ไม่ไหวกับตัวเองแล้วที่ทำอะไรไม่ปังสักที วิธีคือเราต้องโปรดัคทีฟกว่านี้ให้ได้ โรบิน ชาร์มา โค้ชเรื่องงานระดับโลกแนะนำมาว่า…
ความโปรดัคทีฟของเรา เผลอๆ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับยุคนี้
ไม่ใช่แค่ว่าเราจะไปให้ถึงสิ่งที่เราอยากไปนะ แต่เราจะเปลี่ยนชีวิตไปเลยด้วย
เพราะยุคนี้เป็นยุคที่เรียกว่า “พร้อมจะเบนความสนใจ” เป็นมั้ยกำลังทำงานอยู่ เพื่อนไลน์มา ไปอ่านไลน์เพื่อนทีแล้วไหลไปอีกเป็นชั่วโมง หรือเราคิดแค่ว่าจะกดดูเฟซบุ๊คแป๊บเดียว แต่จบลงที่เรานั่งจ้องมือถือไปอีกสองชั่วโมง อยากให้ทุกคนลองซื่อสัตย์กับตัวเองจริงๆ แล้วถามตัวเองว่า “ที่เราไม่ค่อยโปรดัคทีฟน่ะ เป็นเพราะเราเบี่ยงเบนความสนใจของเราจากงานตรงหน้า ไปที่สิ่งอื่นหรือเปล่า?”
หรือเราหาข้ออ้างให้ตัวเองว่า “ก็กำลังทำงานอยู่นี่ไง” แต่จริงๆ งานที่เราทำน่ะมันเป็น fake work แต่ไม่ใช่ real work ถ้าเราคุยกับใครเรื่องงาน แต่เรามีทั้งหัวเราะ ทั้งเมาท์เพิ่ม เฉนอกเรื่องโน่นนี่ อันนี้เรียก fake work นะ เราไม่ได้โฟกัสที่ตัวงานจริงๆ เพราะงานที่แท้จริงเราต้องใช้สมาธิเชิงลึก ต้องตั้งสติ และต้องอาศัยความลื่นไหลในระยะเวลาอย่างน้อยก็หนึ่งชั่วโมง ให้เราทำงานนี้ให้เสร็จ แบบที่ไม่มีอะไรมาเบี่ยงเบนความสนใจเรา
โรบิน ชาร์มาโค้ชดังของอเมริกาออกมาเล่าเรื่องนี้ว่า “เราควรมีกฎเหล็กให้ตัวเองทีเรียกว่ากฎ 99 1 คือเราควรใช้เวลา 99 นาทีไปกับช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวัน และควรใช้ไปกับสิ่งที่ทำเพียง 1 สิ่งจริงๆ” โรบินบอกว่าคนที่สร้างความแตกต่างในโลก คนที่ประสบความสำเร็จน่ะ เขาแทบจะไม่ยอมให้มีอะไรมาทำลายสมาธิเขาตอนนั้นกันได้เลย เขาจะโฟกัสมากๆ และเขารู้ว่าเวลาไหนที่จะทำให้เขามีพลังทำงานได้ดีที่สุดด้วย
แน่นอนว่างานวิจัยหลายงานออกมาบอกแล้วว่า “ช่วงเวลาเช้าคือช่วงเวลาที่ทำให้สมอง และจิตใจของเราทำงานได้ดีที่สุด” คนโปรดัคทีฟจึงมักเลือกช่วงเวลานี้ออฟจากทุกสิ่ง และโฟกัสกับงานที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาได้ โรบินบอกว่าช่วงเวลาแบบนี้ขอสัก 99 นาทีอย่ามองมือถือ อย่าอ่านไลน์ อย่าไปสนโนติฟิเคชั่นใดๆ เด็ดขาด ขอให้เป็นพลังอันแรงหล้าในตอนเช้า เพื่อให้เราสร้างงานอันแท้จริงสำหรับชีวิตเราให้ได้ และนี่คือสิ่งที่โรบินแนะนำเพิ่ม ถ้าอยากเป็นคนโปรดัคทีฟ และทำอะไรให้ตัวเองได้ตามที่ตั้งไว้
- สร้างบับเบิลครอบตัวเรา… คิดว่าเหมือนเรานั่งอยู่ในบับเบิล ที่ตรงนั้นมีเราคนเดียว เราจะไม่รับรู้อะไรนอกบับเบิลเด็ดขาด และเมื่อเราปรับคลื่นสมองได้นิ่ง โฟกัสดีแล้ว สมองเราจะเปลี่ยนจากคลื่นเบต้าเป็นอัลฟ่า และคลื่นอัลฟ่านี่ล่ะเป็นพลังงานล้ำลึก ให้เราสดกดจิตตัวเองได้ สิ่งที่เราตั้งใจไว้จะเป็นจริงได้เลย
- กลุ่มเพื่อนเลเวลเดียวกับเรา… และถ้าเราเป็นคนโปรดัคทีฟสุดๆ แต่สิ่งรอบตัวเรากลับเฉื่อยเนือยมาก เราก็อาจกลายเป็นแบบนั้น โรบินบอกว่าให้หากลุ่มเพื่อนที่มีพลังงานเลเวลเดียวกับเราไว้รอบตัว พวกเขาจะช่วยเราดึงพลังงานขึ้นได้ อย่าอยู่รายล้อมด้วยคนที่ไม่โปรดัคทีฟแบบเรา เช่น ถ้าเราอยู่กับคนชอบดราม่า เราก็อาจกลายเป็นคนดราม่า ถ้าเราอยู่กับคนไม่ทำงานแล้วชวนไปเที่ยวตลอด เราก็อาจเป็นแบบนั้น กลุ่มคนรอบตัวเลยสำคัญมาก
- หาวันที่เป็น creative day แล้วออฟไปเลย… ต้องมีเลยนะวันที่ไม่มีใครรู้ว่าเราอยู่ที่ไหน ออฟทุกหน้าจอแล้วใช้เวลากับความครีเอทีฟอย่างเดียว วันแบบนี้ล่ะจะทำให้เราได้งานที่ยิ่งใหญ่ได้เลย โรบินแนะนำว่า “ทำตัวเป็นคนหาตัวจับยากเข้าไว้” เป็นข้อดีที่คาดไม่ถึงเลย
- เรียนรู้ที่จะมินิมัล… ส่วนใหญ่แล้วคนที่บรรลุสิ่งที่เขาอยากไปให้ถึงน่ะ เขาจะเลือกทำไม่กี่อย่างเท่านั้น เขาจะไม่หว่านไปหมดแน่นอน โรบินบอกว่า “แทนที่คุณจะมีโปรเจ็คท์มากมาย ให้จับให้มั่นแค่สองถึงสามอย่างก็พอ แล้วโฟกัสไปเลย” นั่นแปลว่าคุณจะได้ใช้พลังงานเชิงลึกของคุณได้เต็มที่กับสิ่งที่โฟกัส และมันจะรวมตัวกันแน่นหน้าจนกลายเป็นระเบิดออกมาได้เลย
ลองดูนะกับยุคที่พร้อมจะดึงเราให้ไม่โฟกัสได้ตลอดเวลา หรือลองสังเกตตัวเองก่อนว่าเราเป็นคนเบี่ยงเบนง่ายมั้ย เรานิ่งได้ขนาดไหน ในแต่ละวันเราใช้เวลากับมือถือ ยูทูบ ไลน์ เฟซบุ๊ค หรือการเมาท์มอยไปนานแค่ไหน ยิ่งใช้เวลาแบบนั้นมาก ก็เท่ากับว่าจะไปลดเวลาที่เราอยากไปให้ถึงสิ่งที่เราตั้งใจลงเท่านั้นนั่นเลยล่ะ
#CleoWork #Productivity
อ่านเรื่องแนวนี้เพิ่มได้ที่ กฎแห่งความสำเร็จของพระบิดา ทอม แฮงค์ส