บทสัมภาษณ์จากความคิดภายในที่เต็มไปด้วยแรงผลักดัน แรงบันดาลใจ และความฝัน ตลอดการพูดคุยกับเธอคนนี้นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง คุณดาด้า สิญาภัสร์ วัฒน์พีรธรรม ชีวิตที่เกิดมาพร้อม Perfect pitch ในขณะที่เธอไม่รู้ว่าชีวิตวัยเด็กกับการจับเครื่องดนตรีชิ้นแรกจะกลายเป็นพรสวรรค์ของเธอตลอดกาล
สิ่งที่ทำออกมาแล้วเป็นตัวเองที่สุดอาจเรียกว่านั่นคือพรสวรรค์
คุณดาด้าเธอเริ่มรู้สึกชอบเล่นเปียโนตั้งแต่แรก เป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรกที่เล่นเป็น แต่ในขณะนั้นเธอไม่รู้ว่าชีวิตวัยเด็กกับการจับเครื่องดนตรีชิ้นแรกจะกลายเป็นพรสวรรค์ของเธอตลอดกาล
เรื่องของดนตรีไม่ว่าจะร้อง เล่น หรือแต่งเพลง รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ดีที่สุดหรือจะเรียกว่าเป็นพรสวรรค์เลยก็ว่าได้ คุณดาด้าเธอบอกว่าอาจไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองทำได้ดีที่สุด แต่เป็นสิ่งที่ทำแล้วแฮปปี้และเป็นตัวเองมากที่สุด
และแน่นอนว่าสิ่งที่เราชื่นชอบเราจะทำมันได้ดี ถ้าเราชอบมันด้วยใจจริงและไม่ว่าจะเกิดปอุปสรรคอะไรขึ้นมาสุดท้ายเราจะแก้ไขและรู้ว่าเราจะทำสิ่งที่เราชอบออกมายังไงให้คนอื่นเขาเห็น
จากการแข่งขันและความพยายามสู่ค่ายเพลง Gene Lab
คุณดาด้ากับชื่อเสียงมือกีต้าร์ จุดเริ่มต้นจากการแข่งขันวงดนตรี Hotwave Music Awards 2019 เป็นครั้งที่สองที่พาเธอสู่ ไฟนอลด่านสุดท้าย หลังจากนั้นการร่วมทีมของวง “ไก่ไข่” เข้าสู่การออดิชั่นค่ายเพลงและในที่สุดเธอก็เป็นศิลปินที่อยู่ภายใต้ค่ายเพลง Gene Lab
เธอเล่าว่าการแสดงโชว์ดนตรีทุกครั้ง ความตื่นเต้นความกลัวที่เกิดขึ้นขณะขึ้นโชว์ มันเกิดขึ้นได้เสมอ แต่วิธีการสำคัญที่พาเธอผ่านมันมาได้นั่นก็คือ ประสบการณ์
รู้ตัวอีกทีดนตรีกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
คุณดาด้าเธอเล่าว่าชีวิตที่ขับเคลื่อนไปด้วยความฝันของเธอนั้น มีอุปสรรคมากน้อยเกิดขึ้นอยู่แน่นอน หลายครั้งสำหรับเธอชีวิตมันยาก เธอบอกว่าบางทีชีวิตมันไม่ได้ง่ายหรือยากเกินไป ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะมองมันแบบไหน เรื่องแย่ๆในชีวิตเราไม่รู้หรอกว่าเรื่องพวกนี้มันจะผ่านไปเร็วหรือช้าแค่ไหน แต่ถ้าเรามีความเชื่อว่าสักวันนึงมันจะผ่านไปได้ มันก็จะผ่านไป และถ้าเราพยายามทุกๆเรื่องแน่นอนว่ามันจะมีทางออก
สุดท้ายทุกอย่างจะผ่านไปได้แม้ต้องใช้เวลามากน้อยเท่าไหร่
เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับปรุงแก้ไข ไม่ใช่คิดในแง่ลบและไม่พัฒนาตัวเอง
ชีวิตก็เหมือนกับการรอวันถูกหวย
พยายามให้ถึงที่สุดถ้ามันยังไม่ใช่ก็อาจจะยังไม่ถึงจังหวะของเรา
คำว่าโอกาสและจังหวะของชีวิตของคุณดาด้ามันทำให้เธอรู้สึกเชื่อในคำๆนี้ตั้งแต่การแข่งขัน Hotwave ครั้งแรกเธอไม่ผ่านเข้ารอบ แต่ความมุ่งมั่นความพยายามและรอจังหวะของชีวิตเพื่อเริ่มต้นการแข่งขันในเวอร์ชั่นของตัวเองที่เก่งขึ้นและดีขึ้นมากกว่าเดิมทำให้การไปครั้งนี้ที่เธอสามารถไปถึงรอบสุดท้ายได้ “จริงๆแล้วมันอาจจะเรียกว่าจังหวะชีวิตก็ได้”
เชื่อในเสียงของตัวเองแล้วไปให้ถึงเป้าหมาย
แรงกดดันที่มากที่สุดสำหรับตัวเราก็คงจะเป็นตัวเราเอง คุณดาด้าเธอมองว่าให้เปลี่ยนความกดดันเป็น goal มากกว่า เธอบอกว่าเธอมักจะพูดกับเป็นประจำเสมอ “วันนี้ทำได้ดี” ถึงวันนี้ยังทำไม่ได้ “ไม่เป็นไรเอาใหม่” ถ้าเรามีกำลังใจเรารู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่แล้วพัฒนาไปเรื่อยๆมันจะไม่มีคำว่าสายเกินไป
และเรื่องของความฝันปลายทางที่มองหาคงเป็นความสำเร็จ คุณดาด้าเธอเปลี่ยนมุมมองเรื่องของความสำเร็จแม้ความกดดันในวงการดนตรีหรือสิ่งรอบข้างที่ชวนสร้างความกดดันให้กับเธอ เธอบอกว่า ใครจะประสบความสำเร็จก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ว่าอายุเท่าไหร่เราก็ประสบความสำเร็จได้ และคนอายุน้อยก็ไม่จำเป็นต้องรีบประสบความสำเร็จเสมอไป ค่อยๆเก็บความรู้เก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ
ไม่เปลี่ยนอะไรสักอย่างสุดท้ายก็ยังนั่งเสียดายอยู่แบบนี้
คุณดาด้ามองถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นว่า มันก็เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ที่จะถามตัวเองว่าเราพยายามกับสิ่งๆนั้นแล้วจริงรึป่าว บางทีความผิดพลาดสุดท้ายก็กลายเป็นความเสียดาย แต่สำหรับคุณดาด้าเธอมองว่าความเสียดายมันเกิดขึ้นแน่นอนเมื่อต้องเลือกสักทางหรือผิดหวังสักเรื่อง แต่เธอบอกว่าเรามองมันด้วยวิธีที่จะทำยังไงให้ในวันนี้ไม่เสียดายจะดีกว่ามั้ย เราเปลี่ยนมุมมองมายเซ็ตสำหรับทุกๆอย่างได้ มันเริ่มจากตัวเราทั้งนั้นเลยไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับเรา
ไม่ว่าอุปสรรคหรือปัญหาอะไรที่เข้ามา สติล้วนๆที่จะทำให้เธอควบคุมทุกสถานการณ์ได้ และประสบการณ์เองก็เหมือนกันที่จะสร้างความเป็นมืออาชีพทั้งในสถานะนักดนตรีและมนุษย์คนนึง
สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความรักนั่นคือความจริงใจ
สำหรับคุณดาด้าสาวมาดเท่อารมณ์ขันพูดพร้อมเสียงหัวเราะว่า รักก็คือรัก หลงก็คือหลง ซึ่งเธอบอกว่าความจริงแล้วไม่ว่าเพื่อน ครอบครัว สิ่งต่างๆความรู้สึกที่ออกมาในการแสดงถึงความรักนั่นก็คือความรัก ทุกคนสามารถแสดงหรือพูดคำว่ารักได้เช่นกัน แต่สิ่งสำคัญนั่นก็คือความจริงใจ ถ้ารักอย่างจริงใจเรียกได้ว่าที่สุดของทุกอย่างเพราะมันเป็นที่มาของการแสดงความจริงใจให้เชื่อผลของการกระทำมากกว่าคำพูด
ความรักวัยมัธยมสอนให้เราได้รู้จักรสชาติที่หลากหลายของความรัก และอาการของอกหัก
เราชอบเขามากไปแล้วเขาไม่ชอบเรา เราไม่ดีตรงไหน โทษนี่โทษนั่น แต่อยากให้ลองกลับมาโฟกัสตัวเองก่อน เรารักตัวเองมากพอรึยัง ถ้าเรายังไม่เห็นคุณค่าในตัวเองใครจะมาเห็น
เส้นบางๆระหว่าง “รักตัวเอง” กับ “เห็นแก่ตัว”
บางอย่างเรารักตัวเองปกป้องตัวเองไม่เอาตัวเองเข้าไปในสถานการณ์ไหน มันคือการเอาเปรียบหรือการเห็นแก่ตัว
เราจะรักตัวเองยังไงไม่ให้ดูเห็นแก่ตัว สำหรับคุณดาด้าการรักตัวเองในนิยามของเธอที่ว่า มันคือการที่เราเห็นคุณค่าในตัวเอง มองโลกในแง่บวก การที่เรามีกำลังใจกับตัวเองมันคือรางวัลที่สำคัญที่สุด เพราะต่อให้ใครให้กำลังใจเรามากกว่านี้มันก็ผ่านหูซ้ายทะลุหูขวาได้ แต่ถ้าใจเราได้รับกำลังใจจากตัวเองสิ่งเหล่านั้นก็เหมือนเป็นกำไรมาบวกให้กับเรา
หมอดูหรือใครก็บอกอะไรเราไม่ได้นอกจากตัวเอง
คุณดาด้าเธอบอกว่า ไม่มีอะไรสายเกินไป นักดนตรีศิลปินที่เพิ่งมีชื่อเสียงในวัย 40 ปีก็มี ทำมันไปเรื่อยๆถ้าเรารู้ว่าเราชอบและรู้ว่ามันใช่ เราต้องมั่นใจในตัวเองไปก่อน เชื่อและทำทุกอย่างให้ดีที่สุดก่อนจะยอมแพ้ เรารู้ตัวเราเองดีที่สุด
“อย่าเอาตัวเองไปแข่งกับคนอื่น การที่เราดูคนอื่นนั้นเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้พัฒนาตัวเอง ไม่ใช่ดูเพื่ออยากไปเป็นแบบใครเพราะในโลกนี้ไม่มีใครเหมือนใคร”
ติดตามได้ที่ IG: dadasyp
อ่านเรื่องราวอื่น ๆ ได้ที่ CLEO Thailand และ FB > CLEO