“ความโสด” บางทีมันก็ไม่ได้แย่นะ เชื่อว่าหลายคนเคยผ่านความรักมาหลายรูปแบบ มีรักก็ต้องมีเลิก มีความสุขก็ต้องมีความเศร้า มันคือเรื่องปกติ แต่บางครั้งความรักอาจไม่ได้ตอบโจทย์ให้กับผู้หญิงแบบเราได้เสมอไป งการมีแฟนหรือมีใครสักคนมาอยู่ในชีวิตจองเราอาจจะไม่ใช่คำตอบขนาดนั้น เพราะเราสตรองขึ้น และรักตัวเองมากขึ้น เรารู้ว่าเราต้องการอะไร และต้องการใคร เพราะฉะนั้นพวกเธอเลยเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง เพราะเราโสดแบบแฮปปี้ได้นะ
จริงๆ มีความรักของผู้หญิงอีกมากมายเลยนะ ที่พวกเธอแข็งแกร่งและมีความสุขได้ด้วยตัวเอง อยากเอาเรื่องราวของพวกเธอมาแชร์ อย่างคนแรกเธอชื่อ Sangeeta Das เธอเคยมีชีวิตแต่งงานที่มีความสุข สามีของเธอเป็นนักขี่จักรยาน เขาชอบพาเธอไปผจญภัยในที่ไกลๆ พาไปที่ใหม่ๆ หาประสบการณ์ไปด้วยกัน เขาและเธอฮันนีมูนด้วยการขี่จักรยานจากเดลีไปยังกัว ชีวิตแต่งงานดูเหมือนจะมีความสุข จนกระทั่งเธอเจอสัญญาณของการสิ้นสุด จากความสุขกลายเป็นความเจ็บปวด พวกเขาทะเลาะกันบ่อยขึ้น จนมาถึงฟางเส้นสุดท้าย ทั้งคู่ทะเลาะกันเรื่องมีลูก เธออยากมีแต่เขาไม่อยากมี จนสุดท้ายความขัดแย้งนี้ก็หาบทสรุปที่ลงตัวไม่ได้ นำมาสู่การเลิกลา ยิ่งไปกว่านั้นช่วงที่เธอกำลังหย่า สามีของเธอก็ล้มป่วยและเสียชีวิตลง
เธอกลายเป็นสาวโสดมาเรื่อยๆ จนอายุเกือบ 50 ดูเหมือนจะเป็นความโชคร้ายที่เธอต้องเผชิญสิ่งเหล่านี้เพียงลำพัง แต่อีกมุมนึง มันคือความรู้สึกโล่งใจ อิสรภาพ และแนวคิดเรื่องความรักที่เธอละเอียดขึ้นกว่าเดิม
“ความรักของเราไม่ใช่ความรักที่ไม่มีปัญหาหรือความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ความจริงที่ว่าการแต่งงานของเราสิ้นสุดลงหรือเราตัดสินใจแยกทางเพราะมีสถานการณ์ที่เราไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ เรารักกันในฐานะมนุษย์ แต่ถึงแม้จะรักกัน เราก็ต่างรู้ว่าเส้นทางของเราต่างกัน ความฝันและเป้าหมายของเราต่างกันระดับความเข้าใจค่านิยม ศีลธรรม หลักการต่างกัน แนวคิดเรื่องครอบครัวและพื้นที่ส่วนตัวของเราแตกต่างกัน ดังนั้น ฉันต้องตัดสินใจว่าฉันอยากจะอยู่กับเขาและเกลียดเขาไปตลอดกาล หรืออยู่ห่างจากเขาและรักเขาต่อไป พวกเราตัดสินใจหยุดพัก แต่เราไม่เคยคาดหวังว่าการหยุดพักจะเริ่มรู้สึกง่ายสำหรับเรา เราเริ่มเพลิดเพลินกับช่วงพักนั้นมากเกินไป และเราไม่ต้องการที่จะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกต่อไป มันทำให้ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าอับอายอะไรที่จะยอมรับว่าความรักของคนๆ หนึ่งมันหายไปแล้ว”
ความรัก และสิ่งที่ผู้หญิงต้องแลกมันมา
ที่ผ่านมา ผู้หญิงเชื่อว่าเส้นทางสู่ความสุขที่แท้จริงคือ ความรัก ที่เต็มไปด้วยการประนีประนอมและความเสียสละความเป็นตัวและความฝันของตัวเองไป นั่นคือราคาที่ผู้หญิงต้องจ่ายมาเพื่อแลกกับความรัก พวกเธอหลายคนยอมทิ้งอาชีพการงานและเปลี่ยนเส้นทางชีวิตไปสู่การทำงานบ้านและเลี้ยงดูลูก แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเธอไม่ใช่แบบนั้นแล้ว พวกเธอเริ่มตามหาอิสรภาพของตัวเองทั้งทางสังคมและการเงิน เรื่องความรักในหัวของพวกเธอนี่แคบลงไปเลย
พวกเธอเริ่มรู้ว่าต้องการอะไรและใคร พวกตั้งกฎเกณฑ์ สร้างบาร์ของการตกหลุมรักขึ้นมาใหม่ เวลาที่พวกเธอมองหาความรัก มันไม่ใช่แค่เรื่องฐานะทางการเงินที่มั่นคงหรือหาคนที่สามารถดูแลพวกเธอได้ แต่มันรวมถึงการหาคนที่ทรีตเธออย่างเท่าเทียมกันและมีความคิดที่ตรงกันมากกว่า
สำหรับสาวโสด ชีวิตของพวกเธอไม่ใช่การตามหาจิ๊กซอว์ที่หายไปอีกต่อไปแล้ว พวกเธอต้องการอิสระ เพราะฉะนั้นการที่สาวโสดจะมีความรักอีกครั้ง คนที่เธอเลือกมาจะต้องพร้อมเดินไปด้วยกันกับเธอ ซัพพอร์ตชีวิตของกันและกัน แต่ถ้าไม่เจอก็โอเคนะ ดีกว่ามาคบกันแล้วฝืนต่อไปจนสุดท้ายไม่มีความสุข พวกเธอจะไตร่ตรองว่ามันคุ้มค่าไหมที่จะต้องทิ้งเสรีภาพและความเป็นอิสระด้วยการประนีประนอมในความเป็นตัวของตัวเองไป ถ้าไม่คุ้ม พวกเธอก็ไม่เสี่ยง
“เพราะการเติมเต็มความเหงาในชีวิตมันไม่ต้องเป็นแฟนกันก็ได้ ยังมีคนรอบข้างที่พร้อมอยู่ในชีวิตเราไปด้วยกัน”
เมื่อค้นพบความสุขในการพึ่งพาตัวเอง อยู่คนเดียวแล้วแฮปปี้ พวกเธอมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ทำในสิ่งที่ชอบ ไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองหรือสละความสุขส่วนตัวไปเพื่อใครจนทำให้ไม่ม่ความสุข แต่สำหรับความรักที่จบลง มันก็ไม่ได้ความหมายที่ผ่านมามันไม่ได้มีความหมายนะ เราไม่จำเป็นต้องลยพาร์ทของเราใาฐานะที่เคยเป็นคนรักออกไปจากชีวิตก็ได้ เพราะเมื่อเวลาผ่านไป มันคือมิตรภาพดีๆ ที่เคยผ่านด้วยกันมา
ความรักจะหมดไป เหลือแต่ช่วงเวลาที่ดี และตัวเราที่มีความสุขกับปัจจุบัน
ความหมายของความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ใครที่ไม่มีความรักก็ไม่จำเป็นต้องไปวิ่งตามขนาดนั้น ลองใช้ชีวิต ความโสด ให้สุด รักตัวเองให้มากๆ มองว่าช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่เราได้สำรวจตัวเองและเรียนรู้ตัวเอง เพื่อที่จะเลือกคนที่เข้ามาได้แบบไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่มีใครเข้ามาก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยเนอะ
ที่มา: Outlook