ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Career

50 คำถามสัมภาษณ์งาน ที่เอาไว้ถามกลับผู้สัมภาษณ์แบบเขาต้องอึ้ง!

Job Interview

อีกหนึ่งสิ่งที่คนสัมภาษณ์งานเขาจะดู ก็คือเวลาเขาถามเรากลับว่า “มีอะไรจะถามพี่มั้ย?” ตอนนี้ล่ะกูรูเรื่องงานทุกคนแนะนำว่า อย่าตอบว่าไม่ แต่ต้องถามให้ฉลาดเกิดคาดไปเลยตามนี้!

คุณกำลังนั่งอยู่ในห้องประชุมบริษัทที่ไม่เคยเข้าไปก่อนในชีวิต ตรงกันข้ามคือผู้สัมภาษณ์งานที่พร้อมจะรมควันคุณ บางคนขยี้จนจากเซลฟ์ๆ เป็นสั่นไปเลย หรือบางทีเขาก็ใช้วิธีซูมสัมภาษณ์ เขาถามเราได้ก็จริง แต่เราเองก็มีสิทธิ์ถามกลับเรื่องที่เราอยากรู้ด้วยเหมือนกัน บางครั้งเราอาจรู้อะไรบางอย่างที่ไม่เคยรู้จากการถามผู้สัมภาษณ์กลับนี่ล่ะ และเราก็เอามาตัดสินใจได้ว่า เราอยากทำงานนี้ไหมอีกด้วยนะ คลีโอมีลิสต์คำถามสัมภาษณ์งาน สำหรับถามผู้สัมภาษณ์ รับรองว่าถึงตอนที่ผู้สัมภาษณ์ต้องคิดหนักบ้างแล้วล่ะ

50 คำถามสัมภาษณ์งาน ที่เอาไว้ถามกลับผู้สัมภาษณ์

เทคนิคคือดูจังหวะในการถามให้ดี ถามตอนสุดท้ายไปเลย หรือถ้าระหว่างที่ผู้สัมภาษณ์งานถามเรา แล้วพอแทรกได้ เป็นเรื่องที่เราสงสัยจริงๆ ก็อาจถามระหว่างนั้น แต่อย่าให้ผู้สัมภาษณ์รู้สึกว่าเราพยายามฉลาด หรือรุกเข้าจนอึดอัดมากเกินไป และไม่ต้องถามให้ครบทั้ง 57 คำถามนี้ ลองเลือกที่เหมาะสมเอาดูนะ

คำถามสัมภาษณ์งาน
  1. งานนี้มี job description อะไรบ้าง? มันโอเคนะที่คุณจะต้องรู้ และผู้สัมภาษณ์จะได้คิดจริงๆ ว่าอยากรับคุณมาเพื่อทำอะไรด้วย
  2. ตำแหน่งงานนี้ในตอนนี้ มีโปรเจ็คท์อะไรที่ต้องรีบทำให้เสร็จอยู่บ้างมั้ย? คุณจะได้รู้ว่างานเดือดขนาดไหน
  3. ช่วยยกตัวอย่างกระบวนการทำงานในแต่ละโปรเจ็คท์ที่ฉันต้องเจอให้ฟังหน่อย ความซับซ้อนของงานจะเผยออกมาจากคำถามนี้เลย
  4. คนที่จะทำงานในทีมคุณ มีสกิลล์อะไรที่คุณต้องการเป็นพิเศษมั้ย? เพราะบางทีหัวหน้างานไม่ยอมคายออกมาตอนสัมภาษณ์ว่าต้องการคนแบบไหนจริงๆ แล้วมาตัดสินภายหลังจนมีไม่ให้พ้นโปรด้วยเหมือนกัน ไม่แฟร์ถ้าคุณจะไปรู้ตอนหลัง
  5. และคุณต้องการคนมีประสบการณ์พิเศษ ว่าเคยผ่านงานลักษณะไหนมายังไงบ้าง? เหมือนกันที่หัวหน้างานชอบแอบคาดหวัง ไม่ได้ใสๆ อย่างที่บอก ก็ถามให้รู้ไปเลยดีกว่า
  6. อะไรคือความท้าทายที่สุดที่คนในตำแหน่งงานนี้ต้องเจอ? หัวหน้างานจะตอบว่าไม่มีไม่ได้นะ จุดยืนจะต้องชัดจากคำถามนี้เลย
  7. ตำแหน่งงานนี้เป็นตำแหน่งตั้งขึ้นมาใหม่ หรือฉันมาทำแทนคนอื่นที่ออกไป? เพราะความยากง่ายไม่เหมือนกัน ถ้ามาแทนคนอื่น แล้วคนนั้นผลงานเลิศมาก หัวหน้างานจะคาดหวังทันที แต่ถ้าเป็นตำแหน่งใหม่ คุณก็อาจจะได้ใช้ความสดใหม่เข้าสู้ได้
  8. และตำแหน่งงานนี้ช่วยอะไรในภาพรวมของบริษัทบ้าง? ทุกตำแหน่งงานมีคุณค่า บริษัทต้องตอบคุณให้ได้
  9. ปกติแล้วงานแต่ละตำแหน่ง บริษัทคาดหวังว่าจะต้องพัฒนาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงยังไงมั้ย? อย่าตอบว่าไม่อีกเหมือนกัน คำถามนี้จะทำให้คุณรู้ว่าคุณต้องปรับตัวเร็วเลเว่ลไหน
  10. บริษัทมีโครงสร้างในการให้โอกาสคนทำงาน เพื่อพัฒนาศักยภาพตัวเองยังไงบ้าง เพราะบางบริษัทเหมือนจะดี แต่คัลเจอร์กลับบล็อคโอกาสคนทำงานไปหมด หรือมีนายตำแหน่งสูงๆ มาสกัดดาวรุ่งมากมายด้วยเหมือนกัน
  11. ฉันสามารถมีโอกาสทำโปรเจ็คท์สำคัญๆ ของบริษัทที่ท้าทายไหม? ชัดไปเลยว่าคุณอยากก้าวหน้านะ
  12. คนในตำแหน่งงานนี้ก่อนหน้านี้ ได้สร้างความสำเร็จอะไรไว้ให้บริษัทบ้าง? ชัดไปเลยอีกว่าฉันกำลังจะต้องถูกเปรียบเทียบกับเขาใช่หรือไม่ วัดแอตติจูดคนสัมภาษณ์ว่ามีต่อคนอื่นยังไงบ้าง มีเมตตามั้ยด้วย
  13. คุณคาดหวังว่าในแต่ละโปรเจ็คท์งาน อยากเห็นทีมทำให้สำเร็จในความเร็วอยู่ที่กี่วัน? เราต้องการรู้ความเร็วในใจเขา เพราะถ้าเราทำงานสไตล์แม่ละเอียด รอบคอบ ไปช้าแต่ชัวร์ อาจไม่เหมาะกับสไตล์ของเขา
  14. และภายใน 1 ปี คุณมองว่าคนทำตำแหน่งงานนี้ต้องมีความก้าวหน้ายังไงบ้าง? ต้องก้าวหน้านะ ถ้าย่ำอยู่กับที่ก็เป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณาเลย
  15. ที่นี่วัดผลงานพนักงานกันยังไง? วัดตามผลงานจริง หรือต้องรวมกับทีม หรือตั้งเคพีไอกลุ่ม หรืออะไร
  16. คุณทำงานที่นี่มานานกี่ปี?
  17. ระยะเวลานั้นคุณเปลี่ยนลักษณะงาน หรือบริษัทปรับโครงสร้างบ้างมั้ย? จะได้รู้ว่าบริษัทเน้นคุณค่าที่รากฐานต้องแน่นมั้ย
  18. ก่อนหน้านี้คุณทำงานอะไรมาก่อน?
  19. อะไรที่ทำให้คุณชอบในการทำงานที่นี่ที่สุด? มาสังเกตรอยยิ้มของผู้สัมภาษณ์กันกับคำถามนี้
  20. อะไรคือสิ่งท้าทายที่คุณมักเจอกับงานนี้ จะได้เห็นไฟว่ายังลุกอยู่มั้ยของเขาด้วย
  21. ตอนนี้มีโปรเจ็คท์อะไรที่คุณกำลังริเริ่มทำอยู่ ช่วยเล่าให้ฟังได้มั้ย? ถ้าเขาเอนจอยจริง เขาจะเล่าแบบเราฟังแล้วอยากกระโจนไปทำด้วยมากๆ เลย
  22. ฉันเคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับบริษัทนี้มาก่อน แต่อยากรู้ว่าบริษัทนี้เริ่มมาได้ยังไง ใครเป็นฟาวเดอร์ คุณช่วยเล่าให้ฟังได้มั้ย?
  23. คุณเห็นทิศทางของบริษัทนี้ในสองสามปีข้างหน้ายังไงบ้าง? จะรู้เลยว่าเขารู้สึกยังไงกับบริษัท
  24. มีอะไรที่เป็นสินค้า หรือบริการ หรือนวัตกรรมฮีโร่ของบริษัทนี้บ้าง
  25. และในตอนนี้บริษัทพุ่งไปที่จุดมุ่งหมายอะไร?
  26. อะไรทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นไปกับอนาคตของบริษัทบ้าง? เพราะเราก็อยากตื่นเต้นไปด้วย
  27. คุณค่าสำคัญที่สุดที่บริษัทมอบให้คืออะไร? ถ้าลังเลปั๊บ แสดงว่าบริษัทจุดยืนอาจไม่ชัดได้
  28. และคุณเห็นไหมว่าบริษัทได้ดำเนินงานตามแนวคุณค่านี้มาตลอด อันนี้อาจไปจี้ใจคนสัมภาษณ์ได้
  29. ช่วยเล่าเรื่องทีมงานต่างๆ ที่คุณต้องปะทะเวลาทำงานให้ฟังหน่อย?
  30. ถ้าฉันเข้ามาทำงานที่นี่ คุณช่วยเล่าเรื่องทีมงานของฉันให้ฟังหน่อยนะ?
  31. ฉันต้องรายงานตรงที่ใคร?
  32. ตอนนี้ทีมมีจุดแข็งและจุดอ่อนอะไรบ้าง? เพื่อเราจะได้รู้ว่าตัวเราไปช่วยทีมยังไงได้บ้าง
  33. ในอนาคตข้างหน้าคุณอยากเพิ่มคนในทีมมั้ย?
  34. สิ่งแวดล้อมในที่ทำงานเป็นยังไงบ้าง?
  35. คุณมีวิธีการทำให้ทีมเวิร์คด้วยกันแบบมีความสุขยังไงบ้าง? ถ้าตะกุกตะกักตอบเรา อาจเป็นได้ว่าเขาไม่ค่อยคิดถึงเรื่องนี้เลย
  36. คุณชอบความเป็นทีมตรงไหนที่สุด?
  37. กลางวันไปทานข้าวด้วยกันมั้ย? จะได้รู้ว่าทีมสนิทกันมั้ย
  38. และพอเลิกงานมีไปแฮงค์เอาท์กันต่อมั้ย?
  39. ศึกภายนอกหรือศึกภายในที่คุณต้องสู้ไปด้วยกัน? บางบริษัทศึกภายนอกไม่มีใครร่วมมือสู้ ก็เพราะยังจัดการกับศึกภายในไม่รอดนี่ล่ะ
  40. ความยืดหยุ่นของสไตล์การทำงานในทีมคุณคืออะไร? อยากรู้ใจของหัวหน้างานว่าเขาเป๊ะขนาดไหน
  41. ทำงานแบบ work from home ได้มั้ย? ยุคนี้แล้วนะ หัวหน้างานจะทันสมัยเข้ายุค หรือเป็นแบบดั้งเดิม
  42. คุณให้ความสำคัญกับเรื่อง work-life balance ยังไงบ้าง? เพราะนั่นคือความทันสมัยของหัวหน้างานด้วย
  43. มีอะไรที่คุณรู้สึกว่าบริษัทต้องปรับปรุงเพื่อให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นมั้ย? แปลได้ว่าเขาให้คุณค่ากับเรื่องคนทำงานอยู่
  44. การเทรนนิ่งของบริษัทเป็นยังไง?
  45. ทำงานที่นี่มีโอกาสได้ติดต่อกับคนภายนอกบ้างมั้ย? วัดโอกาสที่บริษัทให้ และการให้ความสำคัญกับคนอื่นที่เก่งๆ
  46. อะไรที่คุณจะไม่ประนีประนอมในการทำงาน? วัดความเชื่อ คุณค่า ศีลธรรมของหัวหน้างาน
  47. Motto สำคัญที่บริษัทยึดถือ จนเป็นคัลเจอร์ของบริษัทไปคืออะไร?
  48. สเต็ปต่อไปหลังจากสัมภาษณ์งานนี้คืออะไร?
  49. มีอะไรที่คุณอยากแนะนำ หรืออยากให้ฉันเตรียมอะไรเพิ่มมั้ย? เผื่อเขาก็ชอบเรา แต่ยังลังเลอะไรบางอย่าง
  50. มีคำถามอะไรที่ฉันตอบไม่เคลียร์ แล้วคุณยังอยากให้ตอบอีกมั้ย? เผื่อเขามีแต่ไม่กล้าบอกเรา ก็ถามให้ชัวร์อีกครั้ง

อ่านเรื่องเกี่ยวกับคำถามสัมภาษณ์งานต่อที่ 40 คำถามสัมภาษณ์งาน หัวหน้าเขาถามประมาณนี้แน่นอน!

อ่านเรื่องความก้าวหน้าในงานได้ที่ 7 ความไม่มั่นใจ ที่ทำให้ฉันไม่ก้าวหน้า

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']