เข็มอัปสร สิริสุขะ หรือ เชอรี่ นางเอกที่ไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหน เพียงแต่เธอแบ่งเวลาไปสนใจข้าว จากเกษตรกรไทย ขับเคลื่อนด้วยความชอบในการกินข้าว จนสร้างแบรนด์ Sirithai ขายข้าวเกษตรอินทรีย์ และผลิตภัณฑ์จากน้ำมันรำข้าวที่ออแกนิคตั้งแต่ต้นจนถึงปลายน้ำ ที่สำคัญคือต้องสั่งจองล่วงหน้า เธอจะผลิตตามความต้องการบริโภคเท่านั้น
Sirithai เริ่มขึ้นเมื่อประมาณปีที่ผ่านมา เมื่อ Covid-19 ดูเหมือนจะค่อยๆ เบาลงช่วงหนึ่งเชอรี่มองว่ากลุ่มเกษตรกรไทยน่าจะเดือดร้อนจากการขายผลิตผล จึงอยากหาทางช่วยอะไรสักอย่าง แต่เมื่อต้องเลือกว่าจะช่วยอย่างไร ทางไหน และกลุ่มไหนดี จึงมีไอเดียปิ๊งมาจากความชอบส่วนตัว
“ส่วนตัวเป็นคนชอบทานข้าวไทยมากๆ เลยอยากจะเริ่มจากสิ่งที่ตัวเองรัก” แต่ในขณะเดียวกันอีกสิ่งที่เชอรี่มองเห็นและคลุกคลีกันมันตลอดมาก็คือ ‘ปัญหาสิ่งแวดล้อม’ “เป็นเป้าหมายหลักของเชอรี่ด้วยเหมือนกัน เวลาเราไปลงพื้นที่แล้วเราได้ทราบว่าการปลูกหรือการทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจริงๆ แล้วเป็นทางหลักในการแก้ปัญหาในการตัดไม้ทำลายป่าในประเทศได้ดีมาก เลยเริ่มมองหาชุมชนที่เขาใช้วิธีการเกษตรที่ดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย”
จากการเริ่มมองหาสู่การอยากจะเปลี่ยนแปลง
จริงๆ แล้วเชอรี่ไม่ได้เพียงแต่อยากมองหาชุมชนที่รักสิ่งแวดล้อม แต่เธออยากจะลงมือเปลี่ยนแปลงมากกว่านั้น “อยากจะสนับสนุนชุมชนที่ไม่ได้ทำด้วยวิธีการนี้ให้เปลี่ยนมาใช้วิธีการนี้ แต่ก็รู้สึกว่าคงจะต้องเตรียมตัวยาวไกลมากจะไม่ได้เริ่มสักที เลยเลือกจากชุมชนที่เขาดูแลสิ่งแวดล้อมก่อน แล้วเอามาขยายตลาดให้เขา” เธอเริ่มจากการลองทานข้าว โดยได้ เชฟโจ้-วรวุฒิ ตริยเสนวรรธน์ จากร้าน ซาหมวย & Sons ที่ช่วยส่งข้าวออแกนิคมาให้เชอรี่ชิม จาก 20 กว่าสายพันธุ์เธอก็คัดจนเหลือเพียงไม่กี่สายพันธุ์ ตามด้วยตรวจสอบวิธีการผลิตว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างที่เธอคาดหวังเอาไว้ สุดท้ายก็ได้ข้าวจากชุมชนบ้านโคกสะอาด จังหวัดสกลนคร
เชอรี่เดินทางไปตรวจสอบด้วยตัวเองเลยว่ามีการไม่ใช้สารเคมีอย่างไร ดูแลป่าไม้แบบไหน “พอเราไปในพื้นที่แล้วรู้สึกเลยว่าใช่ ที่นี่ตอบโจทย์สิ่งที่เรากำลังมองหาเลย ก็เลยสร้างแบรนด์ Sirithai โดยการรับซื้อข้าวจากชุมชนบ้านโคกสะอาด จะมีข้าวหลากหลายชนิด แล้วก็มองว่าเราอยากจะขยายไปยังชุมชนอื่นๆ แต่โควิดหลายระลอกนี้ทำให้การเดินทางของเราชะงักลง”
น้ำมันรำข้าว และความเป็นธรรมชาติที่จะช่วยเยียวยาเรา
แต่จนล่าสุดก็เกิดโปรดักส์ไลน์ใหม่ก็คือสบู่จากน้ำมันรำข้าว ก็ได้คำแนะนำจากอาจารย์วิศวะสิ่งแวดล้อม ที่จุฬาฯ ให้รู้จักกับชุมชนเลิงนกทา จ. ยโสธร ว่าเขาทำน้ำมันรำข้าว เธอก็ลงมือประชุมพูดคุยกันทางออนไลน์ เพื่อสอบถามจนได้ทดสอบน้ำมันรำข้าวนี้ด้วยตัวเอง “คุณภาพดีมาก เชอรี่อยู่บ้าน เราพยายามจะลดขยะของตัวเอง ตั้งแต่เศษอาหาร แพคเกจจิ้งต่างๆ ถ้าเราลดผลิตภัณฑ์ในชีวิตประจำวันได้ก็น่าจะดี ก็เลยลองทำสบู่ใช้เอง” นี่เลยเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เชอรี่ต้องหาวัตถุดิบที่ดีที่สุด “เราได้เจอน้ำมันรำข้าวที่สกัดมาใช้ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งส่วนใหญ่จะนำไปใช้เป็น supplyment พอเราลองนำมาทำสบู่แล้วรู้สึกเลยว่ามันดี ใช้แล้วรู้สึกดีกับผิวมากๆ”
หลังจากนั้นเชอรี่ก็เริ่มจากส่งให้คนที่สนิทหลายๆ คนรอบตัวลองใช้ “เพราะทำครั้งหนึ่งก็ได้เยอะเหมือนกัน ทุกคนก็ชอบ พอเริ้มมองเห็นความเป็นไปได้ในการสนับสนุนอีกหนึ่งชุมชนที่ทำการเกษตรแบบดูแลสิ่งแวดล้อม เราก็เลยเริ่ม Sirithai Artisan Liquid Soap ค่ะ”
“เชอรี่ยังเชื่อในเรื่องของการให้ธรรมชาติเยียวยา ใช้ทุกอย่างที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี เราจึงต้องเลือกวัตถุดิบของเราให้เป็นเกรดพรีเมี่ยมที่สุด แล้วกระบวนการที่จะทำมันก็ต้องไม่ทำลายสารอาหารที่มันดีมากอยู่แล้ว” เลยเป็นเหตุที่ทำให้เธอต้องค้นหาการผลิตสบู่ให้ออกมาปลอดภัยแม้แต่กลิ่นที่มาจากน้ำมันหอมระเหยที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุง หอมด้วย ได้ประโยชน์ด้วย
“อย่างที่บอกว่าเราใช้น้ำมันรำข้าวที่สกัดภายใน 24 ชั่วโมง เราก็ต้องหากระบวนว่าจากแหล่งผลิตมาจนถึงเราจะทำยังไงให้คงความเป็น 24 ชั่วโมงอย่างเป็นธรรมชาติด้วย รวมไปถึงการไม่ใช้ความร้อนสูงที่จะไปทำลายคุณค่าของวัตถุดิบเรา”
ทุกวันนี้หากพูดถึงคำว่าออแกนิคที่คนทั่วไปเข้าใจ อาจไม่ได้หมายถึง ‘ออแกนิค’ อย่างที่ควรจะเป็น ออแกนิคอุตสาหกรรมยังคงทำให้คนเข้าใจผิด “การทำเกษตรอุตสหากรรมยังไงก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมค่อนข้างมาก เราอยากสนับสนุน Responsible Farming เพราะมองว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นและจะช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากมนุษย์ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการสร้างผลกระทบแง่ลบต่อสิ่งแวดล้อม ถ้าเราเปลี่ยนตรงนี้ได้เชอรี่มองว่าเราจะสามารถแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ยิ่งยืนมากขึ้นได้”
เริ่มที่ตัวเราง่ายๆ เราเลือก เราใช้ เราได้มีชีวิต
“ผู้บริโภคสำคัญมากๆ ในการวางแนวทางของตลาด” ผู้ผลิตจะรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ มากแค่ไหน ผู้บริโภคต่างหากที่เป็นผู้ชักนำ “ผู้บริโภคที่ต้องการจะสนับสนุนผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือชุมชนที่ทำการเกษตรที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เชอรี่คิดว่าสำคัญมากๆ ในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่น่าเป็นห่วงมากๆ ตอนนี้” เธอขอใช้คำว่า ภาวะฉุกเฉินของโลกใบนี้อยู่ในมือของมนุษย์ทุกคน
ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของตัวเอง “ได้ทุกแง่มุมนะ ถ้าเป็นเชอรี่หลักๆ เลยคือทำยังไงให้เราสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด และสร้างประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด แค่ทานอาหารให้หมดก็ลดการสร้างขยะอาหารแล้ว”
ลดการสร้างขยะ “พวกบรรจุภัณฑ์ที่เราสามารถใช้ซ้ำใส่อะไรบางอย่างแทนได้ แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องมีการจัดการที่ดี แยกขยะอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถนำไปสู่การจัดการที่ดี” หลายคนอาจมองว่าแยกไปยังไงก็เทรวม แต่เชอรี่มองว่าเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ขยะที่มีมูลค่าจะถูกนำไปจัดการอย่างถูกต้องแน่นอน
รู้คุณค่าของทุกสิ่ง “ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะทุกวันนี้การใช้ชีวิตของเราทุกคนสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก สิ่งเราไม่สามารถเลี่ยงการใช้มีอยู่มากมาย แต่บางอย่างที่เราเลี่ยงได้ รู้คุณค่าของทุกสิ่งที่เป็นทรัพยากรใดใด จะช่วยลดความสิ้นเปลืองและลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มาก”
“อย่างข้าวเราก็จะวางขายทางออนไลน์เป็นหลักค่ะ และหน้าร้านที่สนับสนุนสินค้าเกษตรอินทรีย์บางแห่ง แต่สบู่เราทำแบบ made to order ด้วยต้นทุนที่ค่อนข้างสูง พอคนสั่งมาแล้วเราก็ผลิตให้ ด้วยความที่สบู่เราไม่มีสารเคมี ก็อยากจะให้ผู้บริโภคใช้ภายใน 3-6 เดือน หลังจากผลิต ก็จะเฟรชที่สุด ได้คุณภาพสูงที่สุด”
หลายคนอาจจะสงสัยเหมือนกับเราว่าเชอรี่เล่าถึงสิ่งแวดล้อม แต่ทำไมเลือกใช้ขวดพลาสติก ซึ่งเธอมีเหตุผลที่จะทำให้คนส่วนหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจในพลาสติกได้เข้าใจการใช้วัสดุนี้จริงๆ ว่า “เราต้องการลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง อย่างถุงพลาสติกก็จะมีความเป็นไปได้ และนำไปรีไซเคิลลำบากกว่า เลยเป็นที่มาของการใช้ขวดพลาสติกแบบที่สามารถใช้ซ้ำได้จนกว่าจะใช้ซ้ำไม่ได้อีก ก็จะนำไปรีไซเคิลทำเป็นอย่างอื่นได้ง่าย เช่นเดียวกับบรรจุภัณฑ์ของสบู่เหลวของเรา เชอรี่เลือกเป็นพลาสติกใสทั้งคู่ ฉลากแกะง่าย เพื่อนำไปรีไซเคิลได้”
เธอให้ความเข้าใจเพิ่มเติมอีกว่า เมืองไทยอาจยังไม่สามารถรีไซเคิลพลาสติกสีได้หรืออาจได้ในปริมาณที่น้อย พลาสติกใสจะง่ายกว่า “และระบบรีฟิลของเรา นำส่งกลับมาหาเราได้ ทั้งข้าวทั้งสบู่ ซึ่งก็จะได้ลดราคาเล็กน้อย แต่ก็จะเป็นการช่วยยืดอายุของบรรจุภัณฑ์ได้นานขึ้น ลดปัญหาขยะพลาสติกลงได้ ในเรื่องของความสะอาดและปลอดภัยเราทำให้อย่างดีค่ะ”
ผู้ที่สนใจสอบถามเกี่ยวกับสบู่ Sirithai Artisan Liquid Soap ได้ทาง LINE @sirithaibrand
และซื้อข้าวไทยพันธุ์ที่ดีที่ถูกคัดสรรโดย เชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ ได้ทาง shopee.co.th/sirithaibrand
อ่านเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ทาง CleoThailand หรือ FB: @CleoThailand