ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Women's Stories

จักรวาลการเดินทาง ของสาวแกร่ง วัย 59 ที่ไม่เคยปล่อยให้พาสปอร์ตหมดอายุ



ตอนแรกตั้งใจว่าพออายุ 60 แล้วจะกบดาน ปลีกวิเวก ไม่ไปไหนแล้ว แต่พอรู้ตัวอีกที อ้าวปีหน้าก็จะ 60 ยังมีแพลนไปอเมริกาใต้ตอนเดือนเมษา และยังมีอีกหลายทริปเล็กทริปน้อย คงไม่ได้แล้วล่ะ…

นี่คือคำพูดที่ยอมใจให้เลย กับเธอคนนี้ ที่เราแอบยกให้เป็นไอดอลในเรื่องของการเดินทางมาตลอดหลายปีที่เริ่มแอบส่องเฟสบุ๊ค “พี่สน” หรือ ปฐมภิญญา ลันสุชีพ อดีตคนทำงานธนาคาร ที่ยอมเกษียณอายุทำงานก่อนจะถึงวัยเกษียณ เพื่อจะได้มีเวลาท่องโลกอย่างไม่กดดัน และมีความสุข

ถามถึงเหตุผลที่ออกเดินทาง สำหรับผู้หญิงร่างเล็ก แต่ใจไม่เล็ก เพราะคนที่สามารถปั่นจักรยานทัวริ่งท่องยุโรปได้เป็นเดือน เทรคกิ้งพิชิตยอดเขามาแล้วหลายยอดทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนั้น ดำน้ำเธอก็ยังไปอยู่เรื่อยๆ หรือเที่ยวยุโรปแบบแบกเป้เป็นเดือนเธอก็สู้…เรียกว่าทุกกิจกรรมในระหว่างการเดินทาง หากจะช่วยเพิ่มรสชาติและสีสัน ท้าทายและเปิดโลก ผู้หญิงคนนี้สามารถทำได้หมดอย่างน่าอัศจรรย์

“เป็นคนอยากเห็นโลกกว้าง ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว และรู้สึกว่ามีอะไรอีกมากในโลกนี้ที่เรายังไม่รู้ มีอะไรแบบนี้ในโลกนี้ด้วยเหรอ เวลาไปข้างนอกมันเปิดมุมมองชีวิต ทำให้เราปรับตัวได้ และทำให้เราไม่ตัดสินคนว่าทำไมเขาเป็นแบบนี้แบบนั้น เพราะคนในแต่ละประเทศ คัลเจอร์แต่ละประเทศก็ต่างกัน ทำให้เราเป็นคนที่ยอมรับหลายๆ อย่างในชีวิตได้ง่ายขึ้น

“อย่างตอนไปอินเดีย คือ Love&Hate จริงๆ เพราะเรารู้ว่าอินเดียจะเก่งสุดๆ ในการหลอกคน แต่พอเราได้ไปเห็น เราก็จะรู้ว่าทำไมเขาเป็นแบบนั้น เพราะปัจจัยสี่ในชีวิตเขายังไม่สมบูรณ์เลย เขาก็จะหลอกนักท่องเที่ยวให้ได้เงินโดยที่เขาไม่คิดหรอกว่าชื่อเสียงประเทศเขาจะเสียมั้ย เพราะแค่ปัจจัยสี่เขายังไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ตอนกลางวันพอโดนหลอก พอตอนกลางคืนกลับมาก็คุยกับเพื่อน สงสารเขา ที่เขาหลอกเรา เราต้องเข้าใจ ไม่โกรธเขาเนอะ เพราะเขายากจนเลยทำแบบนี้ พอตื่นเช้ามาออกไปข้างนอก โดนแขกหลอกอีก เราก็โมโหอีก พอตอนเย็นกลับมา ก็คุยกับเพื่อนอีก เราต้องเข้าใจเขา พอเช้าออกไปเจออีก เป็นอย่างนี้ทุกวัน โดนหลอกทุกวัน ก็ทำให้เราได้ฝึกปลงทุกวัน ปล่อยวางทุกวัน

“แล้วอย่างไปเทรคกิ้งที่เนปาล ก็ได้ฝึกอีกแบบ ถ้าอยู่บ้านเราเวลาทำอะไรก็จะวางแผนเป๊ะๆ ทุกอย่าง พอไปถึงเนปาล จะสั่งอาหาร เราก็คิดว่าพอเดินไปถึงเที่ยงกินข้าว เราต้องออกสักบ่ายโมง เพื่อไปถึงที่พักไม่เกินห้าโมงเย็น เนปาลก็เอิงเอย ค่อยๆ สับไก่ กว่าจะได้กินข้าวเสร็จปาไปบ่ายสอง ตอนแรกๆ เราก็…เอ๊ะ ทำไมเขาไม่รีบทำ แต่ผ่านไปพักหนึ่งมันก็ทำให้เราปรับตัวได้ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เพราะคัลเจอร์เขาเป็นแบบนั้น ยูเป็นใครมาจากไหนจะไปเร่งชีวิตเขาทำไม เราต่างหากที่มาจากที่อื่น พอคิดอย่างนี้ได้ ก็ไม่เป็นไร ระหว่างรอก็ชมนกชมไม้ ถ่ายรูป พอเราคิดแบบนี้ได้ชีวิตก็ง่ายขึ้น อย่าเอาตัวเองไปเป็น Center ของทุกอย่างในโลกนี้”

สำคัญที่สุดคือ “เพื่อน”

หลายคนที่ฝันอยากออกเดินทาง แต่ก็มีอุปสรรคหลายอย่างทำให้ติดขัดไม่อาจไปไหนตามใจอยากได้ แต่สำหรับเธอคนนี้ เมื่อตั้งเป้าไว้แล้วว่าจะออกท่องโลก หลังจากเริ่มเดินทางตั้งแต่สมัยมัธยม ไม่นับตอนเด็กที่ไปกับครอบครัวที่พี่สนบอกว่า มีรูปถ่ายกับศาลากลางจังหวัดครบทั้ง 73 จังหวัดนั่นแล ไม่ร้องว้าวไม่ได้แล้ว 

“พ่อเป็นคนชอบเที่ยวมากเราจะมีรูปตอนเด็กๆ ครบทุกจังหวัด บางรูปก็ยังตัวเล็กๆ ใส่กางเกงในตัวเดียวก็มีนะ เลยคิดว่าเป็นเพราะครอบครัว ที่พ่อชอบเที่ยว เลยทำให้เราติดมาโดยไม่รู้ตัว พอตอนมัธยมก็เริ่มเที่ยวในประเทศไทยก่อน สมัยก่อนถ้าจะไปเมืองนอกตอนเราเด็กๆ ยังไม่ง่ายเหมือนเด็กสมัยนี้ กว่าเราจะได้ไปเมืองนอกก็อยู่มหาวิทยาลัย แล้วพอไปเราก็แบกเป้ไปเอง เราไม่ได้ใช้ทัวร์ เพราะเราไม่ชอบรีบร้อน เราชอบเดินพิพิธภัณฑ์ เดินดูผู้คน จิบชา นั่งคุยกับชาวบ้าน หรือบางทีเราไม่ต้องเช็กลิสต์ทั้งหมดของประเทศนั้นก็ได้ ไปแค่ที่ที่เราอยากไปก็พอ

“แต่ว่าการเดินทางเพื่อนสำคัญที่สุด ตอนเดินทางแรกๆ เรามีเพื่อนที่เที่ยวกันประจำเป็นเพื่อนมัธยมผู้ชายสนิทกันมากแบบเป็นเพื่อนจริงๆ เราจะไปกันสองคน แล้วชอบเหมือนกันทุกอย่าง ชอบไปแบบเรื่อยๆ เช่นไปตุรกีทริปนึง 20 วัน บางทีเดินผ่านสถานีตำรวจ เข้าไปแวะ นั่งคุย จิบน้ำชา คุยกับตำรวจ คือถ้าไปกับเพื่อนแบบเดียวกันก็จะทำได้ 

“พอเราโตขึ้นมาเรื่อยๆ เราก็จะมีเพื่อนหลากหลายกลุ่ม มาเจอเพื่อนที่เป็นทำกิจกรรมเล่นกีฬาด้วยกัน เพราะเราชอบคนเล่นกีฬา อย่างน้อยเขาเป็นคนที่มีน้ำใจนักกีฬาอยู่ระดับหนึ่ง เพราะบางที ถ้าไปขึ้นเรือ ไปดำน้ำ ก็ต้องอยู่ด้วยกัน 5 วัน ตลอด 24 ชั่วโมง อยู่บนเรือในที่แคบๆ 20 คน ก็จะมี สัก 3-4 คน ที่เคมีตรงกัน แล้วในที่สุดก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน แล้วพวกนี้ก็จะเป็นประเภทเดียวกัน ปีนเขา ดำน้ำ วิ่ง ขี่จักรยาน ตีเทนนิส”    

นักเดินทางต้องแข็งแรง

ปฐมภิญญา เป็นผู้หญิงร่างเล็ก ดูอ่อนกว่าวัย ใจเด็ด มีนิสัยแมนๆ ขณะเดียวกันก็ยังชอบแต่งตัวสวยสมวัย ไม่ปล่อยให้ความร่วงโรยมาเยือนไปพร้อมเลขอายุที่กำลังวิ่งไปข้างหน้า เธอเป็นคนดูแลตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ชอบออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีงานวิ่งให้คนอยากออกไปวิ่งเหมือยสมัยนี้

“สมัยก่อนพอเลิกงานก็จะไปวิ่งแถวๆ ที่ทำงาน ตั้งแต่ไหนแต่ไรที่ยังไม่มีใครวิ่ง ไม่วิ่งก็ว่ายน้ำ ส่วนตีเทนนิสก็ตีมาตลอดตั้งแต่อยู่ ป. 6 ป. 7 แม่ให้ไปเรียนที่กรมพละศึกษา สนามกีฬาแห่งชาติ เราก็ตื่นตี 5 ถือไม้เทนนิส ขึ้นรถเมล์ไปลงสยาม แล้วก็เดินไปสนามกีฬา มาถึงตอนนี้นึกย้อนไป ตอนนั้นเราก็อยู่แค่ป. 6 ป. 7 ทำไมเราถึงตื่นไปแต่เช้า ทำไมเราเป็นเด็กมีวินัยขนาดนี้นะ แปลว่าเราคงต้องชอบจริงๆ กีฬาที่ชอบที่สุดคือเทนนิส แต่ถามว่าตีดีมั้ย ไม่ได้ดีมาก แต่ชอบที่จะได้ออกไปตี อันดับสองคือวิ่ง อันดับสามก็เป็นจักรยาน ดำน้ำก็ชอบ แต่ชอบบรรยากาศของการดำน้ำที่สุด ชอบมากกว่าการดำน้ำ ชอบการอยู่บนเรือ ตอนเย็นๆ ขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ นั่งดูพระอาทิตย์ตก กินข้าว คุยกัน มองทะเล สงบๆ เงียบๆ มีความสุข”

บอกตัวเองว่าสำเร็จทุกอย่างก็สำเร็จ

ในขณะที่หลายคนถามหาความสำเร็จ หรือโหยหาเวลาสำหรับการได้ทำอะไรที่อยากทำ แต่สำหรับปฐมภิญญา เธอบอกว่า“ความรู้สึกว่าตัวเอง success ในการได้ทำสิ่งที่ชอบได้หลายอย่าง เป็นความรู้สึกที่รู้สึกได้ตั้งแต่ตอนอายุ 30 กว่าๆ แล้ว ตอนนั้นรู้สึกขอบคุณตัวเอง ขอบคุณชีวิตจริงๆ ที่ทำไมฉันรู้สึกว่าฉันมีความ Self Actualization ที่ทำให้มาถึงตรงนี้ แล้วรู้สึกขอบคุณชีวิต ขอบคุณตัวเอง”

สำหรับคนที่อยากออกไปท่องโลกบ้างอย่างเธอ ก้าวแรกเลย ขอเพียงกล้าที่จะเปิดใจ

“เราต้องเปิดใจ ครั้งแรกอาจจะไม่กล้า โลกอาจจะดูกว้าง อาจลองไปกับทัวร์ดูก่อนว่าชอบมั้ย การได้เห็นวัฒนธรรมอื่นๆ ทำให้เราได้ปรับตัวและได้กลับมาใช้ชีวิต สมมติไปทัวร์แล้วชอบ ต่อๆ ไปก็ลองเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านใกล้ๆ แล้วก็ค่อยๆ เขยิบไป  ญี่ปุ่น ไปดูว่าเราจะแบบไหน จากนั้นคุณก็เขยิบไปยุโรป ค่อยๆ ไปทีละเสต็ป

“หรืออีกแบบหนึ่งคือถ้าเป็นคนชอบธรรมชาติ อาจจะลองไปเดินป่า ลองปีนเขาง่ายๆ เริ่มจากในประเทศก่อน แล้วถ้ามั่นใจว่าชอบแนวนี้ก็เขยิบไป…เนปาลเป็นอะไรที่เจ๋งที่สุด สุดยอด เป็นอีกประเทศหนึ่งที่ทำให้รู้สึกเปลี่ยนโลกไปอีกแบบหนึ่งเลย คนซื่อๆ   ครั้งแรกที่ไปเนปาล ไปที่พูนฮิลล์ มีช่วงหนึ่งที่เดินผ่านเป็นที่โล่งๆ แล้วเห็นเทือกเขาหิมาลัย ไกด์ก็ชี้ให้ดู เราก็รู้สึกโห…ธรรมชาติช่างยิ่งใหญ่ มนุษย์เราช่างเป็นอะไรที่เล็กมาก เป็นแค่ส่วนเล็กๆ ของโลกเอง จากเมื่อก่อนที่เราคิดว่าเราเจ๋งทำได้ทุกอย่าง แต่วันนั้นทำให้ยังจำความรู้สึกที่เห็นยอดเขาหิมาลัยครั้งแรกได้ ว่าเรานี่ช่างเล็กจิ๋วมากจริงๆ จากนั้นก็หลงรักและไปเนปาลบ่อยมาก ไปมา 7-8 รอบแล้ว”

ล่าสุดสาวแกร่งคนนี้ก็ไปปั่นจักรยานทัวริ่งที่ยุโรปมาเป็นครั้งที่ 2

“ทริปล่าสุดก็ไปปั่นจักรยานมาเดือนนึง ครั้งแรกไปเมื่อปีที่แล้ว เพื่อนที่ไปด้วยชื่อ เก๋ ก็เป็นผู้หญิงเก่ง ทั้งทำงานเก่ง ทั้งมีพลังเหลือเฟือ ปีนี้พอปั่นจักรยานเสร็จ ชีก็จัดทริปปีนเขามองบลังก์ต่อเลย ที่เป็นที่สุดของยุโรป เราก็คิดว่าโอ้โห เราล้ำหน้าไปเรื่อยๆ กลับมาเราน่าจะสมัครเนวีซีลได้แล้วมั้ง เราปั่นจักรยานเดือนนึงทุกวัน วันละประมาณ 70-90 กิโล   

“การปั่นจักรยานในยุโรปมีความปลอดภัยและความสะดวกสบายสำหรับคนขี่สูงมาก ก็เลยสนุก เราขี่ไปพักตามเมืองต่างๆ เหมือนขี่จากกรุงเทพไปเชียงใหม่ พักเมืองต่อไปเรื่อยๆ เราใช้จักรยานทัวริ่ง มีกระเป๋าข้างๆ รถ การขี่จักรยานก็เป็นการสอนชีวิตเราได้อีกอย่างหนึ่งนะ ปีแรกเราก็ยังหอบหิ้วของไปเยอะ เตรียมชุดไปกินข้าวต่างๆ นานา แต่เก๋เคยไปขี่มาก่อนแล้ว ก็บอกพี่สนอย่าเอาไปเยอะ มันจะหนัก ตอนนั้นเราก็ยังติดจะสวย ก็เอาชุดต่างๆ ใส่ไป ทีนี้อะไรที่เราเอาใส่ไป มันก็จะเป็นภาระของเราไปตลอดทาง มันเหมือนการสอนชีวิต ว่าอะไรที่เป็นเรื่องจำเป็นในชีวิต

“พอปีที่สอง ที่ผ่านมา เราก็รู้แล้วว่าอะไรจำเป็น กระเป๋าเราก็เล็กลง เรารู้แล้วว่าการที่เราไม่มีอะไรมันสบายตัวจริงๆ แต่ก่อนคิดว่าถ้าเราไม่มีอันนี้ไม่ได้เราอยู่ไม่ได้ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าเรามีแค่กางเกงจักรยานสามตัว เสื้อจักรยานสามตัว ชุดแส็กสวยๆ สักชุด รองเท้าเราก็เลืออกรองเท้ามัลติฟังชั่น จบ แค่นี้ก็ถือว่าครบแล้ว แต่ยังต้องมีชุดแส็กไปสักชุดนะ (ยิ้ม)”

“การเดินทาง สอนอะไรเราได้หลายอย่าง…ถ้าเป็นการเทรคกิ้ง ก็สอนให้เรามีสติ เป็นการฝึกสติ เพราะถ้าว่อกแว่กก็กลิ้งตกเขาได้ ส่วนการที่ต้องไปนอนในป่ากลางคืน เงียบๆ กางเต็นท์นอนอยู่คนเดียว เราต้องไม่มโน ที่เขาบอกได้ยินเสียงอะไร อย่าคิดไปเอง จริงๆ มันไม่มีอะไร ทุกอย่างมันอยู่ที่ความคิดของเรา ว่าเราจะสู้กับมันได้มั้ย จะหลอนเราได้มั้ย

“เคยไปเทรกกิ้งที่โคตาคินาบาลู ยอดเขาสูงสุดในเซาท์อีสต์ เอเชีย ต้องตื่นตีสองแล้วเดินขึ้นไป มีช่วงหนึ่งที่เราต้องเผชิญกับความมืดๆ และเงียบๆ เพียงลำพัง มีช่วงหนึ่งที่ต้องไต่เชือกโหนขึ้นไปด้วยความชันเกือบจะ 90 องศา ตอนนั้นนึกในใจว่าแค่เราปล่อยมือเราก็หงายหลังตกลงไปตายได้เลยนะ เพราะฉะนั้นเราต้องคิดแค่ต้องจับมันไว้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อของธรรมะนะ ว่าเราต้องมีสติ ต้องจับ ต้องไม่ร่วงลงไป มีแว่บหนึ่งที่รู้สึกที่รู้สึกว่าฉันมาทำอะไรที่นี่

“ตอนนั้นเราเดินอยู่คนเดียว สักพักมีใครสักคนเดินตามหลังมา แล้วก็มาตบบ่าบอกเราเป็นภาษาอังกฤษว่า its almost แล้วเขาก็เดินผ่านไป ตอนนั้นรู้สึก มันเป็นการให้กำลังใจกันที่ดีมากจากคนที่ไม่เคยรู้จักกัน

เพราะในระหว่างเส้นทางที่ยากลำบาก บางครั้งเราก็ไม่ต้องการอะไรมากไปกว่า “กำลังใจจากใครสักคน”

เท่านั้นจริงๆ       

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']