ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Career, Living

40 คำถามสัมภาษณ์งาน หัวหน้างานเขาจะถามประมาณนี้แน่นอน!



หนึ่งในความลุ้นนอกจากจะสมัครงานรอบแรกแล้วผ่านมั้ย ก็คือตอนต้องสัมภาษณ์งานนี่ล่ะ แล้วไม่ว่าเราจะสัมภาษณ์งานมาแล้วกี่ครั้ง คำถามสัมภาษณ์งาน ที่หัวหน้างานเขาจะถาม จะวนๆ อยู่ใน 40 คำถามสัมภาษณ์งานนี้ แบบคลีโอชัวร์ยิ่งกว่าชัวร์เลย!! หัวหน้างานเขาจะถามว่า….

  1. คุณช่วยเล่าเรื่องตัวเองให้ฟังหน่อย?

มักเป็นคำถามแรกที่เขาถาม เตรียมคำตอบไว้เลย แต่ไม่ต้องลากยาวนะ กระชับๆ ชื่อ นามสกุล เคยทำอะไรมาก่อน ซิกเนเจอร์ของเราคืออะไร “เอาให้แน่ว่าเตรียมคำตอบที่มั่นใจ และยิ้มไปด้วย อย่าอึกๆ อักๆ หรือพูดไม่ชัด เอาสักทางด้วยว่าถนัดภาษาอะไร” จูเลีย พอลแล็ค แห่ง Zip Recruiter แนะนำมา สิ่งที่หัวหน้างานต้องการก็คือ “ต่อจุดความเป็นคุณจากปัจจุบันไปอดีต ที่คุณสัครงานวันนี้ จะไปมีผลกับจุดมุ่งหมายระยะยาวในเรื่องอาชีพของคุณยังไงด้วย” จูเลียเสริม คือยิ่งเราชัดในคำถามแรกก็จะเพิ่มความประทับใจให้ไปต่อแน่นอน คำตอบที่หัวหน้างานมักเลิฟก็จะประมาณ “ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มาสัมภาษณ์งานกับคุณ ก็เพราะว่างานนี้เป็นงานที่มีทั้งสกิลล์ของฉัน สิ่งที่ฉันสนใจ สิ่งที่ฉันถนัด แล้วก็เป็นงานที่อยู่ในจุดหมายของชีวิตที่ฉันตั้งเอาไว้เลย โดยเฉพาะบริษัทของคุณที่ฉันเห็นว่าทันสมัย น่าไปทำด้วยมากๆ”

2. จุดแข็งของคุณคืออะไร?

เอาที่ไม่มีใครมีแบบคุณจะดีมาก และยิ่งถ้าเชื่อมโยงกับงานที่สมัครอยู่ได้หัวหน้างานก็จะเลิฟ

3. จุดอ่อนของคุณคืออะไร?

จะเลี่ยงคำถามนี้แล้วบอกว่าไม่มีเลย เราก็ดูยอดมนุษย์ไป แนะนำว่าให้มี แต่อาจเป็นจุดอ่อนที่ดุน่าเอ็นดู “เป็นคนมองโลกบวกเสมอ ไม่แน่ใจว่าเป็นจุดอ่อนมั้ยอะค่ะ” “กินขนมบ่อยค่ะ” “นั่งหน้าคอมพ์สัก 45 นาที อาจต้องลุกไปเดินยืดเส้นให้สมองแล่นอะค่ะ” อะไรแบบนี้ แต่ไม่ต้องถึงกับเล่าคดีดังในอดีตให้ช็อคเล่นออกมานะ

4. ทำไมคุณถึงออกจากงานที่แล้ว?

บอกเลยว่าคำถามนี้โดนแน่นอน แล้วหัวหน้างานเขามักจะตัดสินคุณจากคำถามนี้นี่ล่ะ หัวหน้างานส่วนใหญ่ไม่ชอบคนอยู่กับงานแป๊บๆ แล้วออก ถ้างานที่แล้วคุณทำไปไม่นาน ก็อาจตอบสวยๆ แนวว่า “อยากใช้ศักยภาพที่มีอยู่ให้เต็มที่กว่านั้น” “มีอะไรที่อยากทำอีกมาก” อะไรแบบนี้แทน

5. แล้วในงานที่คุณกำลังสมัครนี้ คุณกำลังมองหาอะไรอยู่?

อย่าตอบว่าเงินเดือน หรือความมั่นคงล่ะ ก็คงต้องความท้าทาย อะไรที่แมทช์กับสิ่งที่เราฝึกฝนมา หรือให้ศักยภาพเราได้พัฒนาจะสวยๆ เลย

6. คุณเห็นตัวเองเป็นยังไงในอีก 5 ปี หรือ 10 ปีข้างหน้า?

เอาแบบท็อปฟอร์มเลยนะ ที่แน่ๆ ต้องมีการพัฒนาการ อยากเป็นหัวหน้างานคุมทีมเพื่ออะไรก็ว่าไปได้เลย หรืออยากดันบริษัทให้มีกำไรเท่าไหร่ๆ……. เอาที่เป็นประโยชน์กับตัวเราและเขาด้วยน่ะ

7. คุณมีจุดมุ่งหมายแบบสั้น และยาวยังไงบ้าง?

เป็นคำถามที่สำคัญมากอีกเหมือนกัน เพราะมันบอกได้ว่าคุณน่ะมีความสนใจ และมีศักยภาพยังไง ก่อนไปสัมภาษณ์งาน ให้คิดถึงจุดมุ่งหมายในอาชีพไว้ก่อน แล้วก็ทำแพลนว่าจะไปถึงตรงนั้นได้ยังไง เอาให้แน่ว่าหาข้อมูลบริษัท และตำแหน่งงานที่จะไปสัมภาษณ์แล้วนะ ดูถึงวิสัยทัศน์องค์กรต่างๆ ด้วย เอาให้หัวหน้าเห็นว่า จุดมุ่งหมายแบบนี้ของคุณน่ะ จะทำให้บริษัทเติบโตแน่นอน!

คำถามสัมภาษณ์งาน

8. คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่?

อย่ากลัวกับคำถามนี้นะ ถ้าไม่รู้ก็ถามกลับเลยว่าตำแหน่งนี้มีช่วงเงินเดือนอยู่ที่เท่าไหร่ ก็จะได้ไม่ลดค่าตัวเองลงด้วยคุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเรา ธุรกิจเราบ้าง?

9. คุณรู้อะไรเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของบริษัทเราบ้าง?

ตอบในเชิงคุณค่าไว้ด้วย มากกว่าความชอบส่วนตัวนะ

10. มีสกิลล์พิเศษอะไรที่คุณมี ที่เหมาะกับตำแหน่งนี้บ้างมั้ย?

อย่าลืมว่าเราอยู่ในยุคดิจิตอลแล้ว อาจใส่อะไรที่หัวหน้างานนึกไม่ถึงก็ได้นะ เช่น ตัดต่อเป็น เขียนคอนเทนท์ได้

11. ทำไมถึงอยากทำงานกับเรา?

12. รู้ได้ยังไงว่าเราเปิดรับสมัครอยู่?

ขอร้องว่าอย่าบอกว่าแม่บอกให้สมัครอะไรแบบนี้นะ เอาความโปรเฟสชันนัลมาตอบหน่อย หรือบอกว่า พี่ที่ทำงานอยู่ที่นี่เขาบอกว่าตำแหน่งนี้ กับบริษัทนี้น่าทำมากๆ แล้วเล่าความเจ๋งที่ได้ยินมาต่อเลยคุณเคยทำอะไรสำเร็จมาบ้าง?

นำเสนอตัวเองอย่างไร ให้ได้งานดี รายได้สูง มีโอกาสก้าวหน้า

เทคนิค ขั้นตอน การสมัครงาน สัมภาษณ์งาน การเขียนใบสมัครงาน 2 ภาษา ที่จะทำให้คุณโดดเด่น น่าสนใจกว่าคนอื่น

195 บาท SE-ED.COM

13. มีอะไรที่คุณเหนือกว่าคนสมัครคนอื่นบ้างไหม?

เวลาคุณสัมภาษณ์งาน สำคัญเลยที่จะงัดความจริงใจออกมา อย่าพยายามเป็นอะไรที่เพอร์เฟ็คท์เกินไป แต่ให้ดึงจุดที่คิดว่าบริษัทเขามองหาอยู่พอดี และให้บริษัทได้มีรูมพิจารณาว่าคุณช่างมีคุณสมบัตินั้น เล่าประสบการณ์กับสิ่งที่คุณเคยสร้างมา สิ่งที่คุณเชื่อ และคิดว่าถ้าย้อนกลับไปได้จะปรับปรุงอะไรเพิ่ม ไม่ต้องอวยตัวเอง หรืออ้างชื่อใคร ให้พลังงานสบายๆ และโพสิทีฟเข้าไว้นะ

14. ทำไรเราถึงควรจ้างคุณ ทั้งๆ ที่ดูคนสมัครคนอื่นเขาจะล้ำกว่าคุณนะ?

ยิ้มเลยนะกับคำถามนี้ เพราะตอนนี้ล่ะที่คุณจะงัดอีคิว ซอฟท์พาวเวอร์ของคุณออกมา “ฉันเป็นคนสม่ำเสมอ กัดไม่ปล่อย ซื่อตรง” อะไรที่มาเหนือกว่าสกิลล์ และประสบการณ์แบบนี้เลย

15. คุณเคยทำโปรเจ็คท์อะไรที่นอกเหนือจากขอบเขตของงานคุณมั้ย?

บริษัทเขาจะดูความยืดหยุ่นของคุณน่ะ เป็นคำถามที่ดีเลย ใส่เลยนะ

16. คุณจะอธิบายตัวเองใน 3 คำว่ายังไง?

จริงใจที่สุดเลยคำถามนี้คุณรับมือกับความเครียดได้ยังไงบ้าง?

17. มีอะไรนอกเหนือจากงานที่คุณสนใจบ้าง?

คำถามสัมภาษณ์งาน

18. อะไรคือแรงขับของคุณ?

19. เล่าให้ฟังหน่อย เวลาที่คุณไม่เห็นด้วยกับหัวหน้างาน คุณจะทำยังไง?

ไม่มีหัวหน้างานคนไหนชอบพนักงานที่เงียบ และเออออไปทุกสิ่งนะ

20. คุณอ่านหนังสือเล่มสุดท้ายคือ?

หัวหน้าจะดูความสนใจสิ่งอื่นของคุณ และในยุคที่คนไม่ค่อยอ่านหนังสือกันแล้ว คุณยังสนใจอยู่ไหม?

21. คุณทำงานภายใต้ความกดดันของเดดไลน์ได้ดีแค่ไหน?

เป็นเรื่องสำคัญในการทำงานเลย เล่าเลยว่าคุณขยันขนาดไหน แต่อย่าลืมว่าไม่ใช่แค่ขยันด้านเดียว คุณยังสื่อสารกับคนอื่นได้ลื่นไหลอีกด้วยล่ะ

22. หัวหน้างานเก่า และเพื่อนร่วมงานเก่าจะพูดถึงคุณยังไง?

23. มีอะไรที่คุณรู้สึกภูมิใจนอกไปจากงานบ้าง?

24. ลองยกตัวอย่างวิธีการที่คุณจะแก้ไข ถ้าทำงานไม่ทันเดดไลน์ หรือเวลาเจองานยากๆ?

25. คุณบรรยายถึงชีวิตทำงานของตัวเองว่ายังไง และบุคลิกภาพของคุณที่มีต่อบริษัทเป็นยังไง?

26. ส่วนไหนของงานนี้ที่มีอิทธิพลในการที่คุณตัดสินใจอยากทำงานกับเรา?

เล่าว่าคุณได้เรียนรู้อะไรบ้างเพิ่มไปด้วยนะ และคุณมีวิธีปรับปรุงให้ดีขึ้นยังไง อย่าเครียดกับคำถามนี้ หัวหน้างานทุกคนยินดีฟังความผิดพลาดเสมอเล่าถึงตอนที่คุณเฟลให้ฟังหน่อย?

27. เล่าถึงตอนที่คุณเฟลให้ฟังหน่อย?

เล่าว่าคุณได้เรียนรู้อะไรบ้างเพิ่มไปด้วยนะ และคุณมีวิธีปรับปรุงให้ดีขึ้นยังไง อย่าเครียดกับคำถามนี้ หัวหน้างานทุกคนยินดีฟังความผิดพลาดเสมอ

28. คุณรับมือกับความเครียดได้ยังไงบ้าง?

29. เรื่องอะไรของหัวหน้างานที่คุณรู้สึกว่าต่อให้เป็นหัวหน้า ก็จะต้องบอก?

30. ถ้ามีเหตุการณ์ไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นกับทีมงานของคุณ คุณจะแก้ไขยังไง?

คำถามสัมภาษณ์งาน

31. ทำไมถึงมีช่วงที่คุณว่างงานล่ะ?
หัวหน้างานจะดูช่วงเวลาที่คุณว่างงานแน่นอน บอกเหตุผลที่จริงใจ และเพิ่มความมั่นใจให้หัวหน้างานว่า กับงานนี้คุณถึงตั้งใจมากแค่ไหน

32. คุณจินตนาการถึงที่ทำงานในฝันยังไงบ้าง?

33. คุณเคยเจอกับปัญหาในการทำงานอะไร ที่หนักใจที่สุด แล้วแก้มันยังไง?

34. คุณจะทำยังไงถ้าเจอกับที่ทำงานที่ขัดต่อมโนธรรมของคุณ?

35. ก่อนจะมาสมัครงานที่เรา คุณมีไปเพิ่มความรู้ สกิลล์อะไรให้ตัวเองบ้างมั้ย?
สำคัญเลยนะ ยิ่งถ้าไปหาความรู้กับอะไรที่นอกเหนือไปจากงาน อาจเทคคอร์สอะไรสั้นๆ หัวหน้างานก็จะรุ้สึกว่าคุณเปิดกว้าง และใฝ่รู้แล้วล่ะ

36. คุณสมัครตำแหน่งงานอื่นในบริษัทเราด้วยมั้ย?

37. และสมัครงานที่อื่นด้วยอยู่หรือเปล่า?

38. คุณเคยถูกให้ออกจากงานมั้ย?
อย่ากลัวกับคำถามนี้อีกเหมือนกัน คำถามนี้วัดแอตติจูดคนถามเลยนะ ว่าหัวหน้างานคนนี้แอบตัดสินคนไว้ อย่าไปสนใจ หรือจะไม่ตอบเลยก็ได้

39. คุณสามารถทำงานนอกสถานที่ได้มั้ย?

40. โอเคมั้ยถ้าต้องทำงานเกินเวลา หรือทำงานเสาร์-อาทิตย์?
ขอให้ตอบตามความจริงเลย เพราะส่วนใหญ่หัวหน้างานที่ถามแบบนี้ แปลว่างานนั้นที่คุณสมัครอยู่ เขาต้องการให้คุณทำงานเช่นนั้น ถ้าตอบไม่จริง เข้าไปก็ต้องซัฟเฟอร์อยู่ดี อย่าเสียเวลาเลยดีกว่านะ

Career

50 คำถามสัมภาษณ์งาน ที่เอาไว้ถามกลับผู้สัมภาษณ์แบบเขาต้องอึ้ง!

Job Interview

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']