ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Cult, Self Love, Well-Being

อะไรที่จะทำให้คุณ Manifest ไม่สำเร็จ อธิษฐานแทบตายไม่เห็นจะได้เลย?

Manifestation

คุณกำลังรู้สึกพังๆ ไม่มีแรงบันดาลใจ เหม่อๆ ทำไมทำอะไรก็ดูไม่ราบรื่นอยู่มั้ย ลองดูเลยอาจเป็นเพราะสิ่งนี้ก็ได้นะ

เรารู้ดีอยู่แก่ใจว่าเวลาเราทำอะไรแล้วมันมี “พลังงาน” ขับเคลื่อน กับไม่มีน่ะ ต่างกันยังไง ทุกสิ่งที่เราทำ เราต้องใช้พลังงานหมด ออกกำลัง คุยกับเพื่อน ประชุม หรือแม้กระทั่งทำอาหารให้ตัวเองกิน แล้วเวลาเราหมดพลังงาน เราก็รู้ด้วยว่าเราพังๆ เนือยๆ ขนาดไหน ก็เลยต้องมีการรีชาร์จพลังงานเรื่อยๆ บางคนก็หลับไปเลย บางคนไปนั่งสูดอากาศ บางคนทำสมาธิ

พลังงานนี่ล่ะสำคัญคือมาเกี่ยวกับการ Manifest อธิษฐานกับจักรวาลเพื่อให้เราได้ชีวิตแบบที่เราฝัน แต่ก็งงเหมือนกันว่าทำไม Manifest เท่าไหร่ ไม่ได้สักที ตรงนี้ล่ะคือหัวใจ ก็เพราะว่าเราใช้พลังงานไปเต็มสูบ พลังงานเรารั่วไหลออกไป ทั้งเรื่องความคิด คน สถานการณ์ต่างๆ ที่เราเจอ ทำให้เราแทบจะไม่เหลืออินเนอร์ ไม่เหลือพลังงานให้ตั้งใจแมนิเฟสท์เลย รีบมาทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งกับเรื่องนี้ขึ้นกันดีกว่า

พลังงานรั่วไหลคืออะไร?

คุณจะรู้มั้ยว่าทุกการกระทำที่ต้องใช้ความกระตือรือร้น แล้วดันมีพลังงานรั่วไหลเกิดขึ้น ก็จะกระทบพลังงานดีๆ ของเราทันที แล้วจะไปขัดขวางคำอธิษฐานของเราได้ เมเราดิธ แวน เนส นักจิตอายุรเวทและโค้ชด้านความมั่นใจและความวิตกกังวลบอกว่า “การรั่วไหลเหล่านี้มักเกิดจากการพูดถึงตัวเองในแง่ลบ การที่เรามีปัญหาทางอารมณ์แล้วไม่ได้แก้ไข หรือเราไปทำอะไรมากเกินไปกับสิ่งที่ไม่เชื่อมโยงกับเป้าหมายที่แท้จริงของเรา” ทำให้เกิดเป็นความเครียด ความคิดลบ ความวิตกกังวล ความเหนื่อยล้า ซึ่งจะไปขัดขวางแมนิเฟสท์ของเรานี่เอง

พลังงานรั่วไหลมักมาแบบบางทีเราก็ไม่รู้ตัวนะ เจนนิเฟอร์ ลองมอร์ โค้ชด้านกรอบความคิดเรื่องความสำเร็จทางธุรกิจบอกว่า “การรั่วไหลของพลังงานอาจเกิดขึ้นได้เพียงเล็กน้อย แต่ถ้าสังเกตดู มันจะหนักขึ้นๆ ได้ อาจดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็มีผลให้พลังงานรั่วได้เลย” เจนนิเฟอร์ลองให้เราสังเกตตัวเองดูว่า เวลาเราไถ TikTok ดูไอจี บางครั้งอยู่ดีๆ เราก็ดาวน์ หรือไม่สนุกเลย หรือการดูหนัง ดูซีรีย์มากเกินไป ทำให้เราไม่ค่อยอยากลุกขึ้นมาทำอะไรที่กระตือรือร้นเท่าไหร่

พลังงานรั่วไหลยังเป็นเรื่องของสิ่งที่จับต้องไม่ได้ด้วย เช่น แค่เราคิดแค้นใครนิดเดียวก็มีผลแล้ว หรือเป็นสิ่งที่จับต้องได้ก็ได้ เช่น เห็นรูปของแฟนเก่าในไอจี หรือแค่ได้รู้ว่าต้องทำงานกับคนที่ไม่อยากทำด้วย

พลังงานรั่วไหลส่งผลกับการ Manifest ยังไง?

สั้นๆ ง่ายๆ คือ เมื่อเรามีพลังงานรั่วไหล การแมนิเฟสท์ หรือการขออะไรจากฟ้ากับสิ่งที่เราอยากได้ สิ่งนั้นจะมาช้าลงเลย เพราะการแมนิเฟสท์คือการส่งคลื่นพลังงานของเราออกไปในจักรวาล และถ้าคลื่นนั้นสั่นสะเทือน โดยมีพลังงานรั่วไหลระหว่างทาง ก็จะทำให้บิดเบือนพลังงานที่ส่งออก เหมือนเรายังสับสนในตัวเอง การแมนิเฟสท์ก็เลยเป็นผลได้ช้า เพราะเรายังมีอารมณ์ที่ฝืดๆ ที่ไม่จำเป็น และไม่มีประโยชน์อยู่ นั่นคือเรากำลังปิดกั้นการส่งกระแสความรักของเราออกไป พลังงานที่รั่วไหลจะทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้ช้าลงแน่นอน

ทำยังไงไม่ให้ “พลังงานรั่วไหล”?

“การรั่วไหลของพลังงานต้องใช้ความซื่อสัตย์และความรับผิดชอบที่รุนแรงในระดับหนึ่งเลย เราถึงจะรู้ว่าพลังงานไปรั่วที่ไหนบ้าง หลังจากนั้นเราต้องบอกตัวเองเลยว่า เราจะเลือกสิ่งที่ต่างออกไป จะไม่ยอมเข้าลูปพลังงารั่วไหลนั้น” ลองมอร์อธิบายเพิ่ม “แล้วเราก็รู้ดีด้วยนะว่ามีพลังงานรั่วไหลอยู่ที่นั่นล่ะ แต่เราแค่ไม่ยอมเปลี่ยนมัน” ถ้าอยากให้เราแมนิเฟสท์ได้ผล ลองดูวิธีเอาพลังงานรั่วไหลออกไปจากเราตามนี้เลยนะ

ฝึกการทำกระบวนการ “สะท้อนความเป็นตัวเรา” และ “ตื่นรู้ในความเป็นตัวเรา”

หรือการทำ self-reflection และ self awareness วิธีก็คือสำรวจทุกความคิด ทุกอารมณ์ ทุกการกระทำของเรา และเข้าใจว่าเราได้ใช้พลังงานออกไปยังไงบ้าง แวน เนสส์แนะนำว่าให้จดบันทึกเอาไว้ เพราะจะทำให้คุณเห็นแพทเทิร์นของตัวเองชัด ให้เรา “จูนตัวเองให้ชัดเข้าไปในโมเมนท์ต่างๆ เมื่อเรารู้สึกกังวล ติดขัด ฟุ้งซ่าน” เพราะสิ่งเหล่านี้คือการกระตุกเราเพื่อให้เราเข้าใจว่าที่มาของพลังงานเราไปรั่วที่ไหน”

ปลดปล่อยความเชื่อที่เราชอบผูกติดกับมัน

เราชอบมีความเชื่อบางอย่าง แล้วความเชื่อพวกนี้ล่ะก็ไปจำกัดการเปิดกว้างของเรา “การรั่วไหลของพลังงานมักเกิดจากการจำกัดตัวเอง ที่จะไปทำลายความมั่นใจและศักยภาพของคุณ” แวน เนสส์บอกเพิ่ม และแนะนำให้เรา “ท้าทายความเชื่อของตัวเองด้วยการตั้งคำถามว่ามันใช่มั้ย สะท้อนสิ่งที่เชื่อออกมาเยอะๆ จะเห็นจุดเริ่มของความเชื่อ ที่ก็อาจมาจากความกลัวของเรานี่เอง”

ใครที่ชอบสูบพลังเรา ต้องหนีเลยนะ

จะเพื่อน คนที่ทำงาน คนในครอบครัว ใครก็ตามที่เป็นฝ่าย take พลังงานของเราอยู่ฝ่ายเดียว เราเจอทีไรหมดแรง เหนื่อย เครียดทุกที ต้องสร้างขอบเขตเลยนะ ขีดเส้นเอาตัวเราออกมาด้วย สิ่งนี้เขาเรียกกันว่าการ Hack Spirit เราต้องมีลิมิตให้ตัวเอง ไม่ใช่ยอมโดนสูบพลังงานออกไปเรื่อยๆ อยู่ได้

ล้างจิตใจไม่ให้ยุ่งเหยิง จัดสถานที่ที่เราอยู่ให้ดีงาม

ทั้งเรื่องสิ่งรอบตัว บ้าน ห้องนอน สถานที่ที่เราอยู่ พยายามอย่าให้รกหูรกตา เห็นแล้วจะเป็นพิษกับพลังงานเราได้ รวมทั้งเรื่องในหัว อย่าต้องมาตีกันบ่อยๆ พลังงานรั่วทันที ใช้การทำสมาธิ หรือทำอะไรที่รวมจิตใจให้สงบ เป็นการล้างใจ ล้างสิ่งรอบตัวของเราให้โล่งเอาไว้

จัดเรื่องดูแลตัวเองมาเป็นสิ่งสำคัญต้นๆ ของชีวิต

เรียกว่าควรทำให้ต่อเนื่องเป็นรูทีนแบบที่ห้ามต่อรองใดๆ เลย การดูแลตัวเองหมายถึงการที่เราคอยเติมพลังงานดีๆ เข้าไป เราไม่สามารถแมนิเฟสท์ความฝันที่เราอยากได้ แล้วได้ผลดี ถ้าเราไม่ดูแลตัวเองให้ดีก่อน ใจและกายต้องดีก่อนเลย “หากิจกรรมที่สร้างบาลานซ์ให้กับใจ กาย จิตวิญญาณของเรา อาจเป็นเดินเล่นในธรรมชาติ เอนจอยบาธ อ่านหนังสือดีๆ เพราะการดูแลตัวเองแบบนี้จะมาซ่อมพลังงานที่รั่วของเราได้ดีเลย”

ทำงานกับอารมณ์ข้างในของเรา

ถ้าเราได้เช็คตัวเองดีๆ แล้ว เราจะรู้ทันเลยว่าที่เราอารมณ์ไม่ค่อยโอเค พลังงานเรารั่วไหลเสมอๆ อาจเป็นเพราะเรายังมีบาดแผลข้างในที่ยังไม่ได้เยียวยาตัวเองอย่างแท้จริงก็ได้ ลองตั้งใจเข้ารับการทรีทเรื่องนี้ ฝึกเพื่อปลอดปล่ยอารมณ์ข้างในออกมาให้ได้ จะได้มีผลที่ดีต่อพลังงานเราในระยะยาว

ฝึกทำกิจกรรมช่วยเรื่อง “mindfulness” เอาไว้

คืออะไรก็ได้ที่ทำให้ใจเรารวมศูนย์ ไม่เครื่องสั่น โยคะ ทำสมาธิ ฝึกหายใจ และทำให้เป็นระยะเวลาสม่ำเสมอติดกัน จะทั้งเสริมพลังใจข้างในให้แข็งแรงขึ้น ลดความเครียด เปิดใจเราให้กว้างขึ้นด้วย หรือทำงานอดิเรกอะไรที่ทำให้เรารื่นรมย์ อย่างวาดรูป ทำงานประดิษฐ์ ก็จะช่วยให้พลังงานลื่นไหลดีขึ้น

ทั้งหมดก็เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ให้เรา Manifest ได้เป็นผลสำเร็จเลยนะ

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ได้ที่ 8 สเต็ป Manifest ให้ได้สิ่งที่ต้องการ

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']