คำว่า “รัก” ก่อนที่จะบอกใคร เราต้องเข้าใจความรู้สึกข้างในของตัวเองที่แท้ทรูออกมาก่อน อย่างที่เราเคยบอกว่าเวลาที่รักใครจะมีฮอร์โมนหลั่งออกมาจากสมองทำให้เราอยากกอด จูบ จับมือแสดงความรัก แต่สิ่งที่ร่างกายตอบสนองออกมาไม่ใช่ความยั่งยืนที่จะยาวนานตลอดไป ดังนั้นอยากให้แยกความรู้สึกอินเลิฟที่หลายคนมองว่าเป็นช่วงโปรโมชั่นซึ่งส่วนใหญ่มาจากความชอบอะไรบางอย่างที่สะดุดใจในตัวของอีกฝ่าย ถูกสเปค เขาเท่จัง เลยทำให้เกิดความคลั่งรัก ยึดติด อยากมีเขาไว้ในชีวิต ถ้าใครที่ต้องเลิกกันในช่วงอินเลิฟนี้จะทรมานอย่างรุนแรง
แต่ความหมายของความรักในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์จะมองการรักใครสักคนเป็นความรู้สึกที่ลึกลงไป อยู่คงทนในใจ ถ้าเมื่อไหร่ที่เรารักใคร เราจะอยากเห็นเขาเป็นคนที่ดีขึ้น เราจะสร้างกำลังใจและสร้างพลังให้เขาไปถึงจุดที่สูงที่สุด ใช้ความรักและเวลาหล่อหลอมความสัมพันธ์แบบโตไปด้วยกัน การรักใครที่จริงใจเลยหมายถึงการให้ความรักที่ไม่ต้องเก็บแต้ม ในขณะที่การอินเลิฟ เราจะคาดหวังให้เขาทำอะไรกลับคืนมาบ้าง
พี่เอ๋ บก. คลีโอ เคยบอกเราเสมอว่าใครจะรอดหรือไม่รอดในสถานการณ์ยากๆ ต้องดูกันว่าคนนั้นมีฟูกให้ล้มหรือเปล่า เพราะต่อให้เจอลูกค้าบ้าเลือด โดนเพื่อนเมาท์ ฝนตก รถติด แต่ในใจที่มีคนรองรับเขาด้วยความรักเสมอ ทุกอย่างที่บ้าบอก็ดูซอฟต์ลง เหมือนวิ่งมาราธอนมาแทบตาย แต่ปลายทางของเขามีคนถือน้ำเย็นผ้าเย็นไว้รอบริการ
วิธีวัดว่าใจเรารักใครจริงให้ดูว่าสิ่งที่เราคิดถึงเขาเกินสิ่งที่ต้องการทางร่างกาย แต่เราเห็นโอกาสที่จะแก่ไปด้วยกันกับคนๆ นั้น เขาดีขึ้นจากที่เคยเป็นอยู่ด้วยตัวของเขาเองโดยที่มีเราคอยกรูมมิ่งด้านความรู้สึก และเขาเองก็ทำให้เรามีสติที่จะทำชีวิตให้ดีขึ้นด้วย คอยเป็นแรงกระตุ้นให้กันและกัน ส่วนเวลาที่คลั่งรักเราจะคิดถึงการเป็นเจ้าของตัวอีกฝ่ายแบบมอบชีวิตและจิตวิญญาณอะไรขนาดนั้น
การรักด้วยเนื้อแท้ไม่ใช่การเทิดทูนถวายหัว เพราะขนาดไลฟ์โค้ชอย่างเคย่า เมอร์ธี บอกเอาไว้ว่า “เวลารักใครจริงๆ ไม่ได้แปลว่าต้องยกเขามาที่หนึ่งเสมอ แต่คือการแสดงออกที่ต้องใช้ทักษะขั้นสูงและการปรับอารมณ์ของคนทั้งคู่ให้เรียนรู้ที่ประคองเครื่องบินบนลำเดียวกันไปให้ถึงจุดหมาย” โค้ชเคย่ายังบอกอีกว่าการตกหลุมรักคนหรือช่วยอินเลิฟจะใช้เวลาไม่นาน เพราะถ้ามันมีคำว่า “in” ได้ ก็มีคำว่า “out” ได้เหมือนกัน