ตามหามานานกับการรักษาฝ้ากระสุดจึ้งด้วยเทคนิค SMAPS สิทธิบัตรเฉพาะ Chuladoctor Anti-Aging Center

ส่องกระจกทีไร ฝ้า กระแทกใจทุกครั้ง ต้นเหตุที่ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แต่งหน้าก็ต้องปกปิดอย่างหนา คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องการความสวยอย่างเป็นธรรมชาติ คลีโอเลยหาข้อมูลว่าตอนนี้มีการรักษาฝ้ากระให้หายขาดอย่างไรได้บ้าง เพราะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำได้ทุกวันนี้ก็แค่ประคองด้วยกันแดดปกป้องผิว หรือสกินแคร์ที่ใช้แล้วแทบไม่เห็นผลต่อปัญหาฝ้า กระ ผิวแพ้ง่ายเลย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นฝ้ากระที่มีนั้นได้ฝังตัวลึกลงในชั้นผิว สะสมจนกลายเป็นความไม่มั่นใจ ไม่กล้าสบตาใครตรงๆ ปวดใจขนาดนี้ คลีโอเจอคำตอบแล้วว่ามีนวัตกรรมที่ช่วยรักษาฝ้ากระ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เรียกว่า เทคนิค “SMAPS” เป็นทางออกที่บอกลาฝ้ากระอย่างถาวร กับ Chuladoctor Anti-Aging Center คลินิกที่เชี่ยวชาญเรื่องรักษาฝ้า กระโดยเฉพาะ ถึงเวลาทวงคืนสีผิวที่เรียบเนียนให้กลับมาอย่างสง่างามพร้อมเผยผิวอย่างมั่นใจกันแล้ว สาเหตุของฝ้า กระที่ไม่มีใครอยากเจอ แต่เลี่ยงได้ยาก! เราจะได้ยินรุ่นคุณแม่สอนว่าพยายามอย่าโดนแดดเยอะ แต่ปกป้องยังไง ฝ้าก็ยังมา และปัญหาฝ้ารักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายสักที เพราะจริงๆ แล้วสาเหตุของการเกิดกระและฝ้าไม่ใช่แค่แสงแดดที่มีรังสียูวีคอยทำร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องกรรมพันธุ์ การได้รับฮอร์โมนบางชนิดซึ่งยิ่งเมื่ออายุมาก ยิ่งรักษายากยิ่งขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไปจะเห็นฝ้า กระที่ชัดเจน ดังนั้นการดูแลรักษาเองในชีวิตประจำวันอาจเอาไม่อยู่ ต้องไปคลินิกรักษาฝ้ากระ และปรึกษาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความเชียวชาญโดยด่วน Q: ทำไมที่ผ่านมา การรักษาฝ้ากระถึงเป็นเรื่องยาก ไม่หาย ซ้ำร้ายยังทำให้ผิวกลับแย่ลงกว่าเดิม!? A: […]

ในโลกของการทำงานเราเลือกได้เพียง 2 อย่าง อะไรคือสิ่งที่ใช่สุดสำหรับเรา

คนที่ทำงานบริษัทมีร่มกางไว้ให้แล้ว หรือคนที่ออกมาสร้างตัวเองและกางร่มด้วยตัวเอง ที่แปลกคือพอเรามีร่มกางไว้ให้แล้ว เราก็อยากออกไปกางร่มเอง แต่พอเรามากางร่มเอง เราก็รู้สึกว่ารู้อย่างนี้ไม่น่าออกมา แล้วอะไรคือร่มที่ใช่ที่สุดของเรา… การเป็นพนักงานบริษัทหรือทำงานแบบที่มีคนตั้งบริษัทรอเอาไว้ มีข้อดีคือเรามีเงินเดือนทุกเดือนแน่นอน เราแพลนชีวิตได้ตามเงินที่ได้มา เหมือนเรามีโฟกัสปักไว้เรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำตามสิ่งที่บริษัทตั้งเอาไว้ให้เรา อยากไต่สูงขึ้นแค่ไหน ก็ง้างศักยภาพออกมา เจออะไรก็ปะทะไปในแบบตามคัลเจอร์ขององค์กรนั้น ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่เกี่ยงงาน จับประเด็นได้ โฟกัส และทำอย่างสม่ำเสมอ ปล่อยวางบ้าง ฮึบบ้าง ผ่านไปสิบปีเราก็มีเงินเก็บได้ชิลล์ๆ แต่เราอาจถามตัวเองทุกวัน… จิตวิญญาณฉันยังอยู่ดีนะ ความฝันของฉันล่ะ ฉันจะต้องขับรถมาตึกนี้ทุกวันไปอีกนานแค่ไหน ตกลงฉันต้องทน ต้องเล่นตามน้ำ สิ่งที่อยากทำก็ต้องเงียบไว้ ไม่ชอบอะไรก็ต้องเฉยๆ แล้วปล่อยผ่าน ศักยภาพฉันใช้ไปเพียงเท่านี้จริงหรือ แพชชั่นล่ะ ความเป็นตัวเองล่ะ ฉันแค่มีเงินเดือนเป็นที่ตั้งจริงหรือ? แล้วถ้าเราทำงานแบบกางร่มให้ตัวเองล่ะ เหมือนจะดูสานฝัน เท่ เก๋ ได้ทำอะไรของตัวเองแล้ว เราอาจจะมองแค่ตัวเรากับสิ่งที่เราอยากทำ อยากจะสร้าง แต่เราไม่มีหลักใดๆ ไม่มีองคาพยพช่วยประกอบร่างใดๆ เราคนเดียวล้วนๆ ที่จะต้องลงมาเล่นในมหาสมุทรของการหาเลี้ยงชีพแล้ว แก่นต้องชัด เรียกว่าต้องแน่จริงเลย เราได้เป็นนายตัวเองเต็มที่ เรามีวิชั่นของตัวเองแล้ว แต่ก็มีสองทางให้เลือกนะ เลือกกางร่มให้ตัวเองแต่ยังต้องพึ่งร่มของคนอื่น หรือกางร่มของตัวเราล้วนๆ […]

“อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” ใช้แทนมื้ออาหารได้ มีสารอาหารหลากหลาย ดื่มได้ทุกวัน รสชาติอร่อย

ตั้งใจมาไม่รู้กี่ปีจนหมดหวังว่าชีวิตนี้จะลดน้ำหนักได้สักทีจริงๆ หรือเปล่า เพราะบอกตามตรงว่าก็ลองมาหมดแล้ว ทั้งวิธีอดอาหารซึ่งก็ผอมลงจริง แต่ร่างกายเพลียและหิวจนไม่มีแรงเหมือนได้สารอาหารไม่เพียงพอ ตอนที่เริ่มกลับมากินตามปกติ น้ำหนักก็ดีดเพิ่มมากกว่าเดิม หรือพอจะลองโหมออกกำลังกาย ได้หุ่นกระชับขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้หุ่นตามที่ฝันจนพับเก็บความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักไปนาน แต่วันนี้มีเทคนิคลดน้ำหนักเพื่อให้ร่างกายยังได้รับโภชนาการที่ดีมาฝาก! ค้นพบเทคนิคลดน้ำหนักโดยไม่ต้องอดอาหาร หลักการลดน้ำหนักที่แนะนำคือต้องจำกัดพลังงานแคลอรีให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการและยังต้องได้สารอาหารที่หลากหลาย แต่ความยากคือจะกินยังไงให้อิ่ม แคลอรีไม่เกิน ตอนนี้มีทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนักแต่ยังได้โภชนาการที่เหมาะสม ที่เรียกว่า “OPTIFAST” “อาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนัก” เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ที่คิดค้นโดย Nestlé Health Science ที่มีสารอาหารหลากหลายและเหมาะสม สามารถใช้รับประทานเพื่อทดแทนมื้ออาหารโดยไม่ลืมออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อลดน้ำหนักตามคำแนะนำของแพทย์ นี่คืออาหารทางการแพทย์เพื่อลดน้ำหนักที่เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องลดน้ำหนัก เพราะ… แชร์สูตรใส่ใจตัวเอง 1 วันกับ OPTIFAST* 1 มื้อ = OPTIFAST 1 ซอง2 มื้อ = อาหารพลังงานต่ำแบ่งรับประทานทั้งวันกับผลไม้สดที่มีน้ำตาลต่ำ 2 ผล, ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ไม่เติมน้ำตาลทราย 1 แก้ว, ผักใบหรือผักที่มีแป้งต่ำ 2 ถ้วยและน้ำเปล่า 2 ลิตร *อาหารทางการแพทย์ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ Food […]

ถ้าเรารู้คุณค่าของตัวเองอย่างแท้จริง เราจะ “พอ” กับใครบางคนได้ชิลล์เลย

บางครั้งสิ่งที่อยากที่สุดในความสัมพันธ์ ไม่ใช่ตอนอยู่ในความสัมพันธ์นะ แต่ตอนที่เราอยากเดินออกมาใจแทบขาด แต่เราออกมาไม่ได้ ไม่แปลกหรอกที่เราจะรักใครแล้วเรามารู้ทีหลังว่า เรารักเขามากกว่าที่เขารักเรา และรู้ต่อว่าเราไม่ควรอยู่ในความสัมพันธ์นี้แล้ว เพราะมันจะทำร้ายเราแน่นอน เอาล่ะ! เมื่อเราผ่านกระบวนการเรียนรู้จักความรักครั้งนี้ รู้จักเขา เห็นตัวเอง เห็นเขาเรียบร้อยแล้ว และเรารู้แล้วว่าไม่เวิร์ค เราคงต้องเดินออกมา ถึงตอนนี้สิ่งที่เราติดก็คือ “ความสุขที่เคยมี ความทรงจำ คำพูดที่เหมือนจะจริงของเขา ความดีบางอย่างของเขา ความหวังที่อาจจะดีก็ได้ที่เราคิดไปเอง” ทั้งหมดมารั้งให้เราเดินออกมาจากความสัมพันธ์ไม่ได้สักที ไม่นับที่เราจะออกๆ เขาก็เกี่ยวเราเอาไว้ ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะ “เรายังไม่เห็นคุณค่าของตัวเองเต็มๆ” เรามักชอบคิดว่าเขาเจ๋งกว่าเรา เขาคิดเก่ง ทำงานเก่งว่าเรา เขาโรแมนติกจัง เขาน่ารักโน่นนี่ เขามีศักยภาพ เขา…บลาๆๆๆๆ แต่ขอถามคำหนึ่งเลยนะ แล้วเราล่ะ “เรามีอะไรที่เริ่ดบ้าง?” ถ้ายังคิดไม่ออกขอบอกสั้นๆ เลยที่เรามีแล้วเฉือนเขาแน่นอน “เรามีหัวใจรักที่เต็มไปด้วยความรัก” เราเป็นผู้หญิงที่พร้อมจะมอบความรัก เห็นหัวใจของคนรัก เข้าใจคนรัก และทำอะไรให้ความรักของเราดีขึ้นเรื่อยๆ สิ่งนี้คือคุณค่าของเรา และเมื่อคุณค่าตรงนี้ของเราถูกส่งไปหมดใจ แต่เขากลับส่งกลับมาบ้าง ไม่ส่งบ้าง เห็นคุณค่าบ้าง ไม่เห็นบ้าง หรือเห็นตอนที่เขาอยากได้อะไรจากเรา แล้วไปตอนที่เขาก็ไม่ได้อยากได้ในเวลานั้นของเขา แปลว่าเขาไม่ใช่คนที่มีหัวใจรักแบบเดียวกับเรา ก็ไม่แปลกที่เราจะรู้สึกจมๆ กับตัวเอง แล้วคอยถามตัวเองว่าทำไมๆๆๆๆ […]




Love, Relationship, Self Love

“เซน ศิลปะแห่งการตกหลุมรัก” ความรักแบบไม่ยึดติดเป็นแบบนี้เอง

เซนและศิลปะแห่งการตกหลุมรัก

หนังสือเรื่องความรักเล่มนี้ เซน ศิลปะแห่งการตกหลุมรัก หรือ Zen and the Art of Falling In Love คือหนังสือรักแห่งโลกที่จะเปลี่ยนมุมมองความรักของคุณแบบกระชากทุกสิ่งได้แน่นอน!

ถ้าถามถึงหนังสือรักที่รักที่สุด เล่มนี้มาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ Zen and the art of falling in love หรือ เซน ศิลปะแห่งการตกหลุมรัก ความรักที่บอกว่า “ถ้าเขามาก็ต้อนรับ แต่ถ้าเขาไปก็ไม่ไล่ตาม” อ่านแล้วยิ่งมองความรักดีงามขึ้นไปอีก และเป็นไบเบิลให้เรามีสติ มีรักที่ดี ไม่เจ็บปวดในความรัก ระหว่างที่เรามีความรักได้เลย

“ชอบนะ ชอบตั้งแต่หน้าแรก อ่านไปด้วยใจหมดจดไปจนหน้าสุดท้าย เข้าใจคำว่า “รัก” มากขึ้นมาก คำนี้ทำให้รู้สึกตื่นรู้ เบิกบาน อบอุ่น และคำๆ นี้ทำให้เข้าใจคำว่า “ละ” ได้อย่างแท้จริง รักและละในทางของเซนไม่ได้แยกจากกัน แต่คือหนทางเดียวกัน รักแบบเซนไม่จำเป็นว่าเราต้องเจอคนที่เลอเลิศ หรือคนในฝันที่เรารอคอย แต่รักแบบเซนคือรักที่จะทำให้เราเข้าใจความรักและความเจ็บปวด จนสามารถมีความสัมพันธ์ได้แบบที่ไม่มีวันพัง เซนจะบอกว่าเราเปลี่ยนชีวิตรักเราเมื่อใดก็ได้ จะลึกซึ้ง ดีงามได้แน่นอน”

10 ความเป็นเซน และศิลปะแห่งการตกหลุมรัก

เล่มนี้เป็นหนังสือที่ต้องอ่านช้าๆ จับหัวใจของเซนไปเรื่อยๆ อ่านไปฝึกตัวเองตามแบบเซนไป แล้วต้องคอยถามหัวใจตัวเองเสมอ หนังสือเล่มนี้คือการปะทะความจริงตรงๆ ไม่บีบรัด ไม่ขัดขืน เลยขอสรุปมาให้ในความเป็นเซน ที่ถ้าเราได้ฝึก ได้เข้าไปสัมผัส จะรู้เลยว่าความรักเป็นเรื่องง่ายเหลือเกิน

1. “เซนสอนไม่ให้สาละวนกับกิ่งก้านสับสน ที่ทำให้คนคนหนึ่งปฏิเสธความรัก แต่ให้มุ่งไปที่รากของความป่วยไข้ และดึงต้นไม้ที่อ่อนแอนั้นออกมา เมื่อไม่มีรากแล้ว ความเจ็บปวดและสับสนก็ไม่อาจแตกหน่อได้อีกต่อไป และตอนนี้ก็จะมีทางให้ต้นไม้ใหม่ถือกำเนิด ต้นที่ให้ผลโอชะและอิ่มเอม หากมาจากรากที่แข็งแรงแล้ว ผู้ที่เริ่มต้น “ความสัมพันธ์ที่ดี” ก็จะพบว่าความสัมพันธ์นี้ไม่หายไปไหนแม้ว่าเวลาจะผ่านไป”

Cleo’s Decode: เรื่องนี้เซนสอนให้เราอย่าสนใจโลกภายนอก แต่ให้กลับมาที่จิตใจของเรา และอย่าสนใจว่าคนที่เราเจอเขาจะดีหรือไม่ดี ในรักแท้ไม่มีคำว่าผิดพลาด ความสัมพันธ์ที่ดีเริ่มจากราก ก็คือธรรมชาติอันแท้จริงของใจ อย่าสนใจโลกภายนอก การตัดสินของสังคม หรืออะไรที่ไม่เกี่ยวกับใจของเรา

zen and the art of falling in love01

2. “เซนนั้นแสนเรียบง่าย แต่ในความเรียบง่ายนี้เองมีพลังแฝงอยู่ ไม่ว่าใครก็ปฏิบัติได้ ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรพิเศษเลย เพียงแค่มีความตั้งใจจะเป็นคนที่เราเป็นจริงๆ เท่านั้น”

Cleo’s Decode: เราเพียงมีความรักที่เรียบง่าย ไม่ต้องคิด ไม่ต้องทำอะไรให้ซับซ้อน ไม่ต้องพยายามเป็นใครเพื่อทำให้ใครชอบเรา เราเป็นตัวเราอย่างแท้จริง ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่อยากให้ใครต้องมาทำอะไรให้ เป็นตัวเราที่เปิดกว้างอย่างสมบูรณ์ อย่าต่อต้าน และไม่จำเป็นว่าจะต้องได้รับคำตอบอันใด

3. “พวกเราส่วนใหญ่ตั้งหน้าออกไปหาสมบัติที่คนอื่นมอบให้ คำนวณว่ามันมีค่าต่อเรามากสักเพียงใด เมื่อเข้าหาความรักด้วยท่าทีเช่นนี้ เท่ากับว่าเรากำลังทำตัวเหมือนขอทาน เห็นคนอื่นเป็นแหล่งกอบโกย แต่เมื่อใดที่มีความรักตอนที่กรุสมบัติของเราเปิดแล้ว เราก็จะได้พบความอัศจรรย์ไม่สิ้นสุดทั้งในตัวเราและระหว่างตัวเรากับอีกฝ่าย”

Cleo’s Decode: เรามักอยากมีความรักเพื่อให้เขาดูแลเรา ให้เขามอบความสุขให้เรา แต่ยิ่งเป็นอย่างนั้น เราก็จะยิ่งต้องการ ยิ่งคาดหวัง ก็จะทำให้อีกฝ่ายกดดัน แต่ถ้าเรามีความรักตอนที่เรารักตัวเองเป็นจริงๆ แล้ว นิ่งกับตัวเองได้ ไม่ได้ต้องการอะไรจากใคร เราจะได้พบกับตัวเราเองที่เราชอบ และเมื่อมีความรักของอีกฝ่ายเดินเข้ามาหา โลกของเราและเขาจะยิ่งเต็มเปี่ยมนั่นเอง

4. “บ่อยครั้งเหลือเกินที่เราพยายามไขว่คว้าและยื้อยุดสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับเราอีกต่อไป หรือพยายามอย่างยิ่งให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ไม่เหมาะกับเราอย่างสิ้นเชิง เราไม่เคลื่อนไหว นั่นก็คือเราได้ยอมศิโรราบต่อปัญญาที่สูงส่งกว่าและกำลังปล่อยให้ชีวิตดำเนินไปแบบที่มันเป็น”

Cleo’s Decode: ในความรักเซนสอนให้เรา “อย่าเคลื่อนไหว” คืออะไรที่ไม่ได้ก็อย่าไปไขว่คว้า ให้อยู่นิ่งๆ เฉยๆ ให้ชีวิตดำเนินไปแบบที่มันเป็น เพราะยิ่งเราพยายามไขว่คว้า นั่นก็คือเรากำลังพยายามเอาสิ่งที่ไม่เหมาะกับเราเข้ามา ถ้าเราปล่อยการยึดของเราได้ ไม่ต้องควบคุมใคร ให้ทุกคนเป็นไปตามการกระทำของเขา เราจะรักผู้อื่นอย่างที่เขาเป็นได้อย่างแท้จริง

5. “เพื่อให้เกิดการกระทำที่แท้จริง เราต้องไม่ทำอะไรเลย เราต้องหยุดทำสิ่งที่เคยทำ ต้องหยุดปฏิกิริยาโต้ตอบเสียก่อน ต้องอดทนต่อความกังวล ความสับสน และความรู้สึกอื่นๆ ที่เกิดขึ้น เมื่อเราหยุดการโต้ตอบอย่างที่เคยทำ เราต้องมุ่งมั่นที่จะอยู่นิ่งและเงียบ เพื่อให้แรงกระตุ้นอยากโต้ตอบอ่อนกำลังลง หากเราทำเช่นนี้กับคู่รักได้ ความระคายใจเล็กน้อยทั้งหลายก็จะหายไปเอง”

Cleo’s Decode: เวลาเรามีความรัก เมื่อมีสิ่งที่เราไม่พอใจอะไร เราจะเริ่มลงมือทำอะไรบางอย่าง เราจะโต้ตอบทันที เราพยายามจะเปลี่ยนสิ่งนั้น ควบคุมสิ่งนั้น เราคิดว่าความสบายใจของเราสำคัญกว่าคนอื่น แต่ทำแบบนี้จะยิ่งผลักไสคนอื่นออกไป และเราไม่ได้มองเห็นความเป็นตัวเขาอย่างแท้จริง ความรักจะขัดแย้งและไม่นำพาความสุขมาให้ได้ในที่สุด

6. “เมื่อเขามาเราก็ต้อนรับ เมื่อเขาไปเราก็ไม่ไล่ตาม”

Cleo’s Decode: ไม่ว่าใครจะมาหรือไป เราไม่สามารถบอกว่าเขาคือของของเราได้ เราต้องเข้าใจว่าคนแต่ละคนเขามาจากที่ใดและจะไปสู่ที่ใด ใครก็ตามที่มาเราก็ต้อนรับเขาด้วยใจหมดจด ไม่ตำหนิ ไม่เรียกร้อง และเมื่อเขาต้องไป เราก็ให้เกียรติการจากไปของเขา โดยที่ไม่ต้องไล่ตาม เราจะไม่ผิดหวังเมื่อเขาจากไป เรากำลังเคารพเขาอย่างแท้จริง เราได้เปิดกว้างให้เขาอิสระที่จะเป็นทุกสิ่งที่เป็นได้ และธรรมชาติจะช่วยเราเคลื่อนย้ายสิ่งที่เหมาะสมกับเรา และสิ่งที่ไม่ใช่สำหรับเราเข้าและออกไปเอง “เขาไม่ใช่ของเรา เขาเพียงแต่เดินเข้ามาอยู่ในเส้นทางของเราเท่านั้น”

7. “จะเดินไปทางซ้าย หรือจะเดินไปทางขวาก็ตาม เหนือสิ่งอื่นใด อย่าโอนเอน”

Cleo’s Decode: ในความสัมพันธ์ที่ต้องมีความขัดแย้งอยู่แล้ว ถ้าเรารักษาสมดุลของเราได้ รักษาจังหวะของความรัก นิ่งและให้ข้างในเป็นตัวบอกเรา เราจะรู้เองโดยธรรมชาติว่าเมื่อไหร่ต้องทำอะไร สมดุลภายในจะบอกเราเอง สมาธิและความใส่ใจกับภายในของเรา การรู้ตัวของเราจะบอกจังหวะอันแม่นยำทุกอย่างให้เราเอง เราจะรู้ว่าเขาเป็นยังไง ความสัมพันธ์ตอนนี้ฟีลเป็นยังไง และเราจะรู้จักผ่อนเป็น เติมพลังเป็นไปเองเลย

zen and the art of falling in love

8. “คนมากมายมีชีวิตอยู่ในอดีต เฝ้าคิดและฝันถึงสิ่งที่เกิดไปแล้ว จนพวกเขาไม่มีที่ว่างหรือพลังภายในที่จะพบคนที่อยู่ตรงนี้ ขณะนี้ ตรงหน้าพวกเขา”

Cleo’s Decode: เรามักเอาอดีตมาให้ความหมายกับปัจจุบัน ทั้งปมในใจของเราในอดีต คนในอดีตที่อาจทำให้เราเจ็บปวด และเราก็เฝ้าโทษอดีต จนทำให้เราไม่ได้รับรู้ความเต็มสมบูรณ์ของสภาวะปัจจุบัน ไม่ได้รักในการมีอยู่ของใครในปัจจุบันอย่างแท้จริง พลังของเขา และของเราตรงหน้าเรา จึงไม่ได้รับการถ่ายทอด พลังงานความรักจึงไม่สามารถส่งประกายความรักออกมาได้

9. “ทุกชีวิตในโลกนี้ล้วนน่ารักทั้งนั้น หากเราไม่สามารถรักพวกเขาได้ มันก็เป็นเพราะมีเมฆหมอกมาบังตาเราอยู่ และเมฆหมอกนี้จะสลายไปเมื่อไหร่ก็ได้ ที่เราอยากให้มันไป”

Cleo’s Decode: เซนจะสอนให้เรากลับไปหาตัวตนดั้งเดิมที่เราเป็น ก่อนที่เราจะถูกเหวี่ยงไปตามแรงดึงของสิ่งต่างๆ รอบตัว จนทำให้เราแทบจะจำหัวใจตัวเองไม่ได้ จริงๆ แล้วเราทุกคนมีจะทำให้สิ่งต่างๆ ที่เกาะเราอยู่หายไปเมื่อไหร่ก็ได้ เพียงแค่กลับมาอยู่กับตัวเองอย่างแท้จริง เราวางใจ เรามีความหวังได้ในทุกขณะ แค่นิ่งอยู่กับตัวเราในปัจจุบันขณะ ไม่ต้องโออ่อนต่อสิ่งใด

10. “ถึงแม้ว่าความรู้สึกโดดเดี่ยวของเราจะถูกเก็บซ่อนไว้ชั่วคราวเมื่อเราใกล้ชิดกับคู่ของเรา แต่มันไม่ได้หายไปไหนเลย มันจะผุดขึ้นมาอีกเมื่อเงื่อนไขเปลี่ยนไป ยิ่งเราพยายามหนี มันก็จะยิ่งรั้นจะอยู่”

Cleo’s decode: เมื่อมีความรักที่แท้จริง เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความว่างเปล่าโดดเดี่ยวด้วย เราต้องเข้าใจว่าความโดดเดี่ยวมาคู่กัน มันไม่ได้หายไปไหน ไม่ว่าเราจะอยากให้ใครมาเติมเต็มให้เราไม่โดดเดี่ยว แต่มันยังอยู่ข้างในนั้น เราก็จะยิ่งคาดหวังในสิ่งที่มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง เซนสอนให้เราเข้าใจและยอมรับความโดดเดี่ยวนั้น ว่ามันไม่ได้หายไปไหนหรอก

อ่านเรื่องราวอื่นๆ ได้ที่ สุดยอดวิธี Manifest ความรัก

More

[ajax_load_more posts_per_page='6']