หนังจาก Netflix ที่แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ตีบทแตกแบบว่านักวิจารณ์ทุกคน ให้คะแนนเต็มสิบกับเขา หนังที่ชื่อเหมือนเข็มนาฬิกาเดิน จะเป็นหนัง หรือหนังมิวสิคัล แต่ทำไมเพื่อนผู้ชายเกิน 2 คนพูดเหมือนๆ กันว่า “ลองดูหนังเรื่องนี้สิ” อยากรู้ตรงนี้ล่ะว่าทำไมเขาถึงอยากให้ดู ก็เลยดู Tick, Tick…Boom! แล้วถึงกับอึ้งเลย
เป็นหนังที่ใช้เพลงเล่าเรื่องก็จริง แต่ก็เนียนไปกับบทพูดปกติ จนไม่รู้สึกติดขัดกับการมีเพลงมาแทรก และเนื้อเพลงของเรื่องนี้นั่นล่ะ คือหัวใจของเรื่องเลย เวลาดูต้องอ่านเนื้อเพลงแล้วตีความตามนะ นั่นคือความพีค หนังเป็นเรื่องจริงจากชีวิตของโจนาธาน ลาร์สัน ผู้ชายที่ไม่ยอมมอบวิญญาณให้กับสิ่งที่เขาไม่ได้รัก เขายอมเป็นพนักงานเสิร์ฟ เพื่อเขียนบทมิวสิคัล เพื่อจะได้เข้าชิงฉายในบรอดเวย์ให้ได้ เขาใช้เวลา 8 ปีต่อสู้ และอดทนกับตัวเอง จนไมเคิลเพื่อนสนิทที่มีอุดมการณ์เหมือนกัน ต้องบอกลาขอไปทำงานโฆษณาที่เงินเดือนแพงๆ ก่อนนะ
แต่โจนาธานก็ยังมุ่งทำในสิ่งที่เขาเชื่อต่อไป เนื้อเพลงในเรื่องคือเสียงในหัวของเขา เขากำลังจะอายุใกล้ 30 และคนยุค 90s อย่างเขา เป็นที่รู้กันว่าต้องสร้างงานให้ปังก่อนสามสิบให้ได้ ในหัวเขาเลยเหมือนมีนาฬิกาเดินหน้าไปตลอด โจนาธานกดดันตัวเอง ติดขัด คิดเพลงไม่ออก และเขาเอางานเป็นที่ตั้งจนแฟนสาวไม่เข้าใจ ต้องขอโบกมือลา ทุกสิ่งที่เกิดในชีวิต โจนาธานเอาเข้าไปแต่งเป็นเพลง
![Tick, tick... Boom!](https://i0.wp.com/cleothailand.com/wp-content/uploads/2022/01/7F2C6079-E125-4104-A3D6-A58618E3AC17.jpeg?resize=554%2C554&ssl=1)
และเนื้อเพลงของเขาโดนเราอย่างจังในชีวิตจริง!! อย่างเนื้อเพลงตอนที่เขาเขียนถึงซูซาน บทแฟนสาวของเขา มันซื่อตรงจากใจมาก ดูแล้วจะเหมือนโจได้บอกสิ่งที่เราคิดด้วยเหมือนกัน เขาบอกว่า
“เธอบอกว่าเราไม่คุยกันใช่ไหม? ฉันรู้สึกไม่ดี ที่เธอรู้สึกไม่ดี มันเป็นเรื่องที่ฉันรู้สึกไม่ดี ที่เธอรู้สึกไม่ดี เกี่ยวกับสิ่งที่ฉันพูด เกี่ยวกับสิ่งที่เธอพูด เกี่ยวกับฉันไม่สามารถบอกความรู้สึกตัวเองออกมาได้”
กับเพลงสุดท้ายของเรื่อง “Louder than words” โจเขียนไว้โดนคนทำงานที่กำลังรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในกรงมาก เป็นเพลงที่เขาเขียนมาในรูปคำถามต่างๆ บอกเลยว่าเพลงนี้ถ้าใครกำลังค้นหาตัวเอง สงสัยในสิ่งทีตัวเองทำอยู่ ต้องอึ้ง ประโยคอย่าง “กรง หรือปีก เราชอบอะไรมากกว่า ให้ถามนกดู” หรือ “กลัว หรือ รัก ไม่ต้องตอบนะ การกระทำพูดได้ดังกว่าคำพูด” และสำหรับคนทำงานที่ต้องทำตามคำสั่ง ถ้าเจอกับประโยคนี้ “ทำไมเราต้องพยายามทำให้ดีที่สุด เมื่อเราก็สามารถผ่านไปได้อีกครั้งอยู่ดี ทำไมเราต้องคอยผงกหัว ทั้งๆ ที่เรารู้ว่า หัวหน้าก็พลาดได้เหมือนกับสายฝน” และเขาจบเพลงด้วยประโยคว่า “การกระทำพูดได้ดังกว่าคำพูด”
![](https://i0.wp.com/cleothailand.com/wp-content/uploads/2022/01/AEB818E8-435D-4D0C-B4FE-CACC9D32011C.jpeg?resize=701%2C438&ssl=1)
ยังมีเรื่องของเพื่อนรักที่ป่วยเป็นเอดส์ แฟนที่ทิ้งเขาไป ทำให้โจนาธานยิ่งรู้สึกว่าชีวิตช่างสั้นนัก เขาเลยเลือกที่จะเอาให้สุดกับสิ่งที่ตัวเองมี และค้นหาความออริจินัล โจนาธานแต่งเพลง เขียนเพลงทุกอย่างมาจากในหัวเขา มาจากชีวิตจริงที่เขาสงสัย และรู้ดี
ในเรื่อง Tick, Tick…Boom! เขาแต่งมิวสิคัลชื่อซูเปอร์เบีย เรื่องนี้ไม่ได้เข้าฉายในบรอดเวย์เหมือนที่เขาหวัง แต่เขาก็ยังคงแต่งเรื่องต่อๆ ไป จนเรื่อง Rent ของเขาได้รับการฉายในบรอดเวย์นานถึง 12 ปี และเป็นเรื่องที่ปฏิวัติวงการบรอดเวย์อย่างที่เขาพูดไปเลยว่า “ฉันคืออนาคตของมิวสิคัล” แต่โจนาธานเสียชีวิตหนึ่งวันก่อนรอบฉายแรกของ Rent
นอกจากการแสดงที่คลั่งที่สุดของแอนดรูว์ การ์ฟีลด์แล้ว เสียงร้องของวาเนสซ่า ฮันเจนส์ยังสวยงามเหลือเกิน การตัดต่อสลับไปมาของเรื่องไม่ติดขัดเลย ความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทที่เขาจริงใจก็ยิ่งทำให้เรื่องลึกซึ้ง และมีความหมาย เรื่องนี้ดูเถอะ ทำให้เราคิดอะไรกับตัวเอง และถ้าใครมีฝันอะไร ก็คงอยากรีบลุกขึ้นมาสู้แบบโจนาธาน ลาร์สัน เขาคืออัจฉริยะได้ ก็เพราะเขาไม่เลิกล้ม ไม่ว่าชีวิตจะต้องยากลำบากแค่ไหนก็ตาม
เรื่องนี้ดูแล้วได้ความหวัง กำลังใจ และมีแรงฮึดก้าวต่อไปเต็มๆ เลย
Tick, Tick… Boom!
รับชมได้ทาง Netflix
ผู้กำกับ: ลิน มานูเอล มิแรนดา
นักแสดง: แอนดูรว์ การ์ฟิลด์, โรบิน เดอ เคซุส, อเล็กซานดร้า ชิป