ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Entertainment, Movies

The Worst Person in The World หนังนอร์เวย์เล่าเรื่องผู้หญิงวัย 20’s ได้ดี และโดนมากที่สุด!



ไม่เคยดูหนังอะไรที่เล่าเรื่องผู้หญิงวัย 20’s ได้จังงังขนาดนี้ The Worst Person in the World หนังนอร์เวย์ที่จั่วหัวว่าเป็นรอมคอมสายดาร์ค และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์หนังต่างประเทศยอดเยี่ยม กับได้รับรางวัลดาราหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลคานส์ 2021 ที่ผ่านมา บวกกับภาพเปิดหนังรูปผู้หญิงคนหนึ่งยิ้มร่า ก็ทำให้เราต้องรีบเข้าโรงไปดูทันที

ไม่ได้หาข้อมูลของหนังใดๆ มาก่อน รู้แค่ว่าเป็นหนังนอร์เวย์รอมคอม ปรากฏว่า The Worst Person in the World อื้อหือออมากๆๆๆๆ ตั้งแต่ซีนแรกยันซีนจบ นี่คือหนังสำหรับผู้หญิงจริงๆ และผู้หญิงวัย 20’s หลายๆ คนดูแล้วน่าจะโดนหนัก กับผู้หญิงที่ผ่านวัยนั้นมาแล้ว ถ้ามองย้อนกลับไปที่ตัวเองวัยนั้นก็จะโดนมากเหมือนกัน

หนังเป็นเรื่องของจูลี่ สาววัยกำลังจะเข้า 30 ที่สวยสดใสสุดๆ กับ 4 ปีที่เธอถามตัวเอง ตอบตัวเองซ้ำๆๆๆ ทั้งเรื่องความรัก และอาชีพของเธอ จูลี่ก็เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่อยากมีอาชีพที่เธอหลงใหล และอยากมีคนรักที่เธอรักและเข้ากันได้ดี แต่ด้วยความที่เธอยังไม่รู้ว่าตัวตนของเธอคืออะไร คำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวของเธอตลอด ทำให้จูลี่ค่อนข้างเลือกคนรักไปตามอารมณ์ของเธอ และสิ่งที่เธอคิดว่าใช่ในเวลานั้น

หนังเปิดฉากด้วยจูลี่เป็นช่างภาพ เธอถ่ายภาพนายแบบจนมีความสัมพันธ์กัน ดูแล้วก็รู้สึกว่าไม่แปลกนะ วัยนั้นอารมณ์มาเหนือสิ่งอื่นใด และพอจูลี่ไปเจอกับผู้ชายอีกคนที่เป็นนักวาดการ์ตูนดัง เธอก็ปลื้มเขาทันที เพราะเขาดัง ทั้งๆ ที่ไม่เคยอ่านการ์ตูนเขาจริงจังเลยด้วยซ้ำ จนเกิดเป็นความสัมพันธ์กัน ตอนนี้ล่ะที่เริ่มเข้มข้น เมื่อเขาที่อายุ 45 แล้วบอกจู่ลี่หลังจากคบกันมาเล็กน้อยว่า “ผมว่าเราอย่าคบกันเลย ผมรู้ว่าผู้หญิงแบบคุณน่ะ ผมจะต้องหลงรักมาก และจะต้องเจ็บปวด เพราะคุณเด็กกว่าผมมาก คุณยังอยู่ในวัยที่ต้องค้นหาตัวตนของคุณ”

คนที่ผ่านโลกมาจนตอนนี้อายุสี่สิบกว่าแบบแอกเซล พระเอกในเรื่อง ก็จะพยักหน้าเข้าใจมากๆๆๆ ทันที ใช่ๆๆๆ วัยนั้นน่ะ มีความรัก มีแฟน ไม่ได้อยากจะลงหลักปักฐาน เพราะโจทย์ใหญ่คืออาชีพที่ใช่ การยอมรับในตัวเองที่จะสร้างความมั่นคงในใจให้มากกว่า

แต่จูลี่ไม่เข้าใจสิ่งที่แอกเซลพูดหรอก แน่นอนทันทีที่เธอเหมือนต้องเดินจากเขาไป เธอก็รู้สึกว่าเธอรักผู้ชายคนนี้ จูลี่กลับไปคบกับเขา และทั้งสองก็ดูเหมือนจะมีความสุขดีนะ หนังทำเป็นบทต่างๆ ต่อๆ กัน พาดหัวชื่อแต่ละบทแบบง่ายๆ อย่าง “เมื่อมีคนอื่นเข้ามา” “นอกใจ” อะไรแบบนี้ ก็เลยทำให้เราเข้าไปอยู่ในชีวิตของจูลี่แบบเหมือนเดินทางไปกับเธอตามเฟสชีวิตของเธอเลย

จูลี่รักในความคูลของแอกเซลก็จริง แต่ก็มีบางครั้งที่เธอรู้สึกว่าเข้ากับสังคมเขาไม่ได้ เธอไม่อินกับเพื่อนของเขา ไม่อินกับเวลาต้องอยู่ท่ามกลางเขาถกกับเพื่อนๆ เรื่องฉลาดๆ ที่เธอดูเป็นติ่ง หนังกำลังจะทำให้เราเห็นว่าอะไรทำให้จูลี่เริ่มสงสัยในตัวเอง และนอกใจแอกเซล หนังทำได้เนียนและเรียลมาก ฉากที่แอกเซลแสดงงานเปิดตัวหนังสือวาดภาพของเขา แอกเซลคือคนดัง คือดาวเด่นที่ใครๆ ก็อยากมาได้ลายเซ็น ต่างกับจูลี่ที่เธอยืนอยู่คนเดียวในงาน เธอไม่ได้เป็นใครทั้งนั้น และเธอเองก็ยังไม่มีความสามารถอะไรชัดแบบเขา

การค้นหาตัวตนสำคัญสำหรับสาววัย 20’s แบบเธอ

ตอนนี้ล่ะดูแล้วชอบมากๆๆๆ ในความเป็นผู้หญิงมันจะมีน้อยใจลึกๆ กับตัวเองนะ ว่าเราล่ะ? เรายังทำอะไรไม่ดีเลย? จูลี่เดินออกจากงานไปเรื่อยๆ และผ่านปาร์ตี้แห่งหนึ่งที่ดูน่าสนุก วัยสาวของเธอเร้าๆ ให้เข้าไปเถอะ จูลี่ก็เข้าไปในงาน กินไวน์ และเต้นรำ ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้จักใคร จนเธอได้เจอกับเขา ไอวิน หนุ่มอีกคนที่อยู่ในงาน ทั้งสองต่างมีคนรักแล้ว และพยายามรักษาระยะ หนังทำได้ดีมากๆๆๆ เป็นการปิ๋งกันแบบเผยตัวตนสุดๆ ฉากที่ทั้งคู่นั่งบนเตียง ยั่วยวนกันสุดขีด แต่ไม่มีอะไรกัน และฉากที่เข้าห้องน้ำไปด้วยกัน ฉากนี้อย่างเกรียนเลย แต่ก็ไม่มีอะไรกันอีก

จบที่ฉากทั้งคู่แยกย้ายกันในตอนเช้า ตัดสินใจไม่แลกเบอร์ แล้วเดินแยกกันไปคนละทาง เป็นฉากง่ายๆ แต่เรียลมากๆ มันเหมือนกับว่าจูลี่ได้ปลดปล่อยความเป็นตัวเองของเธอไปกับผู้ชายอีกคน เธอสนุก ได้อยู่ในอารมณ์เฟลิต และลืมคำถามในหัวของตัวเองไป

แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้จูลี่เริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับแอกเซล จนหาเรื่องมาเลิกกับเขาต่างๆ นานา คนดูอาจรู้สึกว่าจูลี่เป็นอะไร อยู่ดีๆ ทำไมติสท์ไปเลิกกับเขา แต่นั่นคือคำถามของผู้หญิงวัยนั้นที่มาจากการค้นหาตัวเองนี่ล่ะ แล้วหาข้ออ้างในความสัมพันธ์ โทษโน่นนี่ไป แต่ความจริงไปเจออีกคนที่ไม่เหมือนคนรัก แล้วสั่นคลอนมากกว่า แอกเซิลมาเหนือชั้นกว่า ประสบการณ์ของเขาทำให้เขาถามเธอว่า “คุณมีใครหรือเปล่า?” ทันที แต่จูลี่ปฎิเสธแล้วอ้างเรื่องเขา ว่าเขาทำให้เธอรู้สึกด้อยค่า เธอต้องคอยตามความเป็นเขา เขาดูถือไพ่เหนือกว่า บลาๆๆๆๆ จนแอกเซลบอกว่า

ถึงจะเข้ากันได้ดีแค่ไหน แต่ถ้าเธอสับสน เธอก็จะไป

“คุณจะไปก็ได้นะ แต่ผมบอกเลยว่า การคุยกันแบบเราสองคนแบบนี้ บทสนทนาแบบนี้ วิธีที่เราคุยกันแบบนี้ มันจะไม่มีอีกแล้วในชีวิตคุณ”

เขารู้ว่ามันพิเศษ มีความหมาย และมันคือโมเมนท์ทองของชีวิต แต่เธอยังค้นหาตัวเอง อยากสำรวจตัวเองอยู่ เธอรู้ว่ามันพิเศษ แต่เธออาจจะไม่ได้เข้าใจได้แบบเขา

ฉากนี้ทำให้เราต้องย้อนมองคนที่เคยผ่านมาในชีวิตเลยว่า เราเคยคบใครที่รู้สึกพิเศษในเวลานั้น แล้วมันผ่านมา แล้วก็ไม่เคยมีอีกเลยมั้ย แน่นอนว่ามี และตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดเหมือนวันนี้หรอก เราคิดว่ามันพิเศษ แต่ฉันก็น่าจะมีอะไรพิเศษอย่างนี้ได้อีก บางครั้งประโยคที่ว่า “รู้เมื่อสาย” มันเป็นแบบนี้จริงๆ

ฉากจบของเรื่องนี้ก็เหมือนตอบทุกสิ่งที่จูลี่สงสัยเกี่ยวกับตัวเอง เอาจริงๆ แล้วสิ่งที่ทำลายล้างเธอที่สุดก็คือ ความเป็นตัวตน อาชีพ แพชชั่นของเธอจริงๆ เหมือนกับว่าถ้าเรายังไม่พอใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ เราก็มักจะให้ความรักมาเป็นฟูก หรือเหวี่ยงไปที่คนรัก The Worst Person in the World บอกอะไรเราเยอะมาก ถ้าดูแล้วเข้าไปอยู่เป็นจูลี่ สวมตัวเองเข้าไปในหัวใจ ในสมองเธอ หนังเรื่องนี้มีคำตอบให้เราเลยนะ ดูแล้วรู้สึกอยากลดอีโก้บางอย่างของตัวเอง และอยากเพิ่มพลังแพชชั่นของตัวเอง และก็ก่อนรักใครอยากรักตัวเอง และเข้าใจตัวเองให้ดีก่อนจริงๆ

“ผมแน่ใจว่าผมจำสิ่งต่างๆ เกี่ยวกับคุณ ที่คุณอาจลืมไปแล้ว”

จังหวะทางเดินชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง อาจต้องผ่านอะไรมา ลองผิด ลองถูก เสียใจ เสียดาย สับสน แต่ในที่สุดทุกอย่างก็จะตบๆ เราให้เข้าแทร็ค แล้วเดินต่อไปได้ด้วยขาของเราเอง จูลี่มาบอกเราไว้อย่างนั้นนะ

การแสดงของนางเอก Renate Reinsve เหนือชั้นมาก เธอเปล่งประกาย และเป็นธรรมชาติที่สุดแล้ว พระเอก Anders Danielsen Lie ก็คูลจริง เขาเป็นทั้งนักแสดงและเป็นหมอในชีวิตจริงด้วยนะ ถ้ายังเข้าในโรง ไปดูเถอะเรื่องนี้ ชะงักงันในความรู้สึกไปหลายวันเลย ผู้กำกับเรื่องนี้คือ Joachim Trier เขาค้นพบ Renate Reinsve ว่าเธอเป็นนักแสดงที่เจิดจรัสที่สุด เขาจึงสร้างเรื่องนี้มาเพื่อซัพพอร์ตความเป็นเธอ คาแร็คเตอร์จูลี่มีความเป็น Reinsve มาก และนี่คือหนังเรื่องแรกที่เธอเล่นเป็นดารานำ หลังจากที่แสดงมาหลายปี แต่เธอบอกว่า “ไม่มีใครมองเห็นฉันเลย”

อ่านเรื่องหนังรอมคอมเรื่องอื่นๆ ได้ที่ CLEO THAILAND

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']