่องเพลง เจฟตั้งให้เล่าเรื่องให้ฟังดูง่าย แต่เนื้อหาข้างใน๋ำมีความดีพซ่อนอยู่ ซึ่งจริง ๆ มันอาจไม่ใช่แค่เรื่องความรักก็ได้ แต่ใช้ได้กับทุกเรื่อง การทำงาน ชีวิต ครอบครัว หรืออะไรก็ตามแต่ จนกลายเป็น “Highway” ที่บอกเล่าถึงความคิดและวิธีการดำเนินชีวิตบนเส้นทางที่กำหนดได้ด้วยตนเอง 

ซึ่งเพลงนี้ก็ยังได้เบน ศิรสิทธิ์ หรือ เบน จากวง LUSS รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ นำเสนอเรื่องราวของชีวิตที่ได้พบ รู้จัก ร่วมทาง และจากลา ไปบนเส้นทางเดียวกัน และการที่เลือกตัดสินใจที่จะจดจำบางสิ่งและและทิ้งบางอย่าง เพื่อก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น ถ่ายทอดผ่านดนตรีที่ไม่ยึดติดกับแนว มีทั้ง ป๊อป 80’s อาร์แอนด์บี ฮิบฮอป และอื่น ๆ อีกหลากหลายรสชาติที่ผสานกันอย่างลงตัวตามการขยับของอารมณ์และความรู้สึก ส่งผลให้การถ่ายทอดในแต่ละท่อนของบทเพลงสามารถเข้าถึงผู้ฟังได้อย่างลึกล้ำ

มุมมองความรักในแบบของเจฟ

ความรักมันไม่ได้ยากขนาดนั้น แค่คนสองคนอยู่ด้วยกัน แล้วต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเอง แต่อยู่ด้วยกันแล้วมีความ แค่นี้ก็พอแล้ว หลายคนอาจมีมุมมองความรักว่า หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับหนึ่ง เราเป็นของกันและกัน เราจะแยกกันไม่ได้ เราต้องมีชีวิตร่วมกัน แต่ถ้าเราคิดว่าเราเป็นของกันและกันมันจะมีอะไรมากมายตามมา เราเลยรู้สึกว่าหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง เราต่างมีตัวเราแยกออกจากกัน ต่างคนต่างซัพพอร์ตกันและเป็นตัวของตัวเอง มีความสุขไปด้วยกัน มันดีมาก ๆ แล้ว

3 New Chapters ในแบบของเจฟ

1. เลิกสนใจคนอื่น ไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองเรายังไง 

2. ใช้ชีวิตและมีความสุขกับปัจจุบัน  พอเราใช้ชีวิตช้าลง เราจะเห็นรายละเอียดของชีวิต และเราก็จะ appreciate สิ่งเหล่านั้นไปเอง

3. จำกัดกรอบให้ตัวเองน้อยลง เอนจอยกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องมีแบบแผนเสมอไป มันอาจจะมีอะไรที่ผิดแผนเราได้ ถ้ามันผิดพลาดเราก็ขอบคุณที่ทำให้เราได้เรียนรู้บางอย่างที่เกิดขึ้น

ก่อนจะจากกัน เจฟฝากมาบอกกับทุกคนว่า เพลงนี้เป็นเพลงที่เขาตั้งใจทำสุดความสามารถ เขาอยากให้สิ่งที่อยู่ในเพลงไปถึงคนที่ฟังจริง ๆ ไม่ใช่แค่เรื่องเพลง อยากให้สิ่งที่เราทำไปถึงคนที่กำลังรอดูอยู่จริง ๆ 

สามารถติดตามผลงานของเจฟได้ที่

YouTube: Jeff Satur

IG: jeffsatur

อ่านเรื่องราวอื่น ๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']