เดี๋ยว! ก็เข้าใจนะว่าหยุดยาวมันทำให้เราเคยตัวหน่อยๆ กับการได้นอนตื่นสาย ได้ไม่ต้องทำอะไรนอกจากปาร์ตี้ กินของอร่อย หรือได้เที่ยวไกลๆ ไม่กี่ครั้งในปีที่ผ่านมา และสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้เราได้ค้นพบว่าความเครียดที่น่าจะมาจากงานหนักตลอดทั้งปีมันหายวับไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่แค่คิดว่าจะต้องกลับมาลุยงานต่อในปีนี้ น้ำตาก็คลอขึ้นมาแล้วสินะ
อย่าเพิ่งเครียดกับอะไรที่ยังไม่เกิด ทำใจให้สงบเอาไว้ก่อน ถ้าปีที่แล้วไม่ได้ยื่นใบลาออก แน่นอนแหละว่าเราต้องกลับมาเจอหน้าเพื่อนร่วมงานคนเดิม เจ้านายคนเดิม งานที่ก็คงจะเหมือนเดิม และปัญหาที่จะท้าทายกว่าเก่า เตรียมพร้อมหัวใจกับสเต็ปที่เราไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นได้เหมือนกันคือ หลังพักหนักๆ ช่วงหยุดยาว เรายังต้องมา ฟื้นฟูจิตใจ อีกด้วยหรอเนี่ย ใช่ค่ะ! ไปค่ะ! ไม่พร้อมก็ต้องพร้อมแล้ว
กลับสู่รูทีนของเรา
หรือไม่ก็สร้างรูทีนใหม่ที่เคยฝันเอาไว้ว่าจะทำซะเลย ตื่นให้เช้า กินข้าว เผื่อเวลาเตรียมตัวและเข้างานให้ตรงเวลา แม้ว่าเราจะเซ็งแค่ไหนก็ตามที่จะต้องกลับมาทำงานอีกแล้ว คนส่วนใหญ่ก็รู้สึกเหมือนกัน ไม่ใช่จะให้มองข้ามความรู้สึกนี้ แค่จะบอกว่าไม่ได้แปลกอะไร เริ่มง่ายๆ คือนอนให้เร็ว ตื่นจะง่าย สร้างบรรยากาศการนอนสำหรับนอนจริงๆ วางโทรศัพท์และไอแพดเอาไว้ ปิดไฟ ข่มตา
พักมามากแค่ไหนในช่วงหยุดยาวก็ไม่ได้ช่วยชดเชยอะไร นอนเยอะแค่ไหนก็เหมือนชาร์จแบต ถ้าเต็มแล้วเราก็ไม่ได้ชาร์จเผื่อเป็น 200% เพื่อใช้ให้นานขึ้นได้อยู่ดี ถ้าทำได้นอนเร็วขึ้นกว่าปกติสัก 30-60 นาที แค่นี้พลังงานช่วงเช้าก็เหลือเฟือ
ออกกำลังกาย
ไม่ว่าเราจะมองออกกำลังกายเป็นมุมไหนก็ลงมือซะตั้งแต่ตอนนี้ เชื่อว่าโรคระบาดที่ยังไม่ผ่านไปนี้ทำให้หลายคนคิดถึงสุขภาพของตัวเองและคนใกล้ตัวมากขึ้น ร่างกายที่แข็งแรงน่ะยังไงก็ดีกว่า เราไม่ต้องผอมก็ได้ แต่ควรแข็งแรง และออกกำลังกายไม่ได้หมายถึงวิ่ง ว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬาอย่างเดียว ถ้าจัดการเวลาไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยก็ขอให้ได้ขยับตัวบ้าง ทำงานบ้าน เดินไปเดินมา เดินช้อปปิ้งก็ยังดี!
แต่ถ้าทำได้นะ แบ่งเวลาสำหรับออกกำลังกายอย่างน้อยในแต่ละวันให้สม่ำเสมอ ไม่ต้องหักโหม ไม่ต้องเอาเป็นเอาตาย นอกจากสุขภาพกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยคลายความเครียดได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะ ที่สำคัญความเหนื่อยของกิจกรรมนี้ช่วยในเรื่องของการนอนหลับได้ดีสุดๆ
ลดน้ำตาล
เป็นสิ่งที่เราปฏิเสธมาแสนนานจนถึงวันหนึ่ง เอ้า! ลองดู อาจเป็นเพราะช่วงคริสต์มาสและปีใหม่อัดน้ำตาลแน่นจนมันล้นในร่างกายระยะหนึ่ง เรากินของหวานทุกมื้อได้ยังไงนะ ขอกลับมาทำความสะอาดความหวานในเลือดสักพัก ถ้าลดในอาหารไม่ได้ ลดในขนมและน้ำหวานก็ยังดีแฮะ ถึงแม้ไม่ได้ 100% เราก็ยังมองว่าเป็นความตั้งใจที่ดีที่จะทำให้ตัวเองได้
อีกทางหนึ่งการทำอาหารเองช่วยได้เยอะมาก เพราะเราจะรู้ว่าใส่อะไรลงไปในอาหารของตัวเอง ความเค็มแค่ไหน ความหวาน แค่ไหน บางมื้อกินจืดๆ บ้างก็สบายท้องดีเหมือนกัน และแค่ลดน้ำตาลวันแรกรู้สึกดีขึ้นมาเลย อย่างน้อยก็ภูมิใจอ่ะ อีกผลประโยชน์ที่มีคนเคยลองมาแล้วเล่าให้ฟังคือ ผิวสวย คอลลาเจนไม่ถูกทำลายไปง่ายๆ อีกด้วยล่ะ
เว้นหนึ่งวันระหว่างเที่ยวหนักๆ กับการกลับออฟฟิศ
จริงๆ นี่เป็นทริคที่ใช้ได้ตลอดปีเลยนะ คือถ้าฮอลิเดย์ของเราคือการไปเที่ยวสนุกสนานเฮฮาต่างประเทศหรือต่างจังหวัด เผื่อหนึ่งวันหลังกลับมาพักผ่อนอยู่บ้านก็จะดีกับสภาพจิตใจ เพราะบางทีการท่องเที่ยวมันเหนื่อยไม่แพ้ทำงานเลย แค่สนุกคนละแบบ พอได้พักหนึ่งวันมันเป็นเหมือนเสาร์อาทิตย์ที่รวมกันสั้นๆ ปรับอารมณ์สักหน่อย
ซักผ้า ทำความสะอาดบ้าน นอนให้เต็มอิ่ม ไม่ต้องทำอาหารกินเองก็ได้ สั่งอะไรที่อยากกินมากิน ถ้าจะให้ดีไม่ต้องช่วยเพื่อนมาแล้วนะ อยู่คนเดียวหรืออยู่กับคนที่บ้าน ทำทุกอย่างให้เป็นวันปกติ เพื่อลดความเครียดต่างๆ ก่อนจะกลับไปทำงาน
มองมุมใหม่ให้จิตใจฟูฟ่อง
มันคงจะดีถ้าพอเราได้ห่างจากงานมาสักพัก ถึงจะไม่นานมาก แต่แรงบันดาลใจจากการไปเจออะไรใหม่ๆ ที่ต่างออกไปจะทำให้เรามองงานเปลี่ยนไป อะไรที่เคยทำให้เครียด กลัว กังวล หรือน่าเบื่อ แต่เราปรับที่ตัวเองได้ ไม่กลัวอีกต่อไปแล้วถ้าลูกค้าจะคอมเมนต์งาน ใช่สิ มันเป็นหน้าที่ของเขาที่จะติเพื่อได้งานที่ดีที่สุด เราก็เทความครีเอทีฟลงไปเลย ชอบไหม ค่อยว่ากัน
หรือถ้าพบว่าเราไม่เหมาะกับงานนี้ตรงไหน ลองเข้าไปคุยกับหัวหน้าดูว่ามีอะไรที่จะแก้ไขได้บ้าง ลองทำอย่างอื่นไหม พก solutions ไปให้เขาด้วย คุยกันให้เคลียร์ อย่าคิดเองเออเองหงุดหงิดไปเอง ถ้าอยากจะโกรธให้โกรธหลังจากที่คุยแล้วและเขาไม่รับฟัง พร้อมมองหางานใหม่เอาไว้ได้เลย…เพื่อตัวเราเอง
มีเวลาพักระหว่างวัน
คนนะไม่ใช่หุ่นยนต์ ที่จะเปิดสวิตช์แล้วตั้งหน้าตั้งตาทำงานตลอดเวลางาน เข้างานหรือเลิกงานตรงเวลาก็จริง มีเวลาพักระหว่างวันให้ตัวเองบ้าง ไม่ใช่เพื่ออู้งาน แต่เพื่อไม่ให้เราเบิร์นเอาท์จนเกินไป โดยเฉพาะคนที่เป็นฟรีแลนซ์หรือคนที่ทำงานล่วงเวลาบ่อยๆ อย่ารู้สึกผิดที่จะทำเพื่อตัวเองบ้าง เราไม่ต้องเก็บการพักไปใช้แค่ช่วงเวลาพักร้อนหรอกนะ
บางคนพักดื่มกาแฟ 15 นาที คุยเม้ามอยกับเพื่อร่วมงานเรื่องไร้สาระ แล้วคิดงานออกเฉย! (ช่างเป็นคนที่น่าอิจฉา) แต่เราก็เชื่อนะว่า การไม่กดดันตัวเองมากเกินไปน่ะมันดีทั้งกับสภาพใจของเราและสภาพงานที่ทำออกมา ยังไงขึ้นชื่อว่างานมันเป็นอะไรที่ต้องทำจริงทำจังอยู่แล้ว แต่ตั้งใจเกินไปหลายครั้งไม่ค่อยได้ดั่งใจหรอก ต้องมีเปอร์เซ็นต์ของการเป็นสนามเด็กเล่นเอาไว้ด้วยหน่อยๆ ให้เราไม่ติดอยู่ในโลกแคบๆ ไปตลอด
เริ่มต้นปีด้วยการหมดไฟน่ะ เป็นอะไรที่จะทำให้หดหู่ได้ง่ายมากๆ เราจะเซ็ตความคิดตัวเองไปแล้วว่าไม่ไหวหรอก ทำไม่ได้หรอก อย่าปล่อยให้เป็นอย่างนั้น รีเซ็ตตอนที่ยังทำได้ซะเถอะ เพื่อพยุงตัวเองให้ไปสู่ฮอลิเดย์ใหม่ๆ ถึงจุดหนึ่งชีวิตก็จะต้องเจอสถานการณ์ยากๆ อีกแน่นอน แต่ถ้ามีวิธีที่จะตั้งหลักใหม่ได้ทุกครั้งละก็เรา ฟื้นฟูจิตใจ ตัวเองด้วยตัวเองได้เสมอ เชื่ออย่างนั้นเอาไว้ก่อนเถอะนะ
อ่านเรื่องราวอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ทาง CleoThailand หรือ FB: @CleoThailand