ประทับใจมากกับเมนูอาหารในคาเฟ่ลับ บอกเลยว่าสายกินจะต้องอึ้งว่า มี เมนูออร์แกนิค แบบนี้ด้วยหรือ?? ร้านคาเฟ่ Jardin ของโรงแรม Sivatel ตรงแถวถนนวิทยุ ร้านที่ภายนอกจะไม่มีวันรู้เลยว่า ความอลังของการกินที่แท้จริงเป็นยังไง เมนูของที่นี่ทั้งออร์แกนิค คลีน ครีเอทีฟ อร่อย แต่ละจานชวนกรี๊ดทุกจาน ถ้าอยากลองอะไรใหม่ๆ และเข้าใจคำว่า “ชีวิตออร์แกนิคที่ยั่งยืน” อย่างแท้จริง ต้องมาที่นี่เลยนะ
เจ้าของโรงแรมศิวาเทล หนิง-อลิสรา ศิวยาธร คือหัวใจของทุกสิ่งที่นี่ หนิงเป็นเจ้าของโรงแรมที่อบอุ่น เฟรนด์ลี่ที่สุดที่เราเคยเจอมา เธอรักทุกสิ่งที่เธอสร้าง รักชุมชน รักเกษตรกร และรักคนมากินอาหาร มาใช้บริการของศิวาเทลมาก ทุกเมนูที่หนิงครีเอทขึ้นมา หนิงเลยคิดมาครบทุกด้าน เนื้อสัตว์ต้องเลี้ยงแบบสัตว์อารมณ์ดี ผักต่างๆ ต้องเป็นเกษตรอินทรีย์ ไม่มีสารเคมีใดๆ หนิงจะค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดไปเรื่อยๆ และเธอยังเป็นมากกว่านั้นนะ ถ้าเกษตรกรมีผลผลิตเหลือ หนิงจะไปเหมา แล้วยังไม่รู้หรอกนะว่าจะเอามาทำอะไร เดี๋ยวเธอกับเชฟค่อยมาครีเอทเอง ปลูกด้วยใจ ก็ต้องจัดกันด้วยใจ!
10 เมนูที่เราไปชิมมาแล้วอยากเล่าต่อ…
1. Jardin Foam Coffee: พิเศษคือกาแฟออร์แกนิค ปลูกเนียนๆ ไปกับป่า
บอกเลยว่าที่คาเฟ่จาร์แดงมีกาแฟชนิดเดียว เบลนด์เดียวเท่านั้นคือ กาแฟออร์แกนิค หนิงบอกว่าไม่ได้อยากเชี่ยวเรื่องกาแฟ ถ้าจะมีขอมีแบบออร์แกนิคแบบนี้อย่างเดียวเลย แล้วที่ต้องเป็นกาแฟออร์แกนิคก็เพราะเป็นกาแฟที่ปลูกแซมไปกับป่า ไม่ได้ปลูกแยก ก็เลยไม่ต้องตัดต้นไม้ ไม่ต้องไปหาน้ำมารด กาแฟออร์แกนิคทำยาก ได้ผลผลิตไม่มากแบบปลูกกาแฟแบบอื่น แต่จะยั่งยืนและรสชาติอร่อยมาก
ลองดื่มดูแลอึ้ง คือนุ่มมากๆ จริงๆ แล้วของคาเฟ่จาร์แดง เขาเอากาแฟมาผสมกับน้ำตาลมะพร้าวเพียรหยดตาล ที่มาจากสวนมะพร้าวออร์แกนิคแท้ๆ เป็นภูมิปัญญาในการทำน้ำตาลมะพร้าวแบบดั้งเดิม พอเอามาเชคกับกาแฟออร์แกนิค ก็เลยได้กาแฟมีโฟมนุ่มๆ ขึ้นมา กินแล้วสดชื่นที่สุด
2. บะหมี่ไข่ออร์แกนิคเส้นสดหมูคุโรบุตะอารมณ์ดี: พิเศษคือหมูที่ทำเป็นหมูหลุม หมูที่เลี้ยงธรรมชาติ และอารมณ์ดีที่สุด
ต้องเล่าเลยเรื่อง “เนื้อหมู” ของโรงแรมศิวาเทล เพราะที่นี่ไม่ใช้เนื้อหมูที่เลี้ยงแบบธรรมดา แต่ใช้หมูจากหมูหลุม หนิงเล่าเรื่องนี้ให้ฟังว่า “หมูหลุมคือการเลี้ยงหมูวิถีดั้งเดิมที่เกษตรกรไทยเลี้ยงมาแต่โบราณ หนิงซื้อหมูมาจากฟาร์มหมูอารมณ์ดีที่ราชบุรีของพี่สุพจน์ เขาเป็นสัตวบาล และต้องอยู่กับแผนกที่ต้องฉีดยาเข้าคอหมู เขาสัมผัสกับสารเคมีจนไม่สบาย ก็เลยรู้สึกว่านี่คือส่วนหนึ่งของอาหารที่คนไทยกินนี่นา เลยอยากไปค้นหาการเลี้ยงหมูแบบอื่นดู ก็เลยไปเจอการเลี้ยงแบบหมูหลุม ก็คือน้องหมูถูกย้ายไปเลี้ยงสามสเตจ เป็นโรงเรือนเปิดที่ให้แสงแดดเข้าถึง อากาศโฟลว์ มีหลังคาปิด และคิดมาให้ว่าน้องหมูหนึ่งตัวต้องการพื้นที่กี่ตารางเมตรที่เขาจะวิ่งเล่นอย่างมีความสุขได้ หมูเดินบนแกลบที่นุ่ม เท้าไม่เป็นแผล และได้ความอบอุ่นจากแกลบ พี่สุพจน์เป็นแพทย์ทางเลือกของหมู เขาเชื่อว่าหมูมีสุขภาพจิตดี มีความสุข แข็งแรง เป็นที่มาของความอร่อย และมีไขมันน้อยกว่า”
เมนูหมูที่นี่ทุกจานเลยมาจากหมูหลุมที่กินแล้วจะรู้สึกเลยว่าแตกต่างจากหมูปกติ เนื้อเยอะ ไม่ค่อยมัน ไม่มีกลิ่นใดๆ เป็นความคลีนอย่างแท้จริง
อีกคอนเซ็ปต์หนึ่งของ Sivatel ก็คือจะเลือกวัตถุดิบจากเกษตรกรที่ยืนหนึ่งในเรื่องนั้นๆ เสมอ และหนิงเองมีความสัมพันธ์อันดีกับทุกคน และคอยค้นหาวัตถุดิบที่ดีที่สุดเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุด เพราะเจตนาหลักคือหนิง “อยากเห็นออร์แกนิคเป็นเรื่องธรรมดาในทุกวันของชีวิต” และในเมื่อจะทำอะไรขึ้นมาแล้ว ก็อยากคิดให้ยั่งยืนไปเลยนั่นเอง
3. สลัดปูก้อนทะเลชุมพร และข้าวผัดปูก้อนทะเลชุมพร: พิเศษคือปูก้อนสดๆ ที่ไม่มีสารเคมีใดๆ
เมนูนี้เต็มไปด้วยผักออร์แกนิค เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และปูก้อนโตๆ จากทะเลชุมพร น้ำสลัดไม่เหมือนที่อื่น ที่นี่ใช้เป็นน้ำสลัดอิตาเลี่ยนบวกกับซีฟู้ด บางคนเบื่อน้ำสลัดข้นๆ อันนี้น้ำสลัดเบสเป็นอิตาเลี่ยนที่ผสมซีฟู้ด สดชื่นมาก ปูสดมาก แล้วข้าวผัดอย่าได้เริ่มนะ จะหยุดกินไม่ได้เลย ข้าวที่นี่ก็พิเศษเป็นข้าวเกษตรอินทรีย์ ปูก้อนมาจากทะเลชุมพร เป็นปูแบบพรีออเดอร์ ก็คือทางศิวาเทลให้จำนวนปูที่ต้องการไปกับชาวประมงตั้งแต่ก่อนขึ้นจากเรือ พอเขารู้ว่าปูนี้มีเจ้าของแน่แล้ว ก็จะไม่ใส่ฟอร์มาลีน ปูจะส่งตรงเข้าที่ศิวาเทลเลยนั่นเอง
4. สลัดไทยออร์แกนิค และน้ำสลัดแพชชั่นฟรุ้ต+น้ำมันมะกอก: พิเศษคือผักออร์แกนิคล้วน
เป็นเมนูง่ายๆ ก็จริง แต่ถ้าได้ลองผักล่ะก็ จะลืมเนื้อสัตว์ไปเลย ที่นี่ใช้ผักจากไร่รื่นรมย์ที่เชียงราย และบีลีฟ ฟาร์มจากเพชรบูรณ์ เป็นผักเกษตรอินทรีย์คือเวลาปลูกจะไม่ใส่สารเคมีใดๆ เป็นที่รู้กันว่าปลูกยากมาก และผลผลิตแต่ละปีก็ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ แต่หนิงบอกว่าผักแบบนี้ “เก็บได้นานมากๆ นานเป็นสองอาทิตย์ก็ยังสดอยู่”
5. Tofu Roll with Wolffian Wasabi: พิเศษคือใช้ผักไข่ผำทำตัวน้ำจิ้ม
เมนูนี้เป็นหนึ่งในดวงใจเลยนะ ไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน อร่อยมากๆๆๆๆ และสายกินจริงต้องรู้จักคำนี้ไว้นะ “Wolffian” หรือ “ผักไข่ผำ” พืชที่ลอยอยู่บนน้ำ ที่เขาเอาไว้ใช้เลี้ยงเป็ดกิน และพืชนี้น่ะมีมากในไทยด้วย ตอนนี้ได้ชื่อว่าเป็น Superfood of the future ของโลกไปแล้ว แล้วมีโปรตีนสูงมากกว่าไข่ไก่ 40% ไข่ผำนี่ทั่วโลกมีสามสายพันธุ์ ของสายพันธุ์ไทยมีคุณค่าอาหารเยอะที่สุด ไข่ผำไม่ต้องใช้การตัดไม้ทำลายป่าเพื่อปลูกด้วย ขึ้นได้ดีในน้ำบริสุทธิ์ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาก
เมนูนี้คือการเอาผักไข่ผำมาผสมกับผง Nua ของไร่รื่นรมย์ ที่เป็นผงธัญพืชทำจากถั่วเหลืองจีเอ็มโอ งาขาว เป็นผงนมที่ให้กลิ่นใกล้นมที่สุด เอามาผสมไข่ผำออกมาเป็นน้ำสลัดกินกับเต้าหูออร์แกนิค และห่อด้วยผัก กับแผ่นปอเปี๊ยะข้าวกล้องเวียดนาม ห้ามพลาดเด็ดขาดนะเมนูนี้ ดีงามจริงๆ
6. ซุป Kale และ ผักไข่ผำ: พิเศษคือ Queen of the green มาเจอกับ Superfood of the future
ซุปสีเขียวสนิทชามนี้บอกเลยว่ามีแต่ความชื่นใจ เป็นซุปรวมตัวกันของผักเคลและผักไข่ผำ รสชาติของผักทั้งสองเต็มๆ เท่านั้น ไม่ใส่อะไรอีก ชามนี้ชามเดียวทั้งดีท็อกซ์ ทั้งบำรุง และจะกินแบบต่อให้เขียวก็รักเลย ผัก Kale จากไร่รื่นรมย์ เป็นไร่แรกๆ ที่ปลูกเคลในไทย ไร่นี้จะได้รสเคลที่ไม่ขม ไฟเบอร์ระดับกินแล้วอร่อย ไม่เหนียวเกินไป และนุ่มดีงาม
7. สปาเก็ตตี้ปลาสลิดทอดฟูกรอบ: พิเศษคือปลาสลิดจาก Akasha Farm
ปลาสลิดไม่เค็มเลย หอม กรอบ มากับเส้นสปาเก็ตตี้ที่เหนียวนุ่ม จานนี้อร่อยหยุดไม่ได้อีกจาน รสชาติเข้มข้นกำลังดี ฟาร์มนี้เป็นฟาร์มที่เลี้ยงปลาแบบไม่ใช้สารเคมี ให้ปลาโตไปตามธรรมชาติ
8. พิซซ่ากะหล่ำปลี: พิเศษคือไม่มีแป้งใดๆ
จานนี้ล่ะที่มาจากการเหมากะหล่ำปลี 60 กิโลของศิวาเทล “เราไปช่วยเหมากะหล่ำปลีมา ตอนแรกก็ยังไม่รู้ว่าจะเอามาทำอะไรดี จนมาช่วยกันคิดว่า ลองทำพิซซ่ากะหล่ำปลีเลยแล้วกัน” หนิงเล่าถึงก่อนจะมาเป็นจานพิซซ่าหอม อร่อยจานนี้ และทั้งจานคอนเฟิร์มว่าไม่มีแป้งใดๆ ผสม จานหนึ่งใช้กะหล่ำปลีครึ่งหัว และเป็นกะหล่ำปลีออร์แกนิค ที่ไม่มีกลิ่น ใบฉ่ำมาก ไม่ขมเลย พอเอามาทำเป็นพิซซ่าเลยอร่อยมากๆ กินได้เรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวอ้วนใดๆ
9. ไก่ตะเภาทองอินทรีย์คั่วพริกเกลือ: พิเศษคือใช้ไก่พันธุ์ตะเภาทอง
เป็นพันธุ์ไก่ที่ได้มาจากฟาร์มของพี่อำนาจ เป็นไก่ที่เลี้ยงแบบออร์แกนิค เป็นพันธุ์พื้นบ้านของนครปฐม เลี้ยงธรรมชาติ ให้ไก่อยู่กับดินฟ้าอากาศตามปรกติ ไก่เลยมีภูมิต้านทานโรคได้ดี เนื้อแน่น สด จะแตกต่างจากไก่ปกติที่กิน แล้วพอเอามาคั่วพริกเกลือกิน ก็เลยเข้าเนื้อ อร่อยเลย
10. Blueberry Tart: พิเศษคืออร่อยที่สุดในโลก!
มาที่ Café Jardin ต้องอย่าเผลอไปสั่งทาร์ทมากินเล่นๆ ก่อนเลยนะ เพราะจะไม่สั่งอาหารคาวใดๆ แน่นอน ทาร์ทที่นี่ขอให้รางวัลที่หนึ่ง เป็นทาร์ทบลูเบอรี่ที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินทาร์ทมา บลูเบอร์รี่สด แน่น ลูกโต จุยซี่ เป็นบลูเบอรี่เกรดพรีเมี่ยมจากอเมริกา และทาร์ทเบา หอม กินแล้วสดชื่นติดใจไปทุกคำที่สุด ห้ามพลาดเด็ดขาดเลย และยังมีทาร์ทมะพร้าวจากสวนมะพร้าวออร์แกนิค ที่ทาร์ท 1 ชิ้นใช้มะพร้าว 1 ลูก ทาร์ทเลมอน ที่เลมอนมาจากฟาร์มพสุธารา ราชบุรี และถ้าเจอทาร์ทส้มล่ะก็ รีบสั่งเลยนะ เป็นส้มจากน่านที่หนึ่งปีมาเพียงหนึ่งครั้ง หมดแล้วหมดเลย
ที่สุดในทุกวัตถุดิบ กินแล้วรู้สึกชีวิตลักชัวรี่เป็นแบบนี้เอง เป็นอาหารปลอดภัย ดีต่อกายและใจ กินแล้วเหมือนจะต้องอิ่มมาก แต่พออาหารดีกลับไม่แน่นท้อง อาหารก็ไม่ต้องปรุงรสอะไรมาก หลายๆ อย่างหวานด้วยตัวมันเอง และที่นี่หลอดก็เป็นหลอดกระจูด มีอะไรให้ซื้อกลับบ้านได้ด้วย อย่างน้ำตาลมะพราวเพียงหยดตาล ผง Nua หลอดกระจูด ใบโปร่งฟ้า และในอนาคตหนิงบอกว่า จะมีขายของสดที่สิวาเทลใช้ด้วยแล้ว
ขอให้มาค้นพบประสบการณ์การกินอาหารดีๆ แบบนี้เถอะ คนคิด คนปลูกเขาใส่ใจลงไปทั้งนั้น ถึงไม่ต้องใส่สารเคมีใดๆ ออกมาได้ ผลผลิตออกมาทีก็ไม่ได้เยอะ บางทีก็ไม่มีอีกแล้ว รสชาติก็เปลี่ยนไปตามดินฟ้าอากาศ เป็นเสน่ห์ในการกินที่เหมือนเราได้อยู่กับความเป็นโลคัล แต่เมนูเชฟเสกมา เอาเป็นว่ากินที่นี่ กลับไปนิสัยเปลี่ยนเลย เราจะมองอาหารรอบตัวเปลี่ยนไป และอยากดูแลตัวเองมากขึ้น อยากสนับสนุนเกษตรกรไทยมากขึ้นด้วย
ตอนนี้ที่ Café Jardin มะยงชิตกำลังมาแรง มาลอง Plango Tango Salad มะยงชิตอินทรีย์จากสุโขทัยกันเลยนะ
มาลองกันได้ที่โรงแรม Sivatel กับร้าน Café Jardin
อ่านเรื่องอาหาร ร้านอาหารต่อได้ที่นี่ CLEO THAILAND