อยากเปลี่ยนอาชีพตอนอายุ 30 ต้องทำยังไงดี? ตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อน

ทำงานมาสักพักตั้งแต่เรียนจบแล้ว มาถึงวันที่เราจะเข้าวัยเลข 3 อยากเปลี่ยนงาน เปลี่ยนอาชีพไปเลย แต่ก็อยากได้ไกด์อะไรบางอย่างว่าเราคิดถูกแล้ว สมัครงานก็ว่ายาก แต่การเปลี่ยนงานก็เครียดและยากเหมือนกัน เพราะบางทีเราอยากเปลี่ยนอาชีพไปเลยเหมือนกันแต่ก็ไม่แน่ใจ หลายๆ คำถามถาโถมเข้ามา ฉันอดทนพอมั้ย แล้วจะมีความที่ดีกว่านี้มั้ย แล้วถ้าเจอแย่กว่าล่ะ แต่นี่อายุจะเข้าเลข 3 แล้ว ฉันเองก็ต้องการอาชีพที่ใช่จริงๆ และอยากทำยาวๆ ไปเลย อยากบอกว่าเป็นเรื่องธรรมชาติมากเลยนะ ที่เราจะอยากรู้สึกเปลี่ยนงานตอน 30 เพราะเหมือนเราผ่านวัยรุ่น ผ่านความเป็นสาว first jobber มาประมาณหนึ่งแล้ว เราก็จะยิ่งอยากหาสิ่งที่ใช่มากขึ้นเรื่อยๆ เราเปลี่ยนอาชีพได้ไหม ตอนวัย 30? แน่นอนว่าคุณเปลี่ยนได้นะ!! คุณสามารถอยู่ดีๆ เปลี่ยนอาชีพไปเลยตอนอายุ 30 ได้ มีข้อดีด้วยก็คือเหมือนเพิ่งเริ่มมายังไม่ได้มากเท่าทำไปยี่สิบสามสิบปี ยังมีเวลาให้เรียนรู้ได้อีกเยอะ จริงๆ ถ้ารู้ตัวแต่แรกว่าไม่ชอบสายงานอาชีพนี้เลย คุณก็สำรวจตัวเองให้เข้าใจที่สุด แล้วตัดใจเปลี่ยนอาชีพได้เลย มีเยอะมากที่คนเรียนสถาปัตย์มา แล้วไปเป็นมาร์เก็ตติ้ง เรียนหมอมา แล้วไปเป็นนักธุรกิจ หรือเรียนบัญชีมา แล้วไปเป็นนักข่าว บอกเลยว่าไม่จำเป็นว่าเราต้องฝืนทำต่อ ทั้งๆ ที่ใจเรารู้ชัดว่ามันไม่ใช่ วัย 30 จะเป็นช่วงเวลาลุยที่ดีที่สุดในชีวิต! […]

20 แก้ว tumbler ที่เรารักมาก ใส่ร้อนก็ได้ เก็บเย็นก็ดี ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ 

วิธีการเลือกแก้วเก็บความเย็นสำคัญมาก เพราะต้องมีคุณสมบัติ ร้อน-เย็น ถึกทนใช้ได้นานและสะดวกเข้ากับไลฟฟ์สไตล์ของเรา ขอรวม 20 แก้ว tumblr ใส่ร้อนก็ได้ เก็บเย็นก็ดี จากแบรนด์ทั่วโลกที่มีคุณสมบัติครบเป็นที่ไว้วางใจและยอดนิยม หน้าร้อนหรือหน้าไหนพกพาสะดวก ดื่มได้ทั้งวันหมดห่วงเรื่องน้ำไหลซึมหก ที่สำคัญมีลวดลายรูปทรงมากคุณสมบัติมาฝากให้เลือก นอกจากนี้ยังเป็นไอเทมน่าซื้อใส่ใจคนรุ่นใหม่รักสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

10 ถ้อยคำที่อยากโอบกอดตัวเองจากมะเฟือง Beautiful Madness by Mafuang

10 ถ้อยคำที่อยากโอบกอดตัวเองจากมะเฟือง จากเพจ Beautiful Madness by Mafuang นักจิตบำบัดสาวที่เริ่มต้นการเรียนจิตวิทยาด้วยการอยากช่วยเหลือคนอื่น อยากเข้าใจความรู้สึกของทุกคนให้ดียิ่งขึ้น จุดเริ่มต้นก่อนมาถึงตรงนี้ มะเฟืองเคยเป็นสาวนักเขียนคลีโอ ด้วยความที่ต้องสัมภาณ์พูดคุยกับผู้คนมากมาย ได้ฟังเรื่องราวในชีวิตหลากหลายรูปแบบ จนอยากมีความรู้ทางด้านจิตวิทยามาช่วยให้คำปรึกษา เธอเลยลาออกจากการเป็นนักเขียนแล้วไปเรียนต่อโททันทีที่แอลเอ




Women's Stories

กฎเหล็กของ คุณย่าเจน หญิงสตรองวัย 92 ปี “ชีวิตนี้อย่าคิดน้อยใจ”



ยังคงอยู่ในเดือนของผู้หญิง คลีโออยากจะนำเสนอเรื่องราวของผู้หญิงออกมาในหลายๆรูปแบบ ทั้งการให้กำลังใจและปลุก อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้ผู้หญิงทุกคนได้กล้าที่จะเป็นตัวเองและยอมรับในความไม่สมบูรณ์แบบได้อย่างสวยงาม ตามสโลแกนของคลีโอ Be Sexy, Be Positive, Be Real เรื่องราวที่จะนำมาเล่าเป็นเรื่องราวของหญิงแกร่งคนหนึ่งที่อายุ 92 ปีแล้ว แต่ยังใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขทั้งกายและใจ รักในอิสระภาพ ขับรถไปไหนมาไหนเองได้ไม่ต้องพึ่งใคร ทำให้หลายๆคนอิจฉาและตั้งคำถามกับเธอเสมอว่า มีเคล็ดลับอะไรถึงได้แข็งแรงและมีความสุขขนาดนี้? ซึ่งเธอตอบว่า… “เพราะในชีวิตไม่เคยคิดน้อยใจ คิดบวกทุกวันก็มีความสุขดี”

ชีวิตวัยเด็กที่ไม่ได้โปรยด้วยกลีบกุหลาบ

คุณย่าเล่าว่าชีวิตในวัยเด็กนั้นชีวิตยิ่งกว่าในละคร บ้านเธอเป็นคนจีนแท้ๆทั้งพ่อและแม่ อย่างที่รู้กันดีว่าบ้านคนจีนมักจะโปรดปรานการมีลูกชาย ด้วยความที่บ้านนี้มีลูกหลายคนมากและคุณย่าเป็นลูกสาวคนที่ 9 เกือบจะสุดท้อง เธอได้ถูกยกให้คนอื่นเลี้ยง…ซึ่งพ่อแม่บุญธรรมก็ไม่ใช่คนที่ร่ำรวยอะไร ค่อนข้างยากจน ไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องทำงานขายผักที่ตลาด อดมื้อกินมื้อ ชีวิตลำบากและต้องคอยช่วยเหลือตัวเองมาโดยตลอด แต่สิ่งที่ไม่เคยขาดเลยคือความรักจากพ่อแม่บุญธรรม ไม่รู้สึกมีปมด้อย ทำให้เธอไม่เคยมีความคิดอิจฉาใครหรือน้อยใจในโชคชะตา เธอเป็นคนคิดบวกมาตั้งแต่เด็กและเชื่อมั่นในความเพียรของตัวเองเสมอ…พออายุได้ 15 ปี พี่สาวของคุณย่าก็ได้มาเจอ เลยชวนให้กลับไปหาพ่อแม่แท้ๆอีกครั้ง ก็ไปหาอยู่บ่อยๆ ไปเช้าเย็นกลับ สิ่งที่เธอชอบทำในตอนนั้นคือ ชอบเย็บเสื้อ ก็ทำไปเรื่อยๆจนเกิดพรสวรรค์ และกลายเป็นอาชีพในที่สุด

“ยากจนทุกอย่าง แต่ไม่เคยจนความรักจากพ่อแม่บุญธรรม”

ไม่มีอีโก้ มีกรรไกรแค่อันเดียว

ในวัย 24 เธอเป็นช่างตัดเสื้อเต็มตัวและทำงานอยู่ที่ร้านตัดเสื้อที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ในตอนนั้นถือเป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ คุณย่าเจนกลายเป็นที่รู้จักของหลายคนในฐานะช่างตัดเสื้อที่มีฝีมือ บางคนต้องมารอเพื่อตัดเสื้อกับคุณย่าเท่านั้น และเมื่ออายุ 26 ก็ได้เปิดร้านขอตัวเอง “ร้านเจน” ประตูน้ำ คุณย่าเจนพูดว่าเธอนั้น “ไม่มีอีโก้ มีกรรไกรแค่อันเดียว” เธอเริ่มมาจากศูนย์ เรียนรู้ทุกอย่างด้วยตนเอง อ่านออกเขียนได้ อาศัยครูพักลักจำ อาวุธของเธอมีเพียงแค่สิ่งเดียวคือกรรไกรที่เธอจะใช้ตัดเสื้อผ้า หาเลี้ยงตัวเองและหาเลี้ยงครอบครัวของเธอ

“ไม่มีอีโก้ แต่สิ่งที่ทำให้คนยอมรับในตัวเราคือ ต้องเป็นคนที่มีสัจจะในคำพูด พูดคำไหนคำนั้นและต้องซื่อตรงกับตัวเองและผู้อื่น”

เมื่อมีความรัก…ก็เต็มที่ไปกับมัน

คุณย่าเจน เจอกับคุณปู่ทอมเมื่ออายุได้ 26 ปี…ในตอนนั้นเธอยังทำงานเป็นช่างตัดเสื้อของที่ร้าน และคุณปู่พาคนมาตัดเสื้อ ก็มาอยู่บ่อยๆจนมีอยู่วันหนึ่งมาดักรอหน้าร้าน พอคุณย่าเลิกงานก็เจอและได้เอ่ยปากชวนคุณย่าไปเดท ก็คือชวนไปดูหนังด้วยกัน คุณย่าก็ตอบว่า “แปปนึงขอไปเปลี่ยนชุด” แล้วก็ไปเดทเลย คุณย่าบอกว่าคุณปู่หล่อมาก แล้วย่าชอบคนหล่อ ถามคุณย่าว่าตอนนั้นไม่กลัวคนจะมองไม่ดีหรอ ด้วยค่านิยมของคนสมัยก่อนที่มักจะต้องเล่นตัวก่อน คุณย่าก็ให้คำตอบแบบมั่นใจไปเลย

“ไม่กลัว ไม่คิดว่าจะดูไม่ดีด้วย เพราะเป็นคนที่เชื่อในตัวเองทั้งหมดและมั่นใจในสิ่งที่เลือก ในเมื่อชอบแล้วก็เลือกเลยไม่อยากจะเสียเวลา อยากทำอะไรก็จะทำเลย เต็มที่กับทุกอย่าง”

ชอบในความสตรองของเธอจริงๆ เป็นผู้หญิงที่ independent และมั่นใจในตัวเองสุดๆเลยนะในยุคนั้น คุณย่าเล่าเสริมความน่ารักให้ฟัง ก็คือในตอนที่ไปเดทก็ไปทานข้าวกันต่อ หลังจากดูหนัง คุณย่าเห็นว่าเธอหาเงินเองได้ เรียกได้ว่าหาเงินเก่งมากเลยหล่ะ เธอเลยอยากช่วยจ่าย แต่ก็ไม่อยากให้คุณปู่เสียหน้า ก็เลยเอาตังยัดใส่มือปู่ เพื่อให้เขาจ่ายตังกับพนักงานเองไปเลย ก็แหม่…รักเขาก็ต้องห่วงภาพลักษณ์ของเขาเป็นธรรมดา

แม้แต่ความรักก็ตัดสินใจด้วยตัวเองแม้จะมีอุปสรรค…เมื่อถูกพ่อแม่กีดกันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ ทั้งปู่และย่าเลยตัดสินใจจดทะเบียนสมรสกัน และจัดงานเลี้ยงเล็กๆเป็นงานแต่งงาน ชวนแต่คนสนิท และก็ได้อยู่ด้วยกันจนเกิดเป็นครอบครัวสุขสันติ์ มีลูกด้วยกัน 5 คน เมื่อความรักดี เรื่องอื่นๆก็ดี คุณปู่ก็ทำงานที่ธนาคารตำแหน่งสูง ร้านเสื้อของคุณย่าก็ไปได้ดี เพราะความเพียรจึงทำงานจนสามารถส่งลูกๆไปเรียนเมืองนอก….ด้วยน้ำพักน้ำแรงและกรรไกรตัดเสื้อนี้แหละที่ทำให้ลูกทั้ง 5 คนได้โตมาอย่างสมบูรณ์แบบและมีความสุขที่สุด

“คิดว่าคนเราก็กินได้แค่ 3 มื้อ…ไม่ได้อยากรวย แค่มีกินมีใช้ มีสุขภาพที่ดีก็พอแล้ว”

การที่คุณย่าเจนยึดหลักความพอดีในชีวิต ทำให้เธอเป็นคนที่ไม่เครียด ไม่กดดันตัวเอง มีความสุขกับสิ่งรอบตัว รู้สึกขอบคุณกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ เมื่อความคิดผ่อนคลายร่างกายก็เช่นกัน ทุกอย่างเริ่มมาจากความคิด เมื่อสุขใจก็จะสุขกายไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมาเบียดเบียน

ความสุขของทุกวันนี้คือไม่หยุดที่จะเรียนรู้

คุณย่าบอกว่ารู้สึกยินดีกับลูกๆทุกคนที่ได้ดี มีครอบครัวที่ดี ไม่ได้ต้องการให้ลูกๆมาดูแลหรืออยู่ด้วยตลอดเวลา อยากให้ลูกไปดูแลครอบครัวของตัวเองมากกว่า ทุกวันนี้ลูกทุกคนก็แวะเวียนกันมาหาอยู่เรื่อยๆแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว คุณย่าเจนเป็นคนที่รักอิสระมาก เธอบอกว่าการอยู่คนเดียวทำให้เธอได้ใช้ชีวิตแบบอยากทำอะไรก็ทำ เช่น ทำกับข้าวกินเอง ขับรถไปนู่นนี่ ซื้อของมาฝากคนนู้นคนนี้บ้าง ไปออกกำลังกาย เดินสวน รำมวยจีน ตื่นเช้ามาใส่บาตรอยู่เสมอ เป็นคนไม่ชอบกินยาก็เลยจะระวังเรื่องสุขภาพ ทำกายภาพบ้างบางครั้ง คอยดูแลและสังเกตสุขภาพของตัวเองไม่ให้ขาด อีกสิ่งนึงคืออยากตามโลกให้ทัน

“ไม่อยากโบราณ ก็ต้องเปลี่ยนความคิด เดี๋ยวตามไม่ทัน อายเขา”

คุณย่าบอกว่า ไม่อยากตามโลกไม่ทัน เป็นคนที่ไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ พอมีลูกๆหลานมาสอนเรื่องการใช้โซเชียลมีเดียก็เลยทำให้เข้าใจโลกและเข้าถึงความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา ไม่อยากเป็นคนหัวโบราณ ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงและกล้าเผชิญทุกรูปแบบ

อ่านเรื่องอื่น ๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO

More