เป็นอีกครั้งที่คลีโอได้เจอกับอดีตสาว Cover Girl ที่เคยขึ้นปกในความทรงจำอย่าง มารีญา พูลเลิศลาภ ที่ตอนนี้มารีญาได้เป็นอะไรอีกหลายตำแหน่งทั้งมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2560 เป็นนางแบบ เป็นนักรณรงค์ รวมทั้งใน 1 ปีที่ผ่านมาเธอคือทูตองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกหรือ World Animal Protection ที่ได้ร่วมทำกิจกรรมกับทางองค์กรฯ มาตลอด จากความรักสัตว์ของหญิงสาวคนหนึ่งกลายมาเป็นเสียงที่พร้อมจะบอกให้ทุกคนได้เห็นความสำคัญของชีวิตสัตว์ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ที่กลายมาเป็นอาหารและสัตว์ป่าทั้งโลก มารีญาจึงเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ เป็นผู้หญิงที่กล้าจะบอกให้คนทั่วโลกกลับมารักตัวเอง รักสัตว์บนโลก รักสิ่งแวดล้อม เพราะทุกอย่างนี้คือเรื่องเดียวกันทั้งหมด
เด็กหญิงมารีญากับการตั้งคำถามเรื่องสัตว์
“ความรักสัตว์เริ่มต้นกับสิ่งรอบข้างตั้งแต่อนุบาลเลยค่ะ ไม่ว่าจะการ์ตูนที่เราดู สิ่งที่เราเรียนที่โรงเรียน หรือหนังที่เราดูอย่าง Dr.Dolittle เราอยากคุยกับสัตว์ได้ ตอนเด็กๆ ที่บ้านเคยมีนก เคยมีหนูตะเภา ไปช่วยชีวิตหนูจากห้องแล็บทดลองที่เวียดนามตอนอายุ 5-6 ขวบ มีความสงสัยและสนใจเรื่องสัตว์อยู่แล้ว อย่างที่โรงเรียนให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมค่อนข้างสูง คุณพ่อเป็นคนสวีเดนก็ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเหมือนกันค่ะ เลยคิดว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ในชีวิตของเรา”
“แต่ความรักและการรู้ถึงความสำคัญที่ทำให้อยากเป็นเสียงแทนเรื่องนี้เกิดตอนเริ่มเรียนมหาวิทยาลัย เราตั้งคำถามหลายๆ อย่างในชีวิต อย่างอาหารที่เรากินมาจากที่ไหน ถูกผลิตยังไง เราเริ่มถามคำถามพวกนี้เป็นจุดที่เราเห็นความเชื่อมโยงกับทุกอย่างในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคกับธรรมชาติมันสอดคล้องกันมากๆ เลยค่ะ พอมาประมาณ 2-3 ปีที่แล้วถึงรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญมาก เหตุผลแรกเป็นเพราะเรารักตัวเอง อยากให้ตัวเองสุขภาพดี อยากให้คนที่เรารักแข็งแรงและหลังจากนั้นเขยิบออกไปว่าเราอยากให้สิ่งแวดล้อมดี เลยเหมือนเป็นสเต็ปทุกวันนี้ ส่วนสำคัญที่ผลักดันอาจจะมาจากการได้ดูสารคดีที่ทำให้เรารู้สึกด้วยค่ะ ไม่ว่าจะ What the Health ถ้าล่าสุดจะเป็น Seaspiracy, Kiss the Ground, Our Planet ต่างๆ ของเดวิด แอทเทนโบเร่อ ทั้งหมดเลยค่ะ เราเห็นว่าโลกสิ่งแวดล้อมมหัศจรรย์สุดๆ แล้วพวกเราต้องพึ่งพากัน เลยต้องทำอะไรสักอย่างให้พวกเราอยู่รอดได้”
อยากเปลี่ยน…เริ่มต้นที่ตัวเอง
สำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง มารีญาบอกว่าเริ่มต้นที่ตัวเองกับอาหารในจานตรงหน้า “รู้สึกว่าสุขภาพไม่เหมือนกับตอนที่เรายังเด็ก แค่อะไรนิดนึงก็มีผลกระทบหนักเลยกับร่างกายของเรา เลยเริ่มต้นจากการกินของตัวเองซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะหนึ่งการเปลี่ยนแปลงมันยาก และสองการกินเป็นนิสัยที่ค่อนข้างติดตัวมานาน แต่ค่อยๆ เริ่มจากการตั้งคำถามว่าอาหารจานที่อยู่ตรงหน้ามาได้ยังไงและเห็นวิธีที่ต้องผ่านมาก่อน ทำให้เราตั้งคำถามมากๆ เลยว่าเราเป็นคนยังไง คุณค่าของเราเป็นแบบไหนและทำไมเราไม่ได้ใช้คุณค่าตามที่เราคิด มันเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของมารีญา”
“เริ่มรู้สึกว่าสิ่งนี้มันไม่โอเคเลย เราต้องหยุดและเปลี่ยน 180 องศา มันลำบากจริงๆ ค่ะ โดยเฉพาะวีแกนไลฟ์สไตล์ไม่ใช่แค่การกิน มันเป็นไลฟ์สไตล์ทั้งหมดเลยที่เราใช้ จากที่มารีญาอยู่ในวงการนางแบบ เราได้สัมผัสสิ่งที่มาจากสัตว์ไม่ว่าจะเป็นหนังสัตว์ หรือเฟอร์ขน ก่อนที่เราจะเปลี่ยนแปลงชีวิตก็ยังตั้งคำถามพวกนี้อยู่ เราไม่ยอมใส่หนังสัตว์หรือขนสัตว์เลยในการถ่ายแบบเดินแบบ เราตั้งถามเสมอว่าของพวกนี้มาถึงจุดนี้ได้ยังไง ก่อนจะมาถึงต้องผ่านอะไรมาบ้าง แล้วศีลธรรมของมันคืออะไร ถ้าเป็นเรื่องการกินอาหาร ตอนที่มารีญาตั้งคำถามรู้สึกว่าถ้าเราไม่ได้พร้อมจะฆ่าสิ่งนั้นเองแล้วมาอยู่บนจานของเรา เราก็ไม่ควรที่จะกินมันด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเราต้องถามตัวเองก่อนว่าเราพร้อมที่จะเชือดหมูตัวนี้มั้ย ถ้าไม่พร้อมก็แค่ไม่กิน รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติมาก หลังจากถามคำถามพวกนี้ถ้าจะกินเนื้อสัตว์เลยกินแต่ปลา เพราะเราสามารถไปตกปลาได้”
“ตอนแรกใช้ชีวิตยากอยู่นะคะ โดยเฉพาะเมื่อเราไม่สามารถตัดสินใจได้ พอตัดสินใจได้ทุกอย่างง่ายเลย มันแค่เป็นข้อแม้ของเรา พอเราทำไปสักพักก็เห็นว่ามีอะไรมาทดแทนได้เยอะมาก อย่างในวงการมังสวิรัติ เนื้อแบบอื่นที่เป็นทางเลือกก็เพิ่มขึ้นมาด้วย ดังนั้นง่ายขึ้นมากค่ะตอนนี้ เมื่อก่อนอาจจะง่ายกว่านี้นะคะ เพราะ 50 ปีที่แล้ว การบริโภคเนื้อสัตว์ไม่ได้มากขนาดนี้ แต่สมัยนี้คิดว่าปัญหาหลักเลยคือปริมาณที่เราต้องการบริโภคเยอะขนาดนี้กับประชากรที่เยอะขนาดนี้ทำให้ทุกอย่างถูกเร่ง ถูกใช้สารเคมีต่างๆ สารที่เราไม่ควรรับประทานก็ถูกใช้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นการกินมังสวิรัติก็ยังใช้เคมีเยอะมากอยู่ดี นั่นก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง เรื่อง food system เลยเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเราต้องกินข้าวทุกวัน หลายครั้งต่อวันด้วยเลยคิดว่าเป็นเรื่องที่ต้องมาโฟกัส”
“หลังจากมารีญาตั้งคำถามและเริ่มหาข้อมูล เราได้มีโอกาสมาทำงานกับองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก World Animal Protection ที่ตั้งแต่มาอยู่ด้วย เราได้ไปเห็นในสถานการณ์จริงเลยว่าการทำระบบฟาร์มอุตสาหกรรมเป็นยังไง แล้วก็มาพูดถึงหลักศีลธรรม เพราะหลักๆ ที่ทำให้มารีญาเปลี่ยนชัดเจนจากเรื่องส่วนตัว ก็เป็นเรื่องของจรรยาบรรณและศีลธรรมต่อสัตว์ต่างๆ ที่มีชีวิต ทำไมถึงถูกทรีตแบบนี้ โดยเฉพาะมารีญาก็เป็นคนไทย เรายึดปรัชญาใช้ชีวิตว่าชีวิตทุกชีวิตมีความหมายเท่าเทียมกัน ทำไมเราสามารถทำสิ่งนี้ได้”
แล้วถ้าเรายังเมินเฉยต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น?
มารีญาสรุปความง่ายๆว่าทุกสิ่งพังพินาศแน่นอน “ทุกวันนี้เราเห็นกันชัดเจนเลยว่าสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง มีผลกระทบต่อหลายชุมชนและสิ่งที่เศร้าผลกระทบก็อยู่ในคนที่อาจจะไม่ได้สร้างปัญหามากเท่ากับที่อื่นด้วยซ้ำ แต่ต้องมารับผลกระทบหนักกว่าซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม ระบบอาหารเลยสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ของปัญหาสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การใช้พื้นที่มากที่สุด เพราะปัญหาหนึ่งที่หลายๆ ที่บนโลกกำลังเผชิญอยู่คือเรื่องของการขาดแคลนอาหาร ซึ่งพื้นที่จำนวนมากของการทำการเกษตรถูกใช้เพื่อปลูกพืชที่นำไปเป็นอาหารสัตว์ ถ้าเปลี่ยนพื้นที่เหล่านั้นมาปลูกพืชที่เป็นอาหารคนจะทำให้สามารถผลิตอาหารออกมาได้มากขึ้นซึ่งอาจช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนอาหารได้ การผลิตเนื้อสัตว์ต้องใช้ทรัพยากรมากที่สุดใน 3 อันดับของโลก และเป็นท็อปใน 3 ของการก่อมลพิษที่มากกว่าการขนส่ง อย่างเช่น ถ้าปิดไฟกัน พยายามไม่ขึ้นเครื่องบินกัน อันนี้อิมแพคน้อยมาก แต่ถ้าเราเปลี่ยนแปลงการกิน อันนี้ผลจะยั่งยืนและเห็นผลได้จริง เลยคิดว่าในฐานะของผู้บริโภคต้องมารับรู้และหาทางเลือกมาแก้ไข”
ประสบการณ์จริงในการลงพื้นที่กับ World Animal Protection
ตลอดเวลา 1 ปีที่ผ่านมา มารีญาได้เห็นภาพสัตว์อย่างไก่ที่ถูกเลี้ยงในระบบฟาร์มอุตสาหกรรมจนทำให้เศร้าไม่ลืม “อุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ซึ่งเมืองไทยก็เป็นประเทศต้นๆ ของการส่งออก เราก็ผลิตที่นี่เยอะ เราได้เห็นวิธีการผลิตไก่แล้วรู้สึกว่า “เศร้าและผิดหวัง” เศร้าแทนไก่ที่ไม่มีชีวิตแบบที่เขาควรมี คือแค่เห็นเขาในสภาพที่ย่ำแย่ สุขภาพไม่ดี ไม่สามารถแสดงพฤติกรรมธรรมชาติ ไม่สามารถเห็นแสงแดด มันไม่ใช่จริงๆ เลย ในฐานะผู้บริโภคเหมือนเราถูกโกหกมาโดยตลอด เพราะสิ่งที่เราซื้อ ภาพที่เราเห็นด้านหน้าไม่ใช่แบบนี้ อย่างไก่จริงๆ ก็มีทางเลือกต่อไปนะคะ เรียกว่าฟาร์มที่มีสวัสดิภาพดีหรือ high welfare farm ที่ไก่สามารถมีพื้นที่จะขยับได้ สามารถใช้ชีวิตธรรมชาติ มีสังคมของเขา คลุกดินอาบแดด เล่นกับเพื่อนได้”
“เราเศร้าอยู่นานมาก ทุกครั้งที่พูดถึงก็เศร้า เพราะฉะนั้นต้องให้คนรู้ ถ้าคนรู้ก็ไม่อยากสนับสนุนสิ่งเหล่านี้ แต่ปัญหาคือเราอาจไม่รู้และเราอาจมีเหมือนข้ออ้างว่านานๆ เรากินที คงไม่เป็นอย่างนั้นหรอก ใครจะไปคิดว่ามนุษย์สามารถทำสิ่งนี้กับสัตว์ได้ หรือแค่เราลดปริมาณที่เรากิน บริษัทอาจไม่ต้องผลิตเยอะขนาดนี้ก็ได้ เพราะไก่เป็นเนื้ออันดับหนึ่งในการบริโภค ถ้าเริ่มจากไก่ได้ก็ทยอยไปถึงสัตว์อื่นๆ ด้วย วันนี้มารีญามาพูดในฐานะทูตขององค์กรฯ เราต้องตะโกนไปเรื่อยๆ มุ่งที่บริษัทใหญ่ๆ การที่เราหวังว่าเขาจะตอบพวกเรา มีข้อตกลง คิดว่าจะเป็นแนวทางที่ดีสำหรับเจ้าอื่นๆ แต่ในระหว่างที่เขาเงียบนิ่งเฉย เราก็ต้องผลักดันในส่วนอื่นๆ ผู้บริโภคก็เป็นส่วนที่สำคัญมากค่ะ ผู้บริโภคในประเทศไทยยังไม่รู้สึกถึงพลังที่พวกเรามี เพราะคิดว่าการเปลี่ยนแปลงมาจากทางด้านบนอย่างเดียว แต่ไม่ใช่ ถ้าเราเรียกร้องความโปร่งใสว่าเราต้องการสิ่งที่ดีกว่านี้ คิดว่าในที่สุดบริษัทก็ต้องฟัง แต่อันดับแรกเลยคนต้องรู้ก่อน ความรู้เป็นพลัง เราต้องพูดเรื่อยๆ เพื่อให้คนเข้าใจ”
อยากช่วยสัตว์บ้าง เราต้องทำอะไร?
มารีญาบอกว่ามีหลายจุดที่เราสามารถร่วมด้วยช่วยกันตั้งแต่…
- “คนที่อยากช่วย แต่ไม่มีเวลา ทำงานหนักมาก ไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตของเขาเลย เขาก็สามารถบริจาคได้ อยากให้คนหาข้อมูล หาก่อนว่าสิ่งที่เขาแคร์คืออะไร ถ้าอย่างเรื่องสัตว์ มารีญาก็แนะนำได้ว่าที่ World Animal Protection จะช่วยเหลือสัตว์ได้จริงๆ อาจจะดูว่าแคร์ในจุดไหน การบริจาคก็ทำได้ง่าย แค่ดูว่าเงินเราไปที่ไหนและถูกใช้ทำอะไรได้บ้าง”
- “ส่วนคนที่พอมีเวลาสามารถเป็นอาสาสมัคร เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งด้วยกัน เพื่อกลับบ้านไปพร้อมกับความรู้สึกใหม่ๆ จากการได้เจอกลุ่มที่แคร์ในสิ่งเดียวกับเรา ที่องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกก็มี volunteer ด้วย เช่น กิจกรรมการถือป้ายรณรงค์ว่าผู้บริโภคต้องการ ไปยื่นจดหมาย มีกิจกรรมหลายรูปแบบ ติดตามได้ที่ facebook page มีหลายที่ที่ต้องการความช่วยเหลือ เราอาจต้องถามตัวเองว่ามีทักษะอะไรบ้าง เราเก่งกราฟฟิกหรือเก่งครีเอทีฟ คิดว่าหลายองค์กรทำเรื่องสัตว์กับสิ่งแวดล้อมที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ”
- “ดูนิสัยของตัวเองว่าเราเป็นผู้บริโภคแบบไหน ต้องเข้าใจตัวเองก่อนแล้วเริ่มเป็นคนที่ใส่ใจ เช่น เราซื้ออะไรจากที่ไหน แล้วบริษัทนั้นเขามีนโยบายแบบไหน บริษัทนั้นได้ของมาจากที่ไหน การกินเป็นการเปลี่ยนแปลงที่แต่ละคนทำได้มีผลเปลี่ยนแปลงมากที่สุดทั้งเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งแวดล้อม หรือความเป็นอยู่ของสัตว์ เพราะถึงไม่แคร์สิ่งแวดล้อมหรือสัตว์ก็ควรต้องแคร์ตัวเอง”
- “เราเห็นสัตว์เป็นหนึ่งในความบันเทิงหรือเปล่า เพราะสัตว์เกิดมาบนโลกใบนี้ไม่ได้จะเป็นสัตว์แสดงให้พวกเรา ก่อนที่สัตว์จะสามารถแสดงมาได้ เขาต้องผ่านอะไรมาเยอะ อาจจะโดนฝึกมาอย่างโหดร้าย ผิดธรรมชาติของเขาโดยเฉพาะช้าง เพราะช้างเป็นสัตว์ป่า แต่ถ้าใครอยากเห็นช้างจริงๆ ก็ยังสามารถไปปางช้างได้อยู่นะคะก็มีปางช้างที่คิดถึงสวัสดิภาพสัตว์มีหลายที่นะคะ สามารถดูลิสต์ได้ที่เว็บไซต์ World Animal Protection”
- “แค่เราพูดถึงสิ่งเหล่านี้ อาจเป็นการโพสต์ ตั้งคำถามให้คนมาแชร์กันในโซเชียลของตัวเอง และถ้าเราพูดถึงเรื่องสัตว์อีกอย่างคือขอไม่อยากให้โพสต์จับ อุ้ม ถือสัตว์ป่าจะช่วยมากๆ ไม่ช่วยให้เกิดการขายสัตว์ป่าเพิ่มขึ้น เพราะคนอยากมีรูปกับสิ่งเหล่านี้ที่บ้าน หรือคนรวยสามารถหาซื้อได้”
มารีญาบอกว่าความฝันและความหวังของเธอคือการเดินออกไปข้างนอกแล้วสูดอากาศเต็มๆ ที่ไร้มลพิษ อยากดื่มน้ำจากลำธาร อยากหยิบผักมากินได้ และเมื่อเราทำพวกนี้แปลว่ามลพิษต่างๆ ไม่มีแล้ว แปลว่าสัตว์อยู่ในระบบสิ่งแวดล้อมที่มั่นคง เธอยังบอกอีกว่าอยากเห็นโลกที่คนสามารถอยู่พร้อมกับสัตว์ได้อย่างสงบสุขและให้เกียรติกัน ถ้าเราเคารพธรรมชาติได้จริงๆ ก็สามารถอยู่บนโลกนี้ได้อย่างสบาย “ถ้าเราพัฒนาเครื่องอะไรสักอย่างแบบเครื่องที่คุยกับสัตว์ได้ มารีญาจะแฮปปี้มากเลยค่ะ เพราะเราจะได้ฟังมุมมองจากเขา ถ้ามนุษย์เปิดใจเคารพสัตว์ได้มากกว่านี้ เราจะเรียนรู้อะไรได้มากกว่านี้จริงๆ”
อ่านมาถึงตรงนี้คิดว่าเราอาจต้องลุกขึ้นไปเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลกเลยจัดงานใหญ่ขึ้นมาด้วยความตั้งใจอยากให้ผู้บริโภคในเมืองได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ด้วยกันที่งาน “Happy Meat Happy Me” ระหว่างวันที่ 20-23 ตุลาคม 2565 นี้ที่ชั้น G สามย่านมิดทาวน์ งานนี้มีกิจกรรมมากมายที่อยากให้ “สัตว์อยู่ดี คนอยู่ได้” มีนิทรรศการเชิงประสบการณ์ ดิจิตัลอินเตอร์แอคทีฟ การพูดคุยในหัวข้อต่างๆ ที่น่าสนใจ และพบกับมารีญาที่จะมาเดินแบบแบรนด์โปรดของเธออีกด้วย
“งานนี้มีทั้งโชว์และบูธต่างๆ ให้คนเข้าใจการผลิตของเนื้อสัตว์ที่เราบริโภค เหมือนนำเสนอทางเลือกว่าจริงๆ แล้วมีอะไรทดแทนหากเราไม่สนับสนุนระบบฟาร์มอุตสาหกรรมแล้ว เราจะทำยังไงได้กับชีวิตของเรา และมีฟาร์มที่นึกถึงสวัสดิภาพของสัตว์นำผลผลิตมาให้เราได้รู้จัก มีแฟชั่นโชว์ Art&Culture ที่ให้ข้อมูลแล้วคนสามารถคิดและตัดสินใจเอง มารีญาก็มาเดินแบบในงานนี้ด้วย อยากให้ทุกคนมาดูแฟชั่นโชว์นี้ของแบรนด์ SAVESTUDIO เพราะน้องที่ทำเสื้อผ้าเป็นดีไซเนอร์โปรดของมารีญา เป็นเสื้อที่มารีญาใส่เกือบทุกอาทิตย์เลยค่ะ เพราะเขาเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่นำของเหลือใช้มาตัดเย็บ และเขาแคร์เรื่องสิ่งแวดล้อม สังคมและชุมชนต่างๆ สิ่งที่เขาจะพรีเซนท์ในงานนี้น่าจะอลังการและน่าติดตามมากๆ ค่ะ”